ตำนานลึกลับ >> ผีทหารญี่ปุ่นเฝ้าสมบัติ ณ วัดภูเขาทอง จ.พัทลุง

คนในยุคก่อนนั้นจะมีสมบัติมากมายและจะขึ้นชื่อในเรื่อง หวงของ หวงสมบัติ ดังนั้นจึงต้องมีคนเฝ้าทรัพย์สมบัตินี้ จึงมี ปู่โสมเฝ้าทรัพย์มีหน้าที่คอยเฝ้าสมบัติคอยเป็นเจ้าที่พิทักษ์สมบัตินี้เอาไว้ วันนี้เราได้นำตำนานลึกลับที่มีเนื้อหาค่อนข้างคล้ายคลึงกับปู่โสมเฝ้าทรัพย์ เราไปตามรอยกันเลยดีกว่ากับเรื่อง ผีทหารญี่ปุ่นที่ได้นำสมบัติไปฝังไว้ในถ้ำภูเขาทอง แล้วทำการสละชีวิตเพื่อเฝ้าสมบัตินี้ เราจะมาเล่าประสบการณ์ของหญิงสาวนางหนึ่งที่ นางจะมาเล่าถึงตำนานลึกลับของถิ่นกำเนิดบ้านเกิดของนางเอง ซึ่งได้ฟังมาจากแม่ของนางเอง เป็นเรื่องที่เล่าส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่นเลยก็ว่าได้ ณ ที่นี้ขอตั้งชื่อนามสมมุติของหญิงสาวนางนี้ให้ชื่อว่า กี้ หลอนเป็นชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่บ้านปากคลอง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง หมู่บ้านปากคลองนี้เป็นชื่อที่หลายคนไม่ค่อยคุ้นกันสักเท่าไหร่ แต่ถ้าบอกว่าหมู่บ้านนี้จะตั้งอยู่ใกล้กับ “วัดเขาอ้อ” ซึ่งชื่อนี้หลายคนย่อมรู้จักกันดีเพราะในอดีตเป็นเหมือนกับสำนักเรียนวิชาไสยศาสตร์ ที่ดังระดับประเทศ ผู้คนที่มีชื่อเสียงเป็นศิษย์วัดนี้ก็คือ พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช (บุตร พันธรักษ์) ท่านขุนพัน ซึ่งเป็นตำรวจน้ำดีชื่อดังของวงการตำรวจไทย ในที่นี้เราไม่ได้มาเล่าถึงประวัติวัดเขาอ้อกันนะจ๊ะแต่ เราจะมาเล่าถึงตำนานลึกลับแห่งวัดภูเขาทอง ซึ่งถ้ามองไปในแนวระนาบเหนือใต้จะเห็นอยู่ในแนวเดียวกันเลยและที่ตั้งก็อยู่ไม่ไกลจากกันเลย วัดเขาอ้อมีลูกศิษย์ทั้งโจรและตำรวจดังนั้นไม่ว่าจะเสือหรือข้าราชการก็มักจะมาฝากตัวเป็นศิษย์กับวัดพอ่ท่านคล้าย และถ้าใครที่เป็นเสือถ้าต้องอาศัยอยุ่รวมกันกับ พวกเสือก็จะไปอยู่ตามตีนถ้ำภูเขาทอง ด้วยในยุคสมัยหนึ่ง ปี 2453 ที่มีการนำรถไฟเข้ามาใช้งานได้มีการตัดเส้นทางรถไฟให้ผ่านจังหวัดพัทลุงซึ่งเส้นทางนี้อยู่ใกล้กับภูเขาทอง ซึ่งการตัดเส้นทางผ่านเช่นนี้เป็นการนำความเจริญเข้ามาสู่หมู่บ้านอีกด้วย เมื่อปี 2484 กองทัพญี่ปุ่นได้ทำการยกทัพเข้าสู่ประเทศไทยของเราพร้อมๆกันถึง 7 จุด ก็จะมี สุราษฎร์ธานี ชุมพร ประจวบฯ นครศรี ปัตตานีและสงขลา ซึ่งทางรัฐบาลได้ยอมให้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน […]
“ผีเปรต” เป็นเรื่องจริงหรือแค่ตำนานที่เล่าต่อกันมา ?

ถ้าพูดคำว่า “ผีเปรต” พวกเราก็มักจะได้ยินจากคนเฒ่าคนแก่บอกว่าเป็น ผีที่ตัวสูงเท่าต้นตาล มีลำแขนที่ยาว มือใหญ่เท่าใบลาน ปากเล็กเท่ารูเข็ม อาศัยอยู่ตามวัด ส่งเสียงร้องหวีดเล็กแหลมใครเพื่อขอส่วนบุญ พวกเราก็จะถามกันว่าแล้วทำอะไรถึงจะกลายเป็นผีเปรต ปู่ย่าตายายก็จะคอยสอนว่าพวกเราว่าอย่าเถียงพ่อแม่นะปากจะเล็กเท่ารูเข็ม อย่าตีพ่อแม่นะมือจะใหญ่เท่าใบลาน เราก็จะได้ยินกันประมาณนี้ แต่จากประสบการณ์ที่เคยได้ยินมามีคนที่เคยพบเจอผีเปรตคือ ชาวบ้านที่ออกหาปลาในช่วงเวลา เที่ยงคืนครึ่งเดินผ่านไปทางวัด พอเดินไปถึงช่วงท้ายวัดที่เป็นป่าช้าเขาได้ยินเสียงหวีดเล็กส่งเสียงลากยาวจนเสียดหู ชาวบ้านคนนั้นได้หันไปหาต้นเหตุของเสียงว่ามาจากไหนเขาก็ได้พบกับร่างหนึ่งที่ทรงเหมือนมนุษย์ที่มีตัวที่สูงใหญ่ เขาได้ยืนอยู่ระหว่างขาของผีเปรตตนนั้นพอดี พอเขาได้เห็นเช่นนั้น ทำให้ชาวบ้านผู้นั้นสติแตกวิ่งกลับบ้านนอนจับไข้หัวโกร๋นกันเลย ชาวบ้านที่พบเห็นผีเปรตไม่ได้มีแค่คนเดียว เรื่องราวการพบเจอเปรตถูกเล่ากันมาปากต่อปาก ตำนาน ความเชื่อ เรื่อง “ผีเปรต” ของคนไทย สังคมไทยของเรานี้ส่วนใหญ่จะเชื่อว่าผีเปรตนั้นมีอยู่จริง มี ทางพระพุทธศาสนาของเรายืนยัน นอนยันกันเลยว่าผีเปรตมีอยู่จริงเพราะบันทึกอยู่ในพระไตรปิฎก ผีเปรตตามความเข้าใจของสังคมคนไทย ที่มีหลักฐานจะพูดถึง เปรตวัดสุทัศนเทพวราราม จะมีประโยคเด็ดคือ “แร้งวัดสระเกศ เปรตวัดสุทัศน์ฯ” ซึ่งบอกถึงความหมายว่าทั้งสองสถานที่นี้จะมีแร้งกับผีเปรตเยอะ เนื่องด้วยในยุคเก่านั้นมีผู้คนตายเป็นจำนวนมากด้วยโรคห่า มีการนำศพไปทิ้งไว้เป็นจำนวนมากจนทำให้มี่แร้งมาที่วัดสระเกศเพื่อมากัดกินร่างที่ไร้ชีวิต ส่วนวัดสุทัศน์มีคนเคยเห็นเปรตอยู่ที่วัดซึ่งมีลำตัวสูงเท่ากับเสาชิงช้า ซึ่งในบริเวณนี้จะมีพราหมณ์มาจับกลุ่มอยู่กันเป็นจำนวนมาก ในยุคนั้นในหลวงรัชกาลที่ 6ได้ทรงตรัสเรียก “เปรตสะพานหัน” เอาไว้เรียกพวกขอทาน ผีเปรต มีความเชื่อต้นกำเนิดมาจากอินเดีย คือพวกเปรตเป็นจำพวกสัตว ในอบายภูมิของคนที่ตายไปแล้ว ภพภูมิของเปรตจะมีผู้ปกครองเป็น มหิทธิกา ลักษณะการแบ่งพวกนี้จะแยกด้วยผลกรรมของแต่ละตนว่าทำกรรมมาแบบไหน มีการจารึกเอาไว้เป็นเปตกถาด้วยซึ่งจะอยุ่ในสที่วัดพระเชตุพนฯแบ่งจำพวกเปรตออกเป็น […]
ตำนาน “แม่ซื้อ” ความเชื่อโบราณ เทวดาคุ้มครองเด็กทารก

ในยุคก่อนจนมาถึงปัจจุบัน เน้นไปที่ตามต่างจังหวัดท้องถิ่น โดยเฉพาะทางภาคใต้ บ้านหลังไหนที่มีเด็กทารกแรกเกิด เรามักจะได้ยินคำว่า “แม่ซื้อ” กันอยู่บ่อยๆ แม่ซื้อคืออะไรละ มีใครรู้จักกันบ้าง ถ้าเป็นรุ่นปู่ย่าตายายจะรู้จักกันเป็นอย่างดีแต่ในปัจจุบันนี้กาลเวลาผ่านมาคนที่อยู่ในเมืองบางคนอาจไม่เคยได้ยินหรือไม่รู้จักคำนี้กันแล้ว วันนี้เราไปเจาะลึกกับคำนี้เลย “แม่ซื้อ” เมื่อในสมัยยุคก่อนคนโบราณ การแพทย์ยังไม่ได้พัฒนาเหมือนยุคปัจจุบันนี้ ใครที่เจ็บป่วยก็จะมีแพทย์แผนไทยที่มีการรักษาด้วยสมุนไพร ส่วนใหญ่จะใช้กับผู้ใหญ่ ซึ่งถ้าทาราที่เกิดมามีอาการเจ็บป่วยไม่สบายเป็นโรคพิษไข้ชนิดต่างๆ ส่วนใหญ่จะไม่มีการรักษาจึงทำให้ทารกเหล่านั้นเกิดการเสียชีวิตกันตั้งแต่แรกเกิดเลยทันที เหตุการณ์เช่นนี้จึงทำให้เกิดความเชื่อบางอย่างเกิดขึ้น ตำนานความเชื่อโบราณที่บอกผ่านกันมารุ่นสู่รุ่น “แม่ซื้อ” เป็นเทพเทวาที่คอยดูแลพิทักษ์รักษาเด็กตั้งแต่ทารกแรกเกิดไม่ให้เกิดอาการเจ็บป่วย แต่ก็จะมีบางความเชื่อที่แตกต่างกันออกไปคือเชื่อกันว่า “แม่ซื้อ” ยังเป็นดวงจิตหรือผีที่คอยมีจิตริษยาใจอำมหิต จะตรงข้ามกับความเชื่อที่แล้วคือ แม่ซื้อจิตริษยานี้ไม่ได้ดูแลรักษาแต่จะมาทำร้ายให้เด็กทารกเกิดอาการเจ็บป่วยกนเลยทีเดียว แต่ก็จะมีบางความเชื่อว่า “แม่ซื้อ” หนึ่งตนเป็นได้ทั้งดีและทั้งให้โทษได้เช่นกันคือเชื่อกันว่า เทวดาที่จะคอยมาป้องกันรักษาตัวทารกแล้วยังแปลงกายยักษ์เป็นมารมาเล่นมาแกล้งกับตัวเด็กมากจนเกินความพอดี ทำให้เด็กทารกเกิดอาการหวาดกลัวไม่สบายตัวร้องไห้หนักจนเกิดอาการเจ็บป่วยลงในที่สุด ดังนั้นถ้าอยากให้เด็กทารกร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ จึงต้องจึงต้องมีพิธี “ทำแม่ซื้อ” หรือ “เสียแม่ซื้อ” แม้แต่เด็กทารกที่มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ก็ยังเข้าพิธีนี้เช่นกันเชื่อกันว่าเป็นการปกป้องหรือเสริมสิริมงคลให้กับตัวเด็กได้เช่นกัน ผลลัพธ์ที่จะได้จากการเข้าพิธีนั้นคือ อาการผิดปกติไม่ว่าจะเป็น การเจ็บป่วย การร้องหรืออาการสะดุ้งตกใจแบบไม่มีสาเหตุก็จะหายไปนั้นเอง ส่วนใหญ่แล้ว“แม่ซื้อ” ของประเทศไทยนี้ตามหลักฐานของแต่ละภูมิภาคก็จะไม่เหมือนกัน แต่ละพื้นที่จะรับอิทธิพลวัฒนธรรมพื้นบ้านนั้นๆที่ต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น ภาคกลาง มีความเชื่อว่า “แม่ซื้อ” เป็นเทวดาหรือภูตประจำตัวของเด็กทารกแต่ละคนสถิตอยู่ที่สวรรค์ โลก และ ท้องฟ้า มีทั้งหมด 7 […]
ตำนานปลาไหลเผือกแห่งโยนกนาคนคร เมืองล่มสลายหายไปเพียงข้ามคืนโดยพญานาค

สยามเมืองยิ้ม (ไทยแลนด์) ของพวกเราเป็นหนึ่งในประเทศที่มักจะมีเรื่องเล่าพื้นบ้านในแต่ละภาค นิทานปรัมปรา หรือตำนานที่กล่าวขานสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เล่ากันปากสู่ปาก ไม่ว่าจะเป็นภูมิภาคไหน สถานที่ใดในพื้นแผ่นดินนี้มักจะมีประวัติความเป็นมา มีสิงศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตอยู่ ณ ที่นั้นๆ ประวัติสถานที่มาที่ไป จะบอกได้ถึงชีวิตความเป็นมาของพื้นบ้านให้เราได้ศึกษากัน มีตำนานอยู่เรื่องหนึ่งที่ว่าพญานาคถล่มทำลายมืองโยนกนครจมลงไปสู่พื้นบาดาลเพียงข้ามคืน หลายคนอาจคิดว่าตำนานเรื่องนี้เป็นเพียงแค่เรื่องเล่าที่พวกผู้ใหญ่แต่งขึ้นมาเพื่อสร้างประวัติของสถานที่นั้นๆ เรื่องราวความแค้นระหว่างพญานาคกับมนุษย์มันเกิดอะไรขึ้น แอดมินบอกเลยว่ามันไม่ใช่เพียงแค่นิทานหรือตำนานทั่วไปแน่นอน ตำนานเวียงหนองหล่ม อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย แอดมินจะบอกได้เลยว่าตำนานนี้ไม่เหมือนเรื่องทั่วไปของไทยเพราะเมือไม่นานมานี้มีการค้นพบปรากฏถึงหลักฐานหลายอย่างที่สอดคล้องกับเรื่องราวที่เขาได้เล่าสืบต่อกันมารุ่นสู่รุ่น บ่งบอกเอาไว้ว่า อณาจักรโบราณที่ล่มสลายจมหายไปสู่บาดาลกลายเป็นหนองน้ำอาจจะเป็นเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นในสมัยโบราณที่เล่าต่อกันมา ตำนานนี้เขาได้เล่าว่า เมื่อนานมามากแล้ว กษัตริย์เจ้าเมืองแห่งนครไทยเทศ หรือ เมืองราชคฤห์ มีถิ่นที่ตั้งบริเวณทะเลสาบ “เอ๋อร์ไห่” หรือ “หนองแส” (ภาษาไทยลื้อไทใหญ่ที่แปลความหมายได้ว่าทะเลสาปที่มีน้ำท่วมล้น) ท่านได้ให้ราชบุตรได้แยกกันออกไปหาพื้นที่สร้างบ้านแปงเมืองของตนเอง ซึ่งหนึ่งในราชบุตรชื่อ สิงหนวัติกุมารได้พาเหล่าผู้คนอพยพออกจากเมืองนครไทยเทศ เจ้าสิงหนติราชกุมารได้มุ่งไปในเส้นทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เดินมาเรื่อย ท่านหาพื้นที่เหมาะสมที่สุดเพื่อจะสร้างบ้านเมืองขึ้นมาใหม่ จนมากระทั่งเดินทางมาถึงแคว้นสุวรรณโคมคำ ที่ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำโขงซึ่งที่นี้จะมีชาวลัวะได้อาศัยอยู่ที่บริเวณดอยตุง ซึ่งพวกเขาจะมีผู้นำที่ชื่อว่า “ปู่เจ้าลาวกุย”ซึ่งเจ้าสิงหนติราชกุมารท่านได้เจอกับพญานาคที่นี้ ได้มีพญานาคแปลงกายเป็นพราหมณ์นุ่งขาวห่มขาว เข้าไปทักทายกับพระองค์ เมือได้พูดคุยกันไปมาแล้วพญานาคได้รู้จุดประสงค์ของเจ้าชาย พญานาคจึงคืนร่างเดิมและได้แนะนำตัวเองว่าเป็นพญานาค เรามีสถานที่แนะนำให้พระองค์ได้สร้างบ้านเมืองเป็นสถานที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การสร้างบ้านแปลงเมืองตามประสงค์ของท่านรองรับประชาชนทั้งหมดได้ แต่มีข้อแม้ที่ต้องสัญญากับเราว่าถ้าท่านและประชาชนได้มาตั้งบ้านเมืองแล้วขอให้ชาวเมืองทั้งหมดอยู่ในศีลธรรมอย่างเคร่งครัดและต้องทำบุญอุทิศบุญให้เราอยู่สม่ำเสมอ เจ้าชายสิงหนติราชกุมารและเหล่าชาวบ้านยินดีรับข้อเสนอของนี้ พอพญานาครับรู้เช่นนั้นเขาก็ได้หายวับจากไป เจ้าชายและชาวบ้านก็ได้เดินทางไปที่พญานาคได้บอกไว้และตั้งเมืองขึ้นมา ชื่อว่า “เมืองนาคพันธุสิงหนตินคร” เป็นการนำชื่อของท่านเองกับชื่อพญานาคผสมกันขึ้นมา เจ้าชายก็ได้มีการขยายอำนาจปกครองจนไปถึงกลุ่มชนพื้นถิ่นเดิมทั้งหมด […]
6 ความเชื่อ … ของคนโบราณทางภาคใต้

เหล่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยของเรานี้มีความเชื่อแต่ละพื้นที่แตกต่างกันออกไป สถานที่ติดกับเมืองไหนก็เป็นปัจจัยในการเปลี่ยนแปลงความเชื่อได้เช่นกัน ในที่นี้จะมาดูความเชื่อของชาวใต้ซึ่งเป็นวัฒนธรรมในแต่ละพื้นบ้านจะส่งผลต่อพฤติกรรมความคิดของ่คนในที่นั้นๆและถูกส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น ผู้ที่สืบทอดปฏิบัติสังคมก็จะยอมรับแต่ถ้าไม่ทำตามแล้วผู้คนก็จะไม่ปรารถนาดีต่อผู้นั้น ความเชื่อของคนใต้จะแบ่งได้ทั้งหมดเป็น 4 แบบได้แก่ ความเชื่อเกี่ยวกับศาสนา, ความเชื่อเกี่ยวกับไสยศาสตร์, ความเชื่อเกี่ยวกับจริยาวัตร, ความเชื่อเกี่ยวกับการักษาโรค บางความเชื่อก็ดูไม่มีเหตุไม่มีผลแต่เราก็ไม่ควรที่จะลบหลู่ความเชื่อของคนโบราณเพราะเขาอาบน้ำร้อนมาก่อนเรา ถ้าเราไม่เชื่ออาจทำให้เกิดความเสียหายได้ ไปดูกันว่ามีความเชื่ออะไรบ้าง 1. ถ้าไปงานศพมาต้องล้างเท้าก่อนเข้าบ้าน ความเชื่อการล้างเท้าก่อนจะเข้าบ้านนี้ เป็นความเชื่อที่มีมานานมากแล้ว ถ้าไปตามต่างจังหวัดเรามักจะเห็นอ่างเล็กๆหรือโอ่งเล็กๆที่ใส่น้ำไว้อยู่ที่บันไดหรือทางที่จะเข้าไปในบ้าน มีไว้เพื่อให้ล้างเท้านำเอาสิ่งสกปรกที่ตามตัวออกไปก่อนให้สะอาดก่อนที่จะเข้าบ้านเพราะการที่ราออกไปนอกบ้านคนโบราณเชื่อว่า สถานที่เราไปในแต่ละแห่งไม่รู้ว่าบริเวณนั้นมีสิ่งไม่ดีอยุ่หรือไม่ หรือถ้าท่านไปงานศพมา ท่านได้เดินไปในบริเวณวัดซึ่งจะไม่รู้ได้เลยว่าตรงนั้นเป็นป่าช้าหรือป่าวเราได้เหยียบสิ่งอัปมงคลมาหรือไม่ ถ้าเกิดท่านได้เหยียบดินป่าช้าติดเท้ามาแล้วนั้นคือสิ่งที่ไม่ควรเอามาเหยียบอยุ่ในบ้านเด็ดขาด คนสมัยโบราณจึงให้มีการล้างเท้าก่อนเข้าบ้านเป็นการแก้ปัญหาก่อนจะดีที่สุด ดีกว่าให้เกิดเรื่องแล้วค่อยแก้ไขนั้นเอง 2. ห้ามแต่งหน้าแล้วเข้านอน การแต่งหน้าแล้วเข้านอนเลยเป็นความเชื่อที่คนสมัยนี้ไม่ค่อยเชื่อกัน บรรดาสาวบางทีกลับจากเที่ยวกลางคืนนอนเลยก็มีหรือไม่ก็มีการบำรุงหน้าทาครีมจนหน้าขาวโบ๊ะแทบจำไม่ได้ว่าใครก็มี คนสมัยก่อนเขาห้ามแต่งหน้าแล้วนอนก็เพราะว่าเวลาคนเราที่หลับไหลนั้นมีความเชื่อว่าวิญญาณจะออกจากร่างกายไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ถ้าเปรียบก็เหมือนคนตายแต่ยังมีลมหายใจ ถ้าท่านแต่งหน้าก่อนนอนเวลาวิญญาณออกจากร่างอาจจะกลับร่างกายตัวเองไม่ถูกจำไม่ได้ ตกใจกับร่างกายก็มี เหมือนที่เราเคยเห็นคนหลับไปไม่ตื่นมาอีกเลยหรือที่เรียกกันว่าไหลตายนั้นเอง 3. ถ้าเป็นวันสำคัญของท่าน อย่าได้คิดออกจากบ้าน ความเชื่อว่าวันสำคัญของเราห้ามไปไหนนั้น มีเหตุการณ์ให้เห็นเยอะไปซะหมดตัวอย่างเช่น วันที่จะบวชเป็นนาคอยู่กำลังจะบวชเป็นพระไม่ควรเที่ยวเล่นไปไหนเพราะจะทำให้เสียชีวิตในส่วนนี้มักจะมีข่าวว่านาคเสียชีวิตก็เยอะ หรือใครที่จะแต่งงานเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาว หรือนักศึกษาที่กำลังจะได้รับปริญญา วันสำคัญจำพวกนี้ที่ไม่ควรไปไหนมาไหนเชื่อว่าตัวเราจะเนื้อหอมพวกภูตผีปีศาจจะชอบ 4. เวลาเรามีแผลห้ามไปงานศพ เป็นความเชื่อของคนโบราณที่เชื่อว่างานศพเป็นอวมงคลมีวิญญาณ ถ้าใครที่เป็นแผลไม่ว่าจะสดหรือเป็นมานานแล้วก็ตามไม่ควรไปงานศพเด็ดขาดเพราะจะทำให้แผลของท่านไม่หายอาจจะเป็นหนักกว่าเดิม อาจเป็นชนิดเรื้อรังรุกรามไม่หายเลยก็เป็นได้ วิธีแก้ไขใครที่เป็นแผลและหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆที่ต้องไปงานศพให้แก้ด้วยวิธีพกหนามต้นไม้ อย่างเช่น หนามมะกรูด เป็นต้น ติดตัวไปด้วยนั้นเอง 5. […]
ตำนานลี้ลับสยอง Boogeyman หรือ Boogie man (ปีศาจแห่งฝันร้าย)

วันนี้แอดมีตำนานลี้ลับสุดสยองของต่างประเทศที่แอดได้ไปอ่านเจอมาจากเว็บๆหนึ่งมาเล่าให้เพื่อนๆทุกคนได้อ่านกันครับกับ Boogeyman ซึ่งบอกก่อนนะครับว่าเรื่องนี้เป็นตำนานที่ถูกจดจำจากบุคคลหลากหลาย อาจจะจริงบ้างไม่จริงบ้าง ผิดเพี้ยนบ้างหรือถูกแต่งขึ้นมาแล้วเล่าต่อกันมาเท่านั้น ยังไงก็ลองอ่านกันดูนะครับ Boogeyman หรือ Boogie man (ปีศาจแห่งฝันร้าย) เป็นสิ่งที่ถูกเล่าต่อๆกันมาว่าเป็นผีหรือปีศาจ มันมีความโหดร้าย เลือดเย็นที่มาจากฝันร้ายตนนึง ซึ่งมันมีทั้งความโหดร้ายและน่ากลัว โดยความสามารถของบูกี้แมนนั้น มีตั้งแต่การเปลี่ยนรูปร่างต่างๆจนถึงการที่มันสามารถทะลุผ่านเข้าไปได้ในทุกๆที่ ไม่เว้นแม้แต่ในห้องนอนของคุณเอง พร้อมทั้งมันอาจจะเปลี่ยนรูปร่างเป็นเพียงพลังงานหรือธุลี ปลิวเข้ามาทางช่องหน้าต่างหรือรูกุญแจของบ้านคุณ บางทีอาจเป็นเงารางๆแต่สามารถฆ่าคนได้ บางคนก็เชื่อว่าบูกี้แมนนั้นมาจากเรื่องจริงในสมัยก่อนที่ชาวอังกฤษเข้ามายึดครองพื้นที่แถบหมู่เกาะชะวา ประเทศมาเลเซีย โดยมีโจรสลัดที่โหดร้ายชื่อว่า บูกีส (Bugis) ที่ทำการปล้นและฆ่านักเดินทางที่อยู่แถบนั้นอย่างเหี้ยมโหด จนสร้างความหวาดผวาเป็นอันมากจนมีคำขู่ลูกเรือเกิดขึ้น ลูกเรือที่นอกลู่นอกทางก็จะโดนขู่ว่า “เดี๋ยวบูกิสจะมาเอาชีวิต” จากนั้นความหวาดกลัวที่มีต่อบูกิสติดตามมายังอังกฤษก็กลายเป็นปีศาจบูกี้แมนที่สร้างความกลัวแม้กระทั่งเป็นฝันร้ายให้กับเด็กๆ บูกี้แมนยังถูกใช้เป็นชื่อที่ผู้ใหญ่หรือพ่อแม่เอาไว้เล่าขู่เด็กๆ ให้เกิดความกลัวเวลาเล่นซนไม่เชื่อฟัง เอาแต่เล่นไม่ยอมเข้านอน ไม่ยอมรับประทานอาหารฯลฯ โดยพ่อแม่จะหลอกลูกๆ ว่าบูกี้แมนกำลังคอยซ่อนตัวอยู่ตามใต้เตียงบ้าง แอบอยู่ในตู้เสื้อผ้า หรือตามมุมมืดของห้องบ้าง เพื่อเฝ้ามองและหาโอกาสจัดการกับเด็กเวลาเผลอ สิ่งที่บูกี้แมนจะทำก็คือ ทำให้เด็กฝันร้าย บูกี้แมนจึงเป็นตัวผู้ร้ายสำหรับเด็กๆ ……………. จากหนังเรื่องหนึ่งที่มีชื่อว่า Sinister (เห็นแล้วต้องตาย) บูกี้แมนเดินเข้าออกภาพยนตร์และรูปภาพ เป็นเงาก่อนปรากฏเป็นปีศาจ สั่งสอนให้เด็ก ๆ ฆ่าครอบครัวของตนเอง เพื่อทำเป็นภาพยนตร์ให้ตนดูเล่น ส่วนมากในภาพยนตร์ฝรั่งบูกี้แมนปรากฏมากมายในการ์ตูน และหนังผีต่าง […]
ความเชื่อโบราณ : แม่ย่านาง

วันนี้แอดนำเรื่องความเชื่อเรื่องหนึ่งที่เชื่อว่าคนไทยหลายๆคนอาจจะรู้จักหรือได้ยินกันมาบ้าง แต่แอดเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หรือคุณตาคุณยายตารู้จักและเชื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้กันดี มันเป็นเรื่องที่อยู่คู่มากับรถยนต์หรือคู่กับยานพาหนะที่หลายๆคนอาจจะเคยรู้จักกันมา ในครั้งนี้แอดได้นำเรื่องของ “แม่ย่านาง” มาให้ทุกคนได้อ่านกันว่า แม่ย่านางคืออะไรแล้วทำไมถึงต้องคู่อยู่กับยานพาหนะต่างๆ หรือทำไมต้องมีความเชื่อเรื่องของแม่ย่านางกันแน่ ถ้าอยากรู้เกี่ยวกับความเชื่อเรื่องแม่ย่านางแล้วหล่ะก็ ขอให้ตั้งใจอ่านกันนะครับ เชื่อว่าทุกคนจะได้รู้และสามารถนำเรื่องนี้ไปเล่าต่อกันได้ บรื้อ…. หากพูดถึงเรื่องราวของแม่ย่านางนั้น ใครหลายๆคนอาจจะเคยได้ยินจากปากของผู้ใหญ่หรือคนรอบตัวที่เขามักจะพูดกันว่า รถคันนี้นั้นมีแม่ย่านางอยู่นะ ยานพาหนะคันนี้นั้นต้องมีแม่ย่านางอยู่เป็นอย่างแน่ๆ แต่มีใครรู้ไหมว่าประวัติที่แท้จริงของแม่ย่านางคืออะไรกันแน่ ซึ่งประวัติของแม่ย่านางนั้นก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ในช่วงสมัยนั้นรถยนต์หรือยานพาหนะลำใหญ่ๆยังไม่มีกันหรอก คนสมัยก่อนนั้นมักจะเดินทางกันด้วยเรือที่เดินทางข้ามแม่น้ำเพื่อที่จะไปตามสถานที่ต่างๆ หรือบางทีก็จะเป็นม้าที่คอยเป็นสิ่งที่นำเราไปสู่สถานที่ต่างๆด้วยเช่นกัน หรือแม้กระทั่งวัวเกวียนก็ถูกใช้เพื่อให้เป็นยานพาหนะในสมัยก่อนด้วยเช่นกัน โดยการทำเรือในสมัยก่อนนั้นไม่ได้ทำง่ายหรือทำมาจากพาสติกหรือวัสดุที่คงทนเหมือนปัจจุบัน โดยการทำเรือในสมัยก่อนนั้นพูดคนต้องทำเรือด้วยตัวเองและด้วยวัสดุที่หาได้ตามท้องถิ่น โดยคนในสมัยก่อนนั้นถ้าพวกเขาต้องการที่จะสร้างเรือสักลำขึ้นมานั้น พวกเขาต้องเดินเท้าเข้าไปในป่าลึกหรือสถานที่ที่มีต้นไม้เพื่อที่จะเข้าไปหาต้นไม้ใหญ่กัน และถ้าหากพวกเขาเจอต้นไม้ขนาดใหญ่พอที่จะสร้างเรือแล้ว พวกเขาก็จะโค่นต้นไม้เหล่านั้นและขุดเพื่อที่จะทำให้เป็นเรือ และในสมัยก่อนนั้นพวกเขาก็มีความเชื่อกันว่าต้นไม้ในป่าลึกหรือต้นไม้ขนาดใหญ่นั้นทุกต้นจะมีนางไม้ประจำอยู่ที่แต่ละต้น พอเราไปโค่นต้นไม้มาทำเป็นเรือแล้วนั้น แน่นอนว่าคนเราต้องหาที่เพิ่งทางใจ ในเมื่อต้นไม้มีนางไม้แล้ว แล้วเราเอาเขามาทำเป็นพาหนะทางน้ำแล้ว เราก็ต้องมีแม่ย่านางที่มีไว้เพื่อที่จะปกปักษ์รักษาเราในทุกครั้งที่เราออกเดินทางไปไหนมาไหนนั่นเอง ซึ่งในการทำอะไรแบบนี้ก็ต้องมีการทำพิธีที่ถูกต้อง ในการที่จะอันเชิญแม่ย่านางเข้ามาสู่ภายในเรือหรือยานพาหนะของเรานั่นเอง ในการทำพิธีนั้นต้องมีส่วนประกอบคือการต้องมีไก่ เหล้าขาว ขนมต้มสุก ขนมของหวาน อาทิเช่น ทองหยิบทองหยอด ฝอยทอง ดอกไม้และธูปทั้งหมด 9 ดอก พอเตรียมของเสร็จก็ต้องจุดธูปเพื่อที่จะอันเชิญแม่ย่านางมาสิงสถิตเข้าสู่พาหนะนั้นๆ และที่สำคัญคนที่อันเชิญนั้นก็ต้องตั้งชื่อด้วย (ถ้าหากใครที่เคยได้ดูการแข่งเรือยาว ก็จะสังเกตได้ว่าในเรือแต่ละลำนั้นก็จะมีชื่อที่แตกต่างกันไป หรือนั่นก็คือชื่อของแม่ย่านางนั่นเอง หรือหากใครสังเกตเครื่องบินในปัจจุบันนั้น เครื่องบินแต่ละลำก็จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไปด้วยเช่นกัน) […]
ตำนานสยองขวัญต่างประเทศ : ลาวัง เซวู (Lawang Sewu)

สงคราม ความทุกข์ทรมาน และการนองเลือดได้เติมเต็มประวัติศาสตร์ของโลก และนี่คือหนึ่งในเหตุผลที่อาคารเก่าแก่หลายแห่งของโลกมีประวัติศาสตร์ที่น่าสลดใจที่ยังคงเป็นเหมือนเครื่องหมายไว้จนถึงทุกวันนี้ ลาวัง เซวู (Lawang Sewu) ในเมืองเซมารัง เมืองหลวงของชวากลาง ได้พบเจอเหตุการณ์ที่ทำลายล้างมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาวอินโดนีเซีย ชื่อนี้มีความหมายว่า “พันประตู” “House Of Thousand Doors” สำหรับวันนี้แอดก็ได้นำเรื่องนี้มายกให้ทุกคนได้อ่านกัน ถ้าอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร ขอให้อ่านกันให้สนุกนะครับ ลาวัง เซวู เป็นภาษาชวา แปลว่า พันประตู อาจมีไม่ถึง 1,000 บาน แต่มีประตูหลายบาน โค้ง และหน้าต่างบานใหญ่ประมาณ 600 บาน อาคารที่ดูเหมือนเขาวงกตนั้นดูลึกลับสำหรับหลายคน ตึก A อาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโบสถ์ที่มีหน้าต่างกระจกสี อย่างไรก็ตาม หน้าต่างเหล่านี้ไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวในพระคัมภีร์ แต่บอกเล่าเรื่องราวความสำเร็จของทางรถไฟและความเฉลียวฉลาดของชาวดัตช์ ชาวดัตช์อาศัยอยู่ในอินโดนีเซียมาหลายศตวรรษแล้ว ดังนั้นเมื่อมีการสร้างทางรถไฟในอินโดนีเซีย พวกเขาจึงเลือกเซมารังเป็นสำนักงานใหญ่สำหรับสำนักงานบริหารของตน อาณานิคมดัตช์ประสบปัญหาอย่างมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อญี่ปุ่นบุกอินโดนีเซีย พวกเขาเข้ายึดลาวังเซวูและเปลี่ยนห้องใต้ดินในอาคาร B ให้เป็นเรือนจำ อาณานิคมดัตช์จำนวนมากถูกคุมขัง ทรมาน และกระทั่งถูกประหารชีวิตที่นี่ ผู้คนอ้างว่านักโทษที่ถูกตัดหัวชาวญี่ปุ่นและโยนหัวที่ถูกตัดขาดไปที่มุมห้องใต้ดิน ในปีพ.ศ. 2488 เมื่อกองทัพญี่ปุ่นถูกบังคับให้ออกนอกประเทศ […]
ตำนานสยองขวัญต่างประเทศ: อาคาร Dakota ที่ถูกสาปในนิวยอร์ค

สวัสดีครับทุกคนที่ชื่นชอบเรื่องสยองขวัญน่ากลัวกัน วันนี้แอดได้นำเรื่องราวของอาคารแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า อาคารดาโกต้า (Dakota) ที่ถูกสาปในนิวยอร์ค มันเป็นอาคารที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทั้งเกี่ยวกับโศกนาฏกรรม และเรื่องน่าขยะแขยงเกิดขึ้นมา อาคารหรืออพาร์ตเมนต์ Dakota เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญทางสถาปัตยกรรมที่สุดในนิวยอร์กซิตี้ นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสนใจสำหรับเรื่องราวที่เป็นด้านมืดของตึกแห่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นฉากหลังของการฆาตกรรมของจอห์นเลนนอน (Lennon) เรื่องราวของอาคารดาโกต้า (Dakota) บางเรื่องระบุว่าเป็นสถานที่สำคัญในนครนิวยอร์ก โดยตึกแห่งนี้มีผีสิงและถูกสาปแช่ง ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ก็ตาม มีสิ่งที่น่าสนใจมากมายที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับอาคารหลังนี้ ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไงหล่ะก็ ขอให้ติดตามกันต่อไปนะครับ… หากมีการพูดถึงคำสาปของอาคารดาโกต้า คำสาปนั้นอาจเด่นชัดที่สุดกับการตายของเลนนอน (Lennon) แน่นอน อาคารขนาดใหญ่และสง่างามนี้ที่ถูกสร้างขึ้นในทศวรรษ 1880 นับตั้งแต่การสร้างอาคารแห่งนี้มา น่าจะมีเรื่องที่เกิดเหตุอย่างน้อยสองสามเหตุการณ์ที่ได้ให้คนรอบข้างต่างรู้จักเกี่ยวกับอาคารแห่งนี้กันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ประวัติศาสตร์มีความน่าสนใจมากกว่าที่อื่น ส่วนใหญ่คือเหตุการณ์แปลกๆที่เกิดขึ้นใกล้ชิดกับบุคคลที่มีชื่อเสียงมากมาย นอกจาก Lennon แล้ว ยังมีบุคคลที่มีชื่อเสียงมากมาย เช่น Lauren Bacall, Boris Karloff และ Joe Namath อาศัยอยู่ที่นั่น ดาโกต้ายังเป็นสถานที่ถ่ายทำที่โดดเด่นสำหรับภาพยนตร์ที่ต้องสาปแช่งที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์อีกด้วย ผีของอาคารดาโกตามีส่วนรับผิดชอบต่อคำสาปหรือไม่ และเหตุใดผู้อยู่อาศัยจำนวนมากจึงเสียชีวิตในช่วงวัยหนุ่มสาวก็ยังคงไม่มีใครทราบอยู่ดี Rosemary’s Baby ใช้ภายนอกอาคาร Dakota เพื่อแสดงภาพ The […]
ตำนานสยองขวัญต่างประเทศ : โรงแรมควีนแอนน์ (The Queen Anne Hotel)

การพักค้างคืนคนเดียวในห้องหนึ่งที่อยู่ในโรงแรมปกติแล้วนั้นก็อาจจะเป็นเรื่องธรรมของหลายๆคน แต่ถ้าคุณได้ลองนอนคนเดียวในโรงแรมควีนแอนน์ (The Queen Anne Hotel) จะทำให้คุณรู้สึกกลัวและมีความกังวลใจถ้าจะต้องนอนคนเดียวอย่างแน่นอน ถ้าหากหลังจากได้ยินเรื่องผีหลายเรื่องเกี่ยวกับโรงแรมแห่งนี้ อาคารนี้เคยเป็นโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาสำหรับเด็กผู้หญิง และว่ากันว่าครูใหญ่ของโรงเรียนคือ Miss Mary Lake ตัวเธอได้เสียชีวิตลงใน ณ ที่แห่งนี้และแน่นอนว่าวิญญาณของเธอก็ยังคงอยู่ในโรงแรมและปรากฏตัวในห้อง 410 มันคือห้องชุด ของ Mary Lake เธอจะค่อยๆ เผยตัวออกมาให้นักเดินทางที่กำลังหลับอยู่ภายในห้องพัก โดยแขกส่วนใหญ๋จะหลับอยู่และได้เจอกับวิญญาณของเธอเข้า แขกที่มาพักในห้องมักรายงานว่าพวกเขามักจะรู้สึกได้ถึงอากาศที่หนาวเกินกว่าปกติจนทำให้รู้สึกขนลุก นอกจากนี้ยังได้รับรายงานจากคนถือกระเป๋าที่อยู่ในโรงแรมว่า เคยได้เห็นเธอปรากฏอยู่ด้านนอกของห้องพักประจำของเธอ หรือก็คือวิญญาณของเธอได้ออกมาข้างนอกห้องด้วยเช่นกัน โดยเธอยังถูกพบเห็นเดินไปตามทางเดินในโรงแรม บางทีก็โผล่ออกมาผ่านกระจกให้ได้เห็นกัน และบางครั้งก็เล่นเปียโนในห้องล็อบบี้ของโรงแรมอีกด้วย นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆของโรงแรมสยองขวัญนี้ ถ้าอยากรู้มากกว่านี้หล่ะก็ ขอให้ตั้งใจและสนุกกับการอ่านกันนะครับ บรื้อ… โรงแรมบูติกแห่งนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกสบายใกล้กับ Union Square และได้รับการปรับปรุงใหม่มามากมาย ในช่วงปี 1890 โรงแรมแห่งนี้เริ่มเป็นโรงเรียนประจำสำหรับเด็กผู้หญิง โดยมี แมรี่ ลัค เป็นเจ้าของโรงเรียนแห่งนี้ เธอเป็นทั้งผอของโรงเรียนนี้และยังเป็นอาจารย์ที่สอนเด็กผู้หญิงเกี่ยวกับถึงศิลปะของการเป็นผู้หญิงที่ถูกต้อง เธอเป็นที่นิยมในการชื่นชอบและรู้จักกันอย่างมากในหมู่นักศึกษาและเจ้าหน้าที่ที่ทำงานและอาศัยอยู่ที่นั่น ทุกคนต่างรู้สึกดีที่มีเธอเป็นผู้ดูแลพื้นที่แห่งนี้ แต่ต่อจากนั้นทุกคนก็ต้องรู้สึกโศกเศร้าเมื่อเธอเสียชีวิตเพียงไม่กี่ปีหลังจากโรงเรียนเปิด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ควีนแอนน์มีเจ้าของใหม่ขึ้นมา เจ้าของบอร์เดลโล่ และถูกดูแลโดยผู้ดูแลโบสถ์หลายคน พื้นที่นี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นสำนักงานใหญ่ของสมาคมลับที่เกี่ยวข้องกับโหราศาสตร์ […]