ทุกคนต้องเคยผ่านยุคสมัยที่เป็นเด็กต้องเป็นนักเรียนไปโรงเรียนไปจนถึงเป็นนักศึกษาไปเรียนในมหาวิทยาลัย สถานที่นั้นๆก็จะมีประวัติเรื่องราวหลอนเยอะแยะแตกต่างมากมาย บางเรื่องเป็นเพียงแค่รุ่นพี่แต่งขึ้นมาแกล้งรุ่นน้อง แต่บางเรื่องที่ได้รับรู้เรื่องมานั้นเป็นเหตุการณ์จริงที่มีนักศึกษาประสบพบเจอมา เรามารับชม 10 เรื่องหลอนในมหาลัยผีดุที่สุดของประเทศไทยกันมีเรื่องไหนหลอนสุดบ้างไปดูกัน
1. ตำนาน “ด้ายแดง” มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ จ.สงขลา
“ด้ายแดง” ตำนานของมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ ณ ตึก MNL (ตึกกายวิภาคศาสตร์) เป็นสถานที่ไว้เก็บรักษาอาจารย์ใหญ่ (ศพที่นักศึกษาแพทย์ต้องทำการศึกษา) มีเรื่องเล่าว่า นักศึกษาปีที่ 1 ได้มาเรียนที่ตึกนี้สอบถามยามว่าลิฟท์ต้องไปขึ้นที่ไหน ยามคนนั้นก็ได้ชี้ไปตามทาง นักศึกษาได้สังเกตข้อมือของยามคนนั้นว่ามีด้ายสีแดง แต่นักศึกษาไม่ได้คิดอะไร แต่พอลงมาไม่พบเจอยามคนนั้นแล้ว
2. ตำนาน “อิฐก้อนที่ 9” มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์
“อิฐ 9 ก้อน” ตำนานสยองหน้าตึกเศรษฐศาสตร์ มองพื้นให้ดีจะมีก้อนอิฐที่เกยอยู่ก้อนหนึ่ง มันจะดูต่างออกไปจากเพื่อน พื้นจะไม่เรียบ ทางมหาวิทยาลัยก็ทำการซ่อมแซมแต่ก็ยังเกิดอาการ อิฐเกยกันอยู่เหมือนเดิม จึงมีการเตือนกันระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องบอกต่อๆกันว่าห้ามไปเดินเหยียบอิฐตรงนั้นนะ มันเกิดจากมีนักศึกษาเป็นแฟนกันเกิดทะเลาะกัน ฝ่ายชายกระโดดลงมากระแทกพื้นตรงอิฐ 9 ก้อนตรงนั้นทำให้พื้นไม่สม่ำเสมอกัน
3. ตำนาน “ศาลในห้องน้ำหญิง” สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า
“ศาลในห้องน้ำหญิง” จะอยุ่ที่ตึกวิศวกรรม สถานบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบังที่มีเรื่องเล่าส่งต่อมารุ่นสู่รุ่นว่า มีนักศึกษาที่เป็นผู้หญิง เรียนคณะสถาปัตยกรรม ซึ่งอกหักจากหนุ่มวิศวกรรม ได้ไปทำการอัตวินิบาตกรรม ผูกคอใต้ภายในห้องน้ำหญิงนั้น จึงได้มีการตั้งศาลเรือนไทย แต่ ณ ปัจจุบันได้ทำการย้ายศาลให้มาอยู่บริเวรด้านล่างของตึกแล้ว
4. ตำนาน “ลิฟท์แดง” มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
“ลิฟท์แดง” ตำนานสยองขวัญแห่งธรรมนศาสตร์ เป็นเรื่องที่ได้เล่าจากรุ่นสู่รุ่นสืบต่อกันมา ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เกิดโศกนาฏกรรม กลุ่มนักศึกษาที่ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยทางการเมื่องมีกลุ่มปราบปรามได้เข้าโจมตีกวาดล้างกลุ่มชุมนุม เหล่านักศึกษาได้หลบหนีไปอยู่ในลิฟท์ต่างคนต่างเอาชีวิตรอด พอลิฟท์เปิดไม่ทันได้ออกพวกเขาก็ต้องถูกกระหน่ำยิงจนเลือดสีแดงสดเต็มลิฟท์ไม่มีผู้รอดชีวิต หลังจากนี้ก็มีแต่คนเจอเรื่องสยองขวัญกันต่างๆมากมาย
5. ตำนาน “ตึกเหลือง” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
“ตึกเหลือง” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ซึ่งได้การก่อตั้งมาตั้งแต่ในยุคสมัยรัชกาลที่ 5 นักศึกษามักจะเรียกตึกนี้ว่าตึกเหลือง เป็นที่ประทับของเหล่าพระราชวงศ์คนในวง ซึ่งปัจจุบันนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นตึกที่ให้บริการนวดแผนโบราณไปแล้วแต่มีเรื่องหลอนเล่ากันว่า ใครที่ได้อยู่บริเวณนี้ในยามค่ำคืนมักจะพบเจอกับผีนางรำยืนมือออกมาจากหน้าต่างที่อยู่ภายในตึกเหลืองนี้จนต้องวิ่งหนีกันป่าราบไปเลย
6. ตำนาน “พยาบาลชุดแดง” มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
“พยาบาลชุดแดง” คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีเรื่องหลอนได้เล่าส่งต่อกันมาว่า มีนักศึกษาผู้ชายคนหนึ่งได้ทำงานที่ตึกคณะแพทย์ศาสตร์ (ตึกที่ตั้งอยู่บริเวณฝั่งสวนดอก) พอทำงานเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วจะกลับบ้านต้องลงไปข้างล่างด้วยลิฟท์ ในระหว่างที่รอนั้นเขาได้ยินเสียงเดินมาที่เขาจึงหันไปดูพบกับพยาบาลสาวที่มีเลือดไหลออกมาจากคอเปื้อนชุดจนกลายเป็นสีแดง
7. ตำนาน “ศาลล่องหน” มหาวิทยาลัยม.กรุงเทพ
“ศาลล่องหน” จะตั้งอยู่ตรงข้ามสะพานลอย เป็นศาลที่ตั้งอยูบริเวณหน้าหอแกรนด์คอนโด ซึ่งภายในหอนี้มักจะมีคนได้พบเจอเรื่องราวลี้ลับพูดกันง่ายๆคือผีเยอะ ไม่ว่าจะเป็น ผีหายโหง ผีผู้ชายตัวใหญ่ร่างยักษ์ตาแดง ผิอิสลาม เป็นต้น เรามาเข้าเรื่อง ศาลล่องหนดีกว่า เขาเล่ากันว่า คนที่จะพบกับศาลนี้ได้ต้องเป็นนักศึกษาปีที่ 1 เท่านั้นแล้วแต่ละคนจะพบเห็นศาลแตกต่างกันออกไปอีกด้วย
8. ตำนาน “เรือนนางสนม” มหาวิทยาลัยศิลปากรไทย
“เรือนนางสนม” ตั้งอยู่ในบริเวณช่วงด้านหลังของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากรไทย ลักษณะเป็นเรือนไม้ที่มีอายุดเก่าแก่ตั้งแต่ในช่วงยุครัชกาลที่ 5 มีเรื่องสยองขวัญที่มีคนได้ประสบพบเจอว่า วันหนึ่งมีนักศึกษาปั่นรถจักรยานได้ผ่านไปที่ ณ บริเวณเรือนไม้เก่านั้นแต่ก็ต้องตกใจกับภาพที่ได้เห็นผู้หญิงแต่งชุดไทยกำลังร่ายรำซึ่งอยู่ภายในเรือนไม้นั้น ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ได้มีการปิดหน้าต่างบานที่พบเจอผีนางรำนั้นไปแล้ว
9. ตำนาน “อาคารดนตรีไทย” มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
“อาคารดนตรีไทย” มีอีกชื่อคือ อาคารวิเศษศุภวัฒน์ มีเรื่องเล่าสยองขวัญว่าอาคารนี้จะเป็นที่เก็บเศียรบรมครูหลายองค์ และเป็นที่จัดเก็บเครื่องดนตรีไทยหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ขลุ่ย ปี่ กลอง ฆ้อง ระนาดเอก เป็นต้น เมื่อก่อนจะเป็นหอพักนักศึกษาชาย มีการหนีเที่ยวของนักศึกษาชายอยู่หลายครั้ง มีวันหนึ่งที่พวกเขาก็หนีเที่ยวปกติ ได้พบเจอ “เจ้าพ่อท่านช่วง” ยืนถือดอบใส่ชุดขาวขวางทำหน้าดุใส่ไม่ให้หนีเที่ยว
ที่มาข้อมูล