ปราสาทนั้นถูกสร้างขึ้นมาก็เพื่อที่จะเป็นที่อยู่อาศัยให้กับเหล่าขุ่นนางหรือวงตระกูลชั้นสูง หรือแม่กระทั่งยังเป็นพื้นที่สำหรับเป็นป้อมปราการเพื่อป้องกันอันตราย แต่ใครจะรู้ว่าปราสาทนั้นก็ต่างมีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้นเหมือนกัน วันนี้แอดจึงนำ 7 ปราสาทผีสิง ที่เป็นที่โด่งดังในเรื่องความเฮี้ยนทั่วโลก ให้ทุกคนได้อ่านกัน ถ้าอยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง อ่านกันได้เลยครับ…
1. ปราสาทเอดินเบิร์ก หรือ ปราสาทเอดินบะระ (Edinburgh Castle, Scotland)
ปราสาทเอดินเบิร์กหรือที่บางคนเรียกกันว่า ปราสาทเอดิบะระ ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ยุคกลางของศตวรรษที่ 12 ซึ่งตำแหน่งของปราสาทแห่งนี้อยู่บนหินผาที่อยู่ขึ้นไปบนเขาที่บริเวณนั้นเป็นภูเขาไฟมาก่อน ปราสาทเอดินเบิร์กแห่งนี้นับได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีประวัติศาสตร์มาแล้วเนิ่นนานและยังเป็นสถานที่ขึ้นชื่อของประเทศสก็อตแลนด์อีกด้วย สภาพแวดล้อมนั้นเต็มไปด้วยทิวทัศน์ที่สวยงามที่เป็นบรรยากาศของประเทศสก็อตแลนด์
แต่นอกเหนือความสวยงามและประวัติศาสตร์อันยาวนานของปราสาทแห่งนี้แล้วนั้น ปราสาทเอดินเบิร์กนี้ยังเคยได้ตำแหน่งที่น่าสยองขวัญมาอีกด้วยเพราะว่าปราสาทแห่งนี้ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีวิญญาณเฮี้ยนและเป็นสถานที่อันน่ากลัวที่สุดในโลก ซึ่งหากใครได้เข้าไปก็มักจะโดนดีกลับมากันทั้งนั้น ซึ่งที่มาของความน่ากลัวของปราสาทแห่งนี้นั้นก็เพราะว่า ภายในปราสาทแห่งนี้นั้นได้มีคุกที่มีไว้เพื่อกักขังนักโทษมาก่อนซึ่งภายในนั้นพวกเขาจะขังตายเหล่านักโทษ เหตุนั้นจะได้มีนักโทษหลายคนที่ได้ตายลงไปในคุกที่อยู่ในปราสาทนี้ ตัวถนนรอบๆปราสาทที่มีไว้เพื่อเดินทางเข้ามานั้น ก็มีไว้สำหรับเป็นที่ฝั่งศพของผู้ที่ตายจากโรคระบาดในสมัยก่อนและมีนักโทษที่ได้ตายจากโรคนี้ไปเป็นจำนวนมาก บริเวณที่น่ากลัวภายในปราสาทนั้นจะอยู่ตรงห้องโถงของปราสาทที่ได้มีผู้ที่เห็นวิญญาณของผีมือกลองไร้หัวและวิญญาณของสุนัขเร่ร่อรอนอยู่ตรงบริเวณนั้น
ปราสาทนี้ยังได้มีตำนานที่เป็นที่โด่งดังก็คือ ” Lady Glamis” ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 1537 ซึ่งเรื่องราวของเธอนั้นคือเธอได้ถูกกล่าวหาว่าตัวเธอนั้นเป็นแม่มด เพราะในช่วงเวลานั้นต่างมีการร่ำลือเกี่ยวกับแม่มดกันจนหนาหูและเธอก็คือหนึ่งในผู้โชคร้ายคนนั้นที่ได้ถูกรับผิดโดยที่ให้เป็นแม่มดและชาวบ้านก็ต่างพากัน เผาตัวเธอทั้งเป็นต่อหน้าลูกชายแท้ๆของเธอเอง หลังจากนั้นวิญญาณของเธอนั้นก็ยังคงวนเวียนอยู่ทั้งในตัวปราสาทและรอบๆ คอยหลอกหลอนเหล่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถวนั้น เพื่อที่จะทวงความเป็นธรรมให้กับตัวเธอเอง
ความน่ากลัวของปราสาทแห่งนี้ได้ถูกพิสูจน์อีกครั้งในช่วงปี 2001 โดยที่มีการเปิดรับสมัครอาสาผู้คนจากทุกๆ ที่ได้เข้ามาใช้ชีวิตภายในปราสาทแห่งนี้เป็นจำนวน 240 คน ซึ่งคนเหล่านั้นจะไม่รู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและความน่ากลัวของปราสาทแห่งนี้มาก่อนแม้แต่คนเดียว เพียงแค่พวกเขารู้เพียงว่าภายในปราสาทแห่งนี้เต็มไปด้วยความสวยงามและความสบายหากได้เข้ามาข้างใน ในการอาสาสมัครครั้งนี้พวกเขาทั้งหมด 240 คน ต้องเข้ามาใช้ชีวิตภายในปราสาทเอดินเบิร์กเป็นเวลาจำนวน 10 วัน หลังจากการพิสูจน์ผ่านไปผู้ที่เป็นอาสาสมัครทั้งหมดต่างพูดกันว่าพวกเขาได้เจอเรื่องผิดปกติตลอดทั้ง 10 วันที่ได้เข้ามาอยู่ในปราสาทแห่งนี้ พวกเขานั้นรู้สึกอึดอัดตลอด มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนมีคนแออัดอยู่ในปราสาทแห่งนี้และพวกเขาก็ได้เห็นเงาปรากฏอยู่บ่อยๆ ตามห้องขัง และยังรู้สึกว่ามีคนจ้องมองพวกเขาจากตรงที่เป็นมุมมืดอีกด้วย ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ทุกคนที่ได้เข้ามาในปราสาทแห่งนี้ต้องได้เจอกันตลอด
2. ปราสาทชิลลิงแฮม (Chillingham Castle, England)
ปราสาทชิลลิงแฮมนั้นมีอายุความเป็นมามากกว่า 600 ปีที่แล้ว ปราสาทแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาอยู่ในช่วงปี 1344 เป็นปราสาทที่มีความยิ่งใหญ่และถูกออกแบบมาได้อย่างสวยงามมาก ตัวปราสาทนั้นถูกก่อสร้างขึ้นมาบนเนินภูเขาสีเขียวสวยงามที่อยู่สูงขึ้นไป และตัวปราสาทนั้นถูกสร้างมาอยู่ใกล้กับพรมแดนระหว่างประเทศอังกฤษและประเทศสกอตแลนด์ จึงทำให้ปราสาทแห่งนี้ถูกใช้เป็นป้อมปราการที่มีไว้เพื่อสู้รบระหว่างประเทศอังกฤษและประเทศสกอตแลนด์มาอย่างช้านาน รวมถึงปราสาทแห่งนี้ยังคงเป็นสถานที่สำหรับกักขังและทรมานเหล่าเชลยศึกและทหารที่ถูกจับตัวมาได้ในช่วงระหว่างสงครามของทั้งสองประเทศ
แต่เรื่องเล่าน่ากลัวเกี่ยวกับปราสาทนี้เริ่มต้นที่ได้มีผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันทั้งภายในและภายนอกตัวปราสาทแห่งนี้ ชื่อของเขาคือ “John Sage” เขาคือผู้ชายที่มีชื่อเสียงในด้านการทรมานและสร้างความเจ็บปวดให้กับเหล่านักโทษและเชลยศึก รวมถึงทหารที่จับมาได้และถูกนำมาขังในคุกของปราสาทนี้ ในการทำงานของเขาคือการคุมนักโทษทุกคนที่ได้เข้ามา แต่สิ่งที่มันน่ากลัวคือเขาติดนิสัยที่ชอบที่จะทรมานและฆ่าเหล่านักโทษนั้นทิ้งไปให้หมด ซึ่งวิธีที่เขาทำนั้นมันเกินกว่าที่มนุษย์ปกติเขาจะทำกันทั้งหมด สิ่งที่เขาทำนั้นคือ เขาจะค่อยๆ ตัดเนื้อของนักโทษที่เขาต้องการทรมาน เขาจะค่อยๆกรีดเนื้อของนักโทษคนนั้นให้ร้องออกมาให้ดัง เขาจะกรีดเนื้อเรื่อยๆ เรื่อยๆ… จนนักโทษคนนั้นร้องออกมาจนขาดใจตายด้วยความเจ็บปวดของแผล เขาทำแบบนั้นกับเหล่านักโทษนับพันคน นั่นคือสิ่งที่เขารักในการทำงานของเขา ซึ่งหลังจากที่เขาได้เสียชีวิตลงไป ผู้คนก็ยังต่างเชื่อกันว่าวิญญาณของเขานั้นก็ยังคงสิงสถิตอยู่ภายในปราสาทชิลลิงแฮม วิญญาณของเขายังคงหลอกหลอนคนที่อยู่ในปราสาทแห่งนี้และเสียงของเหล่านักโทษที่เคยได้โดนเขาทรมานนั้นก็ยังคงดังก้องอยู่ภายในปราสาทแห่งนี้ตลอดเวลา ซึ่งปัจจุบันนั้นห้องที่ John Sage ไว้ทรมานนักโทษนั้นได้ถูกปิดตายไปในปราสาทเนื่องจากด้วยความที่มันน่ากลัวและมีแต่เรื่องแปลกๆเกิดขึ้น จึงอันตรายเกินไปหากใครคิดจะเข้าไป แต่ได้มีการสร้างห้องทรมานจำลองขึ้นมาเพื่อเป็นที่ระลึกถึงความน่ากลัวที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และนี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดในปราสาทชิลลิงแฮมแห่งนี้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเดียวที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ยังมีเรื่องวิญญาณตนอื่นที่ยังสิงสถิตอยู่ที่ปราสาทนี้ที่ชาวบ้านแถวนั้นเรียกกันว่า “Blue Boy” ซึ่งเป็นวิญญาณที่เขาว่ากันว่ามักจะปรากฏตัวอยู่ภายในห้องนอนของปราสาทสีชมพู วิญญาณตนนี้เป็นเพียงวิญญาณเด็กผู้ชายที่ทุกครั้งที่ปรากฏนั้นเขาจะปรากฏในลักษณะที่เป็นลูกกลมสีฟ้า หรือ เปล่งแสงสีฟ้าออกมาให้ได้เห็นกัน คนส่วนใหญ่จะเห็นเขาปรากฏออกมาในห้องสีชมพูนี้ บางครั้งพวกเขาก็จะได้ยินเสียงเด็กหัวเราะอยู่ตรงทางช่องกำแพงที่อยู่ตรงผนัง ซึ่งก็ได้มีการเจอโครงกระดูกของเด็กผู้ชายที่โครงกระดูกนั้นได้ใส่เสื้อผ้าสีน้ำเงินอยู่จริงๆ นั่นจึงเป็นที่ร่ำลือกันว่าวิญญาณของเด็กผู้ชายนี้คงได้ถูกฝั่งทั้งเป็นอยู่ในหลังกำแพงนี้เพราะเนื่องจากใต้กำแพงนั้นมีรอยเล็บที่พยายามที่จะหลบหนีออกมา
นี่เป็นเพียงสองเรื่องเล่าจากหลายๆ เรื่องทั้งหมดของปราสาทแห่งนี้ ซึ่งเชื่อกันว่าภายในปราสาทนั้นก็เต็มไปด้วยวิญญาณมากมายของเหล่านักโทษและคนที่ได้ตายไปในช่วงสงครามของประเทศอังกฤษและสกอตแลนด์ ซึ่งปัจจุบันนั้นสามารถเข้าไปรับชมความสวยงามและความสยองกันได้ภายในปราสาทชิลลิงแฮมนี้
3. ปราสาทลีป (Leap Castle, Ireland)
ปราสาทลีปแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาอยู่ตรงเนิ่นเขาแห่งหนึ่งในประเทศไอร์แลนด์ เป็นสถานที่ที่คนไอร์แลนด์รู้จักกันดีในฐานะที่เป็นปราสาทที่มีผีเฮี้ยนและมีเรื่องเล่าสยองขวัญมากที่สุดในประเทศไอร์แลนด์
ที่ปราสาทลีปแห่งนี้ได้มีชื่อเสียงในด้านที่น่ากลัวนั้นเป็นเพราะว่า ได้เกิดเหตุการณ์ไม่ดีที่เกิดขึ้นกับตระกูล ตระกูลหนึ่งที่มีนามว่า “โอ คารอล” ตระกูลนี้ได้มีการต่อสู้เกิดขึ้นภายในตระกูลที่ทำให้เกิดการฆ่าฟันกันเป็นเพียงเพราะต้องการที่จะแย่งชิงสิทธิเกี่ยวกับการเป็นผู้นำของตระกูลนี้เพียงเท่านั้น ซึ่งผลลัพท์ของการต่อสู้ภายในตระกูลนั้นก่อให้เกิดสิ่งที่เลวร้ายขึ้นก็คือได้มีการสังหารหมู่กันเกิดขึ้นภายในตระกูลตั้งแต่รุ่นเก่าไปถึงตระกูลรุ่นใหม่ เป็นการสังหารที่เป็นตระกูลรุ่นแล้วรุ่นเล่า ซึ่งสถานที่ที่เป็นการสังหาร ฆ่าฟันกันนั้นก็เกิดขึ้นภายในปราสาทลีปแห่งนี้ นั่นเป็นสาเหตุที่ได้มีวิญญาณของเหล่าผู้ที่ได้ตายไปนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในปราสาทแห่งนี้กันหลายตน ซึ่งผู้ที่ทำงานรับใช้ภายในปราสาทแห่งนี้ต่างก็พูดกันว่าพวกเขามักจะได้เห็นวิญญาณของผู้ที่ได้ตายไปยังคงเดินวนเวียนอยู่ในปราสาท บางทีก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของเหล่าวิญญาณที่ร้องไห้โหยหวนกันด้วยความเจ็บปวด
นอกจากนี้ภายในปราสาทนั้นก็ได้มีห้องลับที่เป็นเหมือนดั่งคุกที่ถูกพบเจอในสมัยยุโรปยุคกลาง ที่พวกเขาได้เรียกคุกแห่งนี้กันว่า “Oubliette” ซึ่งสถานที่คุกแห่งนี้ถูกสร้างเอาไว้ใต้ดินที่ถูกสร้างลึกลงไปซึ่งลักษณะของคุกนั้นเป็นเหมือนเกาะคุกที่มีทางเข้าออกทางเดียวและหากมีนักโทษที่ต้องการหลบหนีนั้นพวกเขาไม่สามารถหนีได้นอกจากจะต้องกระโดดผ่านเหวที่ข้างล่างนั้นเต็มไปด้วยกับดักที่เป็นหนามแหลมที่พร้อมจะแทงพวกเขา และแน่นอนว่าข้างล่างนั้นเต็มไปด้วยโครงกระดูกของเหล่านักโทษที่ต้องการหลบหนีและหนีไปไม่รอด และนี่คงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ปราสาทแห่งนี้เต็มไปด้วยวิญญาณเฮี้ยนที่ขึ้นชื่อด้วยเช่นกัน
4. ปราสาทเพรดจามา (Predjama Castle, Slovenia)
ปราสาทเพรดจามาเป็นปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1274 เป็นปราสาทที่อยู่ในศตวรรษที่ 15 อยู่ในประเทศสโลวีเนีย ลักษณะของตัวปราสาทนั้นเป็นเหมือนโพรงถ้ำขนาดใหญ่ยักษ์ ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างเพื่อที่จะเป็นที่พักผ่อนของ Knight Erazem Lueger หรือที่รู้จักคือ อัศวินเออราเซม ลูเกอร์ และปราสาทแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่ไว้เป็นฐานสำหรับการต่อสู้เพื่อให้เป็นอิสระจากราชวงศ์
นอกจากนั้น ตัวปราสาทนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นที่ป้องกันหรือเป็นป้อมปราการที่เวลาที่จะทำศึกกับเหล่าจักรรดิโรมันกัน ซึ่งภายในปราสาทแห่งนี้นั้นได้มีช่องทางลับที่แอบตามเส้นทางเดินภายในปราสาทนั้นอยู่มากมายหลายช่องทางเพื่อที่เวลาเกิดการบุกรุกพวกเขาสามารถใช้ช่องทางเหล่านี้หนีได้ และยังเป็นช่องทางสำหรับที่จะไว้ส่งอาหารกันในช่วงทำสงครามกัน แต่ปราสาทแห่งนี้ก็ต้องเต็มไปด้วยศพจากการบุกรุกของทหารในช่วงสงครามเช่นกันทำให้มีผู้คนตายจากการสู้รบมามากมายในสถานที่แห่งนี้ นอกจากเหตุการณ์สงครามแล้วก็ยังมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ทำให้ผู้คนล้มตายกันเป็นจำนวนมาก นั่นจึงทำให้ที่นี่ค่อนข้างเป็นที่ที่เหมือนเต็มไปด้วยวิญญาณของเหล่าคนตายที่ได้ตายไปในบริเวณนี้ แม้ว่าในปี 1567 ปราสาทแห่งนี้ได้ถูกสร้างใหม่หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวไปแล้วก็ตาม แต่วิญญาณของเหล่าคนตายก็ยังคงสิงสถิตอยู่ในปราสาทแห่งนี้อยู่ดี
5. ปราสาทบราน (Castle Bran, Romania)
ปราสาทบรานหรือที่บางคนอาจจะรู้จักในอีกชื่อหนึ่งคือปราสาทแห่งตำนานแดร๊กคูล่า ปราสาทบรานนี้ได้ถูกสร้างมาตั้งแต่ปี 1212 โดยมีอายุมามากกว่า 800 ปีนับจากปัจจุบัน ตัวปราสาทแห่งนี้นั้นได้ถูกตั้งอยู่บนที่สูงที่อยู่บนเขาใกล้กับเมืองบลาซอฟ และปราสาทแห่งนี้ยังถูกสร้างเพื่อเป็นหนึ่งในป้อมปราการที่มีไว้ป้องกันจากเหล่าทหารข้าศึกที่ต้องการบุกเข้ามาในประเทศโรมาเนีย
ยังไงก็ตามพื้นที่ในปราสาทแห่งนี้ที่เขาว่ากันว่านั้นเป็นปราสาทของแดร๊กคูล่านั้นเป็นเพียงเรื่องเล่าที่นักเขียนชาวไอริช ที่มีชื่อเสียงอย่าง “บราม สโตเกอร์” นั้นได้เขียนเอาไว้ แต่ความน่ากลังของปราสาทแห่งนี้ในความเป็นจริงนั้นเกิดขึ้นมาจากประวัติความเป็นมาที่ตีคู่กับอายุของปราสาทแห่งนี้ นั่นก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าชายผู้เป็นนักรบแห่งปราสาทแห่งนี้ที่มีชื่อว่า “วแลค แดรคูล” (Vlad III Dracul) เจ้าชายผู้นี้นั้นเคยได้ใช้สถานที่ของปราสาทแห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับต่อสู้กับทหารที่บุกรุกเข้ามาของชาวเติร์ก ในการต่อสู้ระหว่างเจ้าชายกับเหล่าทหารนั้นเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดและไร้ซึ่งความปราณีให้กับคู่ต่อสู้ มีการตายของทหารมากมายที่นอนกองพื้นที่อยู่ปราสาท และเหล่าเชลยศึกที่จับได้มานั้นก็ได้โดนประหารกันอย่างน่ากลัว โดยการที่พวกเขาจะโดนเสียบประจานต่อหน้าชาวบ้านที่อยู่ระแวงปราสาทแห่งนี้อย่างน่าสยดสยอง ซึ่งนั่นก็คือเรื่องราวน่ากลัวที่เกิดขึ้นกับปราสาทแห่งนี้มาก่อนที่จะเป็นปราสาทที่สวยงามในปัจจุบัน
6. ปราสาทเอ็ลทซ์ (Eltz Castle, Germany)
ปราสาทเอ็ลทซ์นั้นเป็นปราสาทที่มีอายุมาแล้วเนิ่นนานที่ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง ภายในประเทศเยอรมนี เป็นปราสาทที่ขึ้นชื่อด้วยความสวยงามเป็นปราสาทต้นๆ ของประเทศเยอรมนี ด้วยความที่ตัวปราสาทนั้นถูกสร้างขึ้นมาตรงบริเวณกลางป่า เป็นปราสาทแห่งเดียวที่ถูกตั้งขึ้นมาโดดๆกลางป่าในประเทศเยอรมนี เป็นปราสาทที่ทุ่มทุนในการสร้างและออกแบบทั้งภายนอกและภายในเนื่องจากประสาทแห่งนี้เป็นของตระกูลเอ็ลทซ์ ซึ่งตระกูลนี้เป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ที่มีมาแล้วตั้งแต่สมัยคริสต์คตวรรษที่ 12 ซึ่งปัจจุบันนั้นตระกูลนี้ก็ยังเป็นเจ้าของปราสาทแห่งนี้อยู่
ด้วยความที่ปราสาทแห่งนี้นั้นเป็นของตระกูลเอ็ลทซ์มาตั้งแต่แรกจึงไม่มีใครรู้ความเป็นมาแน่ชัดเกี่ยวกับที่มาของวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ภายในปราสาทแห่งนี้ แต่มีผู้ที่เคยเห็นวิญญาณภายในปราสาทแห่งนี้ วิญญาณเหล่านั้นมักจะเป็นทหารและอัศวินที่คอยเดินตรวจอยู่ภายนอกของปราสาทซึ่งก็ได้มีผู้พบเห็นพวกเขาเดินอยู่บ่อยๆ นั่นได้สร้างความน่ากลัวให้แกผู้คนที่ได้เข้าออกปราสาทแห่งนี้ แต่ก็ยังไม่มีใครเข้าใจได้ว่าทำไมตระกูลเอ็ลทซ์แห่งนี้ยังคงอาศัยอยู่ในปราสาทแห่งนี้ได้ทั้งๆที่ปราสาทแห่งนี้เต็มไปด้วยวิญญาณมากมาย
7. ปราสาทโฮชกา (Houska Castle, Czech Republic)
ปราสาทโฮชกา เป็นปราสาทที่ถูกตั้งขึ้นอยู่ในสาธารณรัฐเช็ก มีผู้คาดกาลเอาไว้ว่าปราสาทแห่งนี้นั้นถูกสร้างและมีอายุมาแล้วตั้งแต่ช่วงสมัยศตวรรษที่ 13 ซึ่งนับได้ว่าเป็นปราสาทที่มีความเก่าแก่พอสมควร ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างมาอย่างโดดเดียวท่ามกลางหุบเขามากมายหลายลูก เรื่องสยองขวัญเกีย่วกับปราสาทแห่งนี้นั้นไม่ได้อยู่ที่ว่าเคยผ่านสงครามมาก่อนหรือมีการรอบสังหารจากภายในปราสาท แต่ความน่ากลัวอยู่ที่เหตุผลที่ได้สร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นมา โดยปกติแล้วเหตุผลของการสร้างปราสาทนั้นก็เพื่อที่จะเอามาเป็นที่พักอาศัยให้กับตระกูลชั้นสูงหรือไม่ก็เป็นป้อมปราการไว้สำหรับป้องกันข้าศึกในช่วงสงคราม แต่สำหรับปราสาทโฮชกาแห่งนี้นั้น เหตุผลก็คือ “เพื่อไม่ให้บางอย่างที่อยู่ภายในปราสาทนั้นได้ออกมาสู่ข้างนอก”
จุดที่สร้างปราสาทแห่งนี้นั้นภายใต้ปราสาทใหญ่แห่งนี้ได้มีหลุมขนาดใหญ่ที่ลึกลงไปจนไม่สามารถรู้ได้ว่าลึกไปจนถึงขนาดไหน ซึ่งมีการเชื่อกันว่าหลุมนั้นเป็นหลุมที่สามารถพาไปสู่อีกโลกหนึ่งได้หากได้ตกลงไป และเป็นที่เชื่อกันว่าที่พวกเขาสร้างปราสาทแห่งนี้ไว้นั้นก็เพื่อที่จะไม่ให้ปีศาจที่อยู่อีกโลกหนึ่งที่อยู่ภายในหลุมนั้นได้ออกมาภายในโลกแห่งนี้ ซึ่งมีหลายๆคนที่ได้อยู่แถวๆนั้น ได้เห็นเหล่าปีศาจและภูติผีวิญญาณที่ได้ออกมาให้เห็นบริเวณปราสาทแห่งนี้ ซึ่งมันก็ทำได้เพียงแค่โผล่ตรงบริเวณปราสาทเท่านั้นไม่สามารถออกนอกเหนือจากนี้ได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เชื่อกันว่า หากเปิดประตูปราสาทแห่งนี้ ก็เหมือนจะเปิดประตูสู่ยมโลกนั่นเอง
ปราสาทที่ถูกยกมาให้อ่านนั้นล้วนมีความน่ากลัวและที่มาที่ต่างกัน ซึ่งนั่นเป็นความน่ากลัวที่เกิดขึ้นให้กับปราสาทแต่ละหลัง สำหรับ นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งจากปราสาทผีสิงทั่วโลก แต่ปราสาทเหล่านี้ถือว่าเป็นที่รู้จักสำหรับคนชอบเรื่องผีกันอย่างแน่นอน สำหรับเรื่องต่อไปจะเป็นอะไร ขอให้ติดตายกันนะครับ บรัยบายย…
ที่มา : travel.trueid.net, www.amorerana.com, board.postjung.com, board.postjung.com