จังหวัดตากนั้นเป็นหนึ่งในจังหวัดที่อยู่ทางภาคเหนือ ที่หลายๆคนคิดว่าเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยความสงบ แต่ความจริงแล้วจังหวัดตากนั้นถือว่ามีเรื่องสยองขวัญที่อยู่ในจังหวัดอยู่ วันนี้แอดเลยนำ 5 เรื่องเล่าวิญญาณเฮี้ยนในจังหวัดตาก ให้ทุกคนได้รู้ถึงความน่ากลัวของจังหวัดตากกัน ถ้าอยากรู้แล้วว่าเป็นยังไง อ่านกันได้เลยครับ…
1. ทริปงานหลอนที่จังหวัดตาก (ระดับความสยอง : 10/10)

เรื่องนี้นั้นได้เกิดขึ้นกับผู้ชายคนหนึ่งที่ได้พูดถึงเรื่องสยองขวัญที่เกิดขึ้นกับเขาตอนเขาทำงานอยู่ที่ทำงานเก่าและเป็นเรื่องเมื่อสมัย 10 กว่าปีที่แล้ว
งานเก่าที่เขาทำนั้นจะเป็นงานที่เกี่ยวกับการทำโปรดังชั่นและก็รวมถึงการเป็นโปรดิวเซอร์ของรายการด้วยเช่นกัน ซึ่งในการทำงานของเขานั้นเข้าต้องมีการเดินทางตระเวนเขาโซนพื้นที่ที่อยู่ระหว่างจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดตากนี่เอง สิ่งที่เขาต้องทำในจังหวัดตากนั้นคือการโปรโมทการขายให้กับผู้ที่ต้องการซื้อในพื้นที่ต่างๆ และเป้าหมายของเขาครั้งนี้ก็คืออยู่ที่อำเภอแม่สอด ที่อยู่ภายในจังหวัดตากแห่งนี้ ซึ่งในตอนนั้นนั้นไม่ได้สะดวกเหมือนปัจจุบันที่สามารถเดินทางได้ง่ายๆโดยการนั่งเครื่องบิน แต่ในช่วงนั้นที่เขาต้องเดินทางนั้นเขาต้องเดินทางผ่านขึ้นลงเขาโดยรถตู้ของทีมอีเว้นท์เท่านั้น ซึ่งภายในทีมอีเว้นท์นั้นก็จะมีทั้งพริตตี้ที่ต้องไปเพื่อช่วยเชียร์สินค้า และต้องช่วยเพิ่มยอดการขายให้กับสินค้านั้นๆ ซึ่งพวกเขาได้ไปจัดบูทกิจกรรมอยู่ตรงพื้นที่ชุมชนแถวๆหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง และหลังจากเสร็จงานในวันนั้นก็ได้มีการสังสรรค์ตามปกติหลังเลิกงานใหญ่ พวกเขาทำปาร์ตี้สังสรรค์อยู่ที่โรงแรมที่พักนี่เอง และหลังจากนั้นก็ได้เกิดเรื่องแปลกๆ ที่ทำให้เขาและทีมของเขารู้สึกกลัวกับเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น
เขาและเพื่อนๆ ในทีมของเขาทั้งหมดรวมกันแล้วได้ 8 คน นั้นทั้งดื่มเหล้าและเล่นกันอย่างสนุกสนานโดยการที่ทุกคนรวมกันอยู่ในห้องๆ เดียว ซึ่งหลังจากที่ตัวผู้เล่านั้นเริ่มรู้สึกว่าเมาไม่ไหว เขาจึงได้แยกตัวไปนอนอีกห้องหนึ่งก่อนเพราะว่าภายในห้องนี้ทั้งเสียงดังและมีคนเยอะ ซึ่งหลังจากงานสังสรรค์ได้จบลง อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาตอนประมาณ 7 โมงเช้า คนที่เคาะประตูนั้นคือเพื่อนของเขาที่เป็นพริตตี้อยู่ในทีมนี่เอง ซึ่งเธอได้เข้ามาปลุกเขาและถามเขาถึงเรื่องเกี่ยวกับปาร์ตี้เมื่อคืน ซึ่งเธอได้ถามเขาว่าเมื่อคืนหลังจากที่เขาแยกไปนอนคนเดียวนั้น เขาได้พยายามที่จะมาเคาะห้องที่พวกเธอนอนอยู่รึเปล่า ซึ่งเขาก็บอกว่าไม่ได้เคาะและได้ถามต่อว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเธอก็ได้เล่าต่อว่า หลังจากที่เขาออกไปแยกนอนคนเดียวนั้น เธอและคนอื่นๆรวมแล้ว7คนก็ยังคงดื่มเหล้ากันต่ออย่างสนุก จนเวลาผ่านไปได้ประมาณตี 2 พวกเธอกำลังจะแยกย้ายกันไปนอน อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูดังขึ้น ซึ่งพวกเธอคิดว่าคงเป็นพนักงานหรือคนห้องอื่นๆหรือเปล่าที่จะมาบอกให้พวกเธอลดเบาเสียงหน่อย พวกเธอจึงไม่ได้เปิด จนผ่านไปซักพักการเคาะประตูก็เริ่มถี่ขึ้นจนเหมือนแทบจะทุบประตูแล้ว ซึ่งเธอเองก็เป็นคนที่เดินไปเปิดประตูดูซึ่งก็ไม่ว่ามีใคร หลังจากที่เธอปิดประตูซักพักก็มีเสียงเคาะอีก ซึ่งเธอก็เปิดอีกแต่ก็ไม่เห็นใคร ครั้งนี้เธอกับทุกคนก็ต่างจ้องที่จะเปิดประตูทันทีหากมีใครมาเคาะอีก และมันก็มีจริงๆ ซึ่งเธอก็เปืดจริงๆแต่สิ่งที่พบก็มีเพียงแต่ความว่างเปล่า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครเคาะและวิ่งไปแอบเพราะนั่นมันเป็นเสี่ยววินาทีที่เธอเปิด หลังจากที่เธอปิดประตูไป ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาเรื่อยๆไม่หยุดจนทำให้พวกเธอถึงขั้นนอนไม่หลับกันเลย จนเช้ามาเสียงนั้นก็หยุดแล้วเธอก็ได้เดินมาถามเขานี่เอง ซึ่งตัวเขาก็ได้แต่รู้สึกหลอนตามๆไปด้วยและทั้งคู่ก็ต่างแยกย้ายกันไปเตรียมตัวเพราะวันนี้พวกเขามีงานที่ต้องทำต่อที่เชียงใหม่

ซึ่งนี่ก็ยังไม่หมดสำหรับเรื่องสยองขวัญที่พวกเขาได้เจอ เพราะในระหว่างทางในอำเภอแม่สอดที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปสู่ลำปางนั้นก็ได้เกิดเรื่องน่ากลัวขึ้นมา ซึ่งภายในรถนั้นพวกเขาก็ได้เล่าเรื่องเมื่อคืนกันอย่างน่ากลัวตามปกติที่คนจะพูดกันหลังจากเจอ แต่ในระหว่างทางไปซักพักคนในรถส่วนใหญ่ก็ต่างหลับกันด้วยความที่ไม่ได้นอนกันเมื่อคืน ในระหว่างที่นั่งรถอยู่ก็ได้มีพี่ผู้ชายในทีมได้มาสะกิดไหล่ของเขาและพูดออกมาว่า ให้เขาหันหน้าไปมองตรงข้างรถทางขวามือ เขาเห็นอะไรรึเปล่า ซึ่งเขาก็ไม่ได้เห็นอะไรและได้บอกพี่เขาไป สิ่งที่พี่เขาบอกต่อมาคือตอนนี้พี่เขาเห็นผู้ชายกำลังเกาะรถตู้คันนี้อยู่ทางขวา ผู้ชายคนนี้มีลักษณะหัวโล้น ลอยคู่ติดๆ กับรถมาเลย ตอนนี้พี่เขาก็ยังเห็นผู้ชายคนนี้เกาะมาอยู่ นั่นจึงทำให้พี่เขาเงียบไปด้วยความกลัว ซึ่งรถก็ขับตรงไปเรื่อยๆตามทาง บนถนนนั้นก็ไม่มีรถคันอื่นเลย มีเพียงแต่รถตู้ของทีมเขาเท่านั้น ซึ่งตลอดทางที่รถขับนั้นพี่เขาก็คอยพูดตลอดเวลาเขายังคงเห็นวิญญาณของชายหัวโล้นเกาะอยู่ ซึ่งนั่นทำให้เขานั้นก็รู้สึกกลัวและตึงเครียดตามๆกับพี่เขา ระหว่างที่เขานั่งรถนั้นเขาก็ได้ดูเส้นทางตลอด แต่มันมีอะไรผิดแปลกไปเพราะทุกครั้งที่นั่งเขามักจะสังเกตเส้นทางตลอด ซึ่งเส้นทางนี้มันแปลกไปเพราะไม่มีทั้งรถคันอื่นเลยทั้งๆที่ควรจะมีรถอยู่เต็มถนนบ้าง และต้นไม้ตามทางก็มีท่าทีที่แปลกๆมันค่อยๆแคบลงจนแปลกไป จนหลังจากนั้นเขาก็ได้เห็นป้ายสีขาวๆ เขียนไว้ว่า ศาลเจ้าพ่อประตูผา เขาจึงได้บอกคนขับรถว่าให้กดบีบแตรเพื่อเป็นการไหว้ ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้มีเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นมา นั่นคือหัวหน้าของเขาที่กรุงเทพโทรมาหาเขา และพอเขารับโทรศัพท์สิ่งที่หัวหน้ารีบพูดก็คือ “เขาอยู่ที่ไหน เขาเป็นยังไงบ้าง บอกให้เขารีบออกมาจากตรงนั้นให้เร็วเลย” ซึ่งหลังจากหมดคำพูดของหัวหน้ารถก็ถูกเลี้ยวกระทันหันอย่างรวดเร็ว ซึ่งตัวคนขับพูดออกมาว่า อยู่ๆ เขาเห็นรถสวนทางมาอย่างรวดเร็ว จนเกือบจะชนกันเลยเมื่อกี้ ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ได้สังเกตรอบข้าง รอบข้างนั้นก็มีรถผ่านไปมาปกติและที่สำคัญเขาได้เห็นปั้มน้ำมันที่อยู่ไม่ห่างจากรถตู้ที่จอดอยู่ ซึ่งเขาสังเกตตลอดทางว่ามันไม่มีอยู่จริงๆ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ทำให้เขานั้นได้เกือบตายเลยก็ว่าได้

หลังจากที่เขาได้กลับกรุงเทพและมีโอกาสได้เจอกับหัวหน้าของเขา จึงได้มีการพูดคุยเรื่องนี้จนได้สรุปมาว่า โค้งที่เขานั่งอยู่ในตอนนั้นเป็นโค้งร้อยศพที่มีคนตายอยู่ที่บริเวณนั้นอยู่เยอะ ซึ่งด้วยตัวหัวหน้าของเขาเป็นคนมีเซ้นท์และเขาเหมือนจะรับรู้ว่าลูกน้องของเขากำลังจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นเขาเลยได้โทรมาเตือนเขา ไม่งั้นพวกเขาคงจะตายไปแล้ว ซึ่งหลังจากนั้นตัวเขาได้มานั่งทบทวนอีกรอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันก็คงจะเป็นจริงอย่างที่หัวหน้าเขาพูดเพราะในตอนนั้นทุกอย่างก็ล้วนแต่พาให้พวกเขาสามารถตายได้เลยในตอนนั้น
ถนนแห่งนั้นจะอยู่ระหว่างถนนสายตากกับแม่สอดยังไงหากใครขับรถผ่านเส้นทางนั้นโปรดระวังกันด้วยนะครับ
2. โรงแรมใหม่ (ระดับความสยอง : 9/10)

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นกับผู้ชายคนหนึ่งเมื่อ 7 ปี ที่แล้ว ผู้ชายคนนี้เขาทำงานเป็นพนักงานขายสินค้าเคมีเกษตร และเขาต้องมาทำงานที่อำเภอแม่สอด ที่จังหวัดตาก เพื่อที่จะขายสินค้าต่อลูกค้าของเขาที่อยู่ในจังหวัดนี้ ซึ่งโดยปกตินั้นทุกครั้งที่เขามาตากนั้นเขาจะมีโรงแรมประจำอยู่แล้ว ที่นั่นเป็นโรงแรมที่พนักงานขายมักจะชอบไปนอนพักกันหากต้องมาทำงานที่นี่
เรื่องมันเกิดที่ว่าครั้งนี้เขาก็ได้เข้ามาทำงานขายสินค้าที่จังหวัดตากอีกครั้ง แต่พอดีว่าข้างๆโรงแรมประจำของเขานั้นก็มีโรงแรมเปิดใหม่ขึ้นมาซึ่งมันอยู่ใกล้ๆ กัน เขาเลยตัดสินใจที่จะเข้าไปแวะถามเกี่ยวกับราคาของห้องพักโรงแรมใหม่นี้ ซึ่งราคาของโรงแรมนี้ถูกมากหากเทียบกับสภาพของห้องพัก มันดูดีมากสำหรับโรงแรมใหม่ วันนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเข้าพักโรงแรมนี้เพราะมันยังใหม่และแถมบรรยากาศภายในโรงแรมดีแต่เพียงแค่โรงแรมนี้อาจจะอยู่ติดกับวัดไปหน่อย ซึ่งทุกอย่างก็ยังปกติไม่มีอะไรผิดปกติไป

จนเดือนถัดมาที่เขาต้องมาขายของที่ตากอีก เขาก็ได้ตัดสินใจที่จะนอนโรงแรมนี้อีกครั้งเพราะติดใจจากรอบที่แล้ว ซึ่งครั้งนี้มันได้เกิดเรื่องที่น่าขนลุกกับเขาขึ้นมา หลังจากที่เขาทำงานเสร็จ ในคืนนั้นหลังเลิกงานเขาก็ได้ไปกินเหล้ากับรุ่นพี่ที่ทำงานเหมือนกันภายในตัวเมืองจังหวัดตาก พอถึงเวลาประมาณตี1 เขาก็เริ่มไม่ไหวแล้วจึงได้ขอตัวแยกกลับโรงแรมที่พักก่อน ส่วนรุ่นพี่ของเขาก็ยังดื่มกันต่ออย่างสนุกสนาน ด้วยความง่วงหลังจากถึงโรงแรมเขาก็ได้อาบน้ำแล้วเข้านอนทันทีหลังจากถึง พอประมาณเวลาตี 3 เขาก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเคาะประตูห้อง “ก๊อกๆๆๆ” มันดังพอที่จะทำให้เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา แต่ตัวเขาคิดว่าคงหูฝาดไปเลยยังไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ซักพักหลังจากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาอีก “ก๊อกๆๆๆ” ครั้งนี้เขาจึงลุกขึ้นเพื่อไปเปิดประตูเพื่อดูว่าใครเคาะประตูกันแน่ ในระหว่างที่กำลังจะไปเปิดประตูก็ได้มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา เป็นรุ่นพี่พนักงานของเขาที่ไปกินเหล้าด้วยกันโทรมา พอเขารับสาย รุ่นพี่ในสายก็บอกว่า “กูเพิ่งกลับมา มึงนอนรึยัง” เขาก็ตอบไปว่านอนแล้วและถามต่อว่า “พี่มาเคาะประตูที่ห้องของผมเหรอเห็นเคาะมาสองครั้ง” พี่เขาก็ตอบว่าใช่เขาเองและไล่ให้เขาไปนอนต่อ และก็ได้วางโทรศัพท์กันและเขาก็ได้ไปนอนต่อหลังจากนั้น
พอถึงตอนเช้าเขาก็ได้ไปกินข้าวกับรุ่นพี่ที่โทรมาหาเขาเมื่อคืนและได้มีการพูดคุยกันเกี่ยวกับเรืองเมื่อคืน ซึ่งรุ่นพี่ของเขานั้นมีสีหน้าที่แปลกๆและได้พูดขึ้นมาว่า “เมื่อคืนนั้นกูไม่ได้เคาะห้องมึงหรอกนะ” แต่ในตอนที่รุ่นพี่กลับมาจากดื่มเหล้าและเข้ามาในโรงแรมแล้วในระหว่างที่กำลังเดินกลับห้องนั้น รุ่นพี่ได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดสีขาวกำลังหลังยืนอยู่ข้างหน้าห้องของเขาและกำลังพยายามที่จะเคาะประตูห้องของเขาอยู่ ซึ่งตัวรุ่นพี่กำลังจะเดินไปถามว่ามีอะไรรึเปล่าแต่รุ่นพี่ได้สังเกตอีกทีจึงได้รู้ว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่มีเงาหัวอยู่และในมือของผู้หญิงคนนั้นกำลังถือหัวของตัวเองอยู่!! หลังจากนั้นรุ่นพี่เลยรีบโทรหาไปหาเขาเพื่อที่จะดูว่าเขานั้นนอนรึยัง ซึ่งหลังจากที่เขาได้ยินเรื่องนี้ก็ทำให้ขนลุกไม่หาย ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นกับเขา ถ้าหากเขาเปิดประตูรับผู้หญิงคนนั้น หลังจากนั้นจึงได้มีการถามเกี่ยวกับประวัติโรงแรมนี้ซึ่งได้รู้ว่ามา โรงแรมแห่งนี้ซื้อที่วัดมาส่วนหนึ่งเพื่อที่จะสร้างโรงแรมซึ่งส่วนที่ว่านั้นก็คือเชิงตะกอนของวัดนั่นเอง
3. บ้านผีริมถนนแม่สอด (ระดับความสยอง : 7/10)

เรื่องบ้านผีริมถนนแม่สอดนั้นได้ถูกพูดถึงโดยสำนักพิมพ์สำนักหนึ่งที่ได้เข้าไปเห็นสิ่งที่แปลกประหลาดและน่าขนลุกเกิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็ยังอยู่ตรงที่อำเภอแม่สอดนี่เอง ซึ่งได้มีการพบบ้านผี 6 หลังที่ได้ถูกนำมาทิ้งไว้ตรงกลางป่าหญ้าที่อยู่ตรงริมถนนในระหว่างสายแม่สอดและทุ่งหลวง ที่จังหวัดตากนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านที่อยู่ในระแวงนั้นกันอย่างมาก
บ้านผีที่ว่าก็คือ “เฮือนน้อย” หรือ “บ้านเล็ก” มีลักษณะที่ไม่ได้ใหญ่มากมีขนาดความกว้างอยู่ประมาณ 3 ศอก และมีความยาวของตัวบ้านเพียงประมาณ 3 ศอก โดยมีผู้ที่รู้สึกกลัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้แจ้งไปสู่ผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับมีคนนำเฮือนน้อยนี้มาทิ้งไว้ที่ข้างป่าหญ้าซึ่งมันได้สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ที่ผ่านมาแถวนั้นรวมถึงชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นด้วย เพราะว่าจำนวนที่มีอยู่ตรงนั้นมีเยอะถึง 6 หลังและแต่ละหลังมีการเขียนด้วยปากกาเมจิกเป็นชื่อที่ระบุของคนที่ตายไปแล้วติดไว้ตรงที่ฝาบ้านเฮือนน้อยนี้
ซึ่งต่างมีชาวบ้านพูดถึงเรื่องนี้กันว่าเดิมทีถนนเส้นนั้นที่มีคนมาวางเฮือนน้อยนั้นก็น่ากลัวอยู่แล้วเพราะชอบมีการเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาที่ถนนเส้นนี้ ซึ่งวันดีคืนดีพวกเขาก็มักจะได้ยินเสียงเหมือนมีรถชนกันทั้งๆที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน บ้างก็ว่ามักจะเห็นคนมักจะยืนเหมือนขอความช่วยเหลืออะไรบางอย่างซึ่งพวกเขาบางทีก็จะวิ่งไล่ตามรถที่ขับผ่านจนเกิดอุบัติเหตุก็มีมาแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็ได้มีคนนำเฮือนน้อยมาตั้งตรงถนนแห่งนี้ซึ่งไม่แน่ใจถึงความประสงค์ที่คนที่เอามานั้นเอามาวางไว้เพื่ออะไรแต่ที่ชาวบ้านคาดกานกันไว้ก็เพื่อที่จะให้ดวงวิญญาณที่อยู่บริเวณนี้ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณที่อยู่มานานแล้วหรือวิญญาณที่ตายโหงที่นี่ได้มีที่อยู่อยู่ เพราะจุดประสงค์ฺฃของเฮียนน้อยนั้นมีไว้เพื่อที่จะให้เหล่าวิญญาณนั้นได้มาอยู่อาศัยในบ้านจำลองแห่งนี้และจะได้ไม่ออกมาอาระวาดใส่คนอื่น ซึ่งนี่ก็คือหนึ่งในความเชื่อของคนภาคเหนือที่เชื่อกันว่าหากกลัวว่าคนที่ตายไปนั้นจะเกิดปัญหา อดอยากก็จะสร้างเฮียนน้อยขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนของสิ่งที่จะช่วยให้เหล่าวิญญาณดีขึ้นมานั่นเอง
4. วันพักผ่อน (ระดับความสยอง : 9/10)

เรื่องวันพักผ่อนนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้มาเที่ยวกับเพื่อนของเธอ เธอและเพื่อนของเธอตั้งใจที่จะไล่ไปเที่ยวตะลอนขึ้นไปทางเชียงใหม่ โดยการขับรถไปเองชิวตามภาษากลุ่มเพื่อนที่ต้องการพักผ่อนนั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นมาได้ประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นทุกๆ สิ้นปีทางภาคเหนือจะมีอากาศที่หนาวเธอและเพื่อนของเธอจึงตั้งใจจะไปเที่ยวกัน
ในการไปเที่ยวครั้งนี้ประกอบด้วยตัวเธอและเพื่อนเธออีก 3 คน ทั้งหมดก็จะเป็นผู้หญิง2 ชาย2 ซึ่งในระหว่างที่พวกเธอขับรถผ่านแต่ละจังหวัดนั้นหากพวกเธอง่วงที่จังหวัดไหนหรือเห็นว่าจังหวัดไหนควรที่จะหยุดพักแล้วพวกเธอก็จะแวะพักที่จังหวัดนั้นไม่ได้มีแผนที่จะนอนในจังหวัดไหนๆเป็นพิเศษ ซึ่งก่อนที่เธอจะไปถึงเชียงใหม่นั้นเธอได้แวะเข้าไปเที่ยวเล่นที่จังหวัดตากก่อน ซึ่งหลังจากที่เธอเข้าไปจังหวัดตากแล้วมันก็ช่วงเย็นๆให้เข้าแล้ว พวกเธอจึงตัดสินใจที่จะนอนพักที่จังหวัดนี้และวันถัดไปถึงไปเที่ยวเชียงใหม่ต่อเพราะมันก็ไม่ได้ไกลกันมาก ซึ่งพวกเธอนั้นตั้งใจจะหาโรงแรมที่ราคาไม่แพงมากนัก เพื่อที่จะเอาไว้นอนชั่วคราวและไม่ต้องการจ่ายแพงมากนักก่อน ซึ่งในการขับรถหาโรงแรมนั้นเธอก็ได้เปิด GPS ขึ้นมาเพื่อนำทางและดูโรงแรมไปด้วยระหว่างทาง ในระหว่างที่กำลังหาโรงแรมนั้นก็ได้เห็นโรงแรมแห่งหนึ่งที่มีลักษณะไม่เก่ามากแต่ก็ไม่ใหม่เช่นกัน เธอจึงได้บอกเพื่อนๆว่าลองเข้าไปถามถึงราคากันก่อนดีกว่าเพราะนี่มันก็เริ่มจะดึกแล้วด้วย พรุ่งนี้เราต้องเดินทางกันแต่เช้าอีก หลังจากที่ได้เข้าไปถามเธอและเพื่อนของเธอก็ตกลงกันที่จะนอนโรงแรมแห่งนี้ด้วยความที่ว่า ราคาถูกกว่าที่อื่นที่ดูในเน็ตแถมเป็นที่พักที่ดูสงบดี ต่างจากที่อื่นที่วุ่นวายเพราะมีนักท่องเที่ยวเริ่มมาเที่ยวเหมือนกัน เธอและเพื่อนของเธอจึงได้เข้าพักทันที
เรื่องความน่ากลัวมันก็เริ่มทันทีหลังจากได้เข้าห้องพัก เธอและเพื่อนของเธอนั้นก็ได้แยกกันพักเป็นชายๆ หญิงๆ ในห้องผู้ชายนั้นก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ แต่พอเธอได้เข้าห้องของเธอนั้นสิ่งแรกที่เธอรู้สึกได้เลยคือกลิ่นอับที่ตีขึ้นมาในจมูกของเธอ ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นแบบนั้นหากได้ไปนอนพักโรงแรมแบบนี้ แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากและด้วยความเที่ยวมาทั้งวันแล้วด้วยจึงรีบอาบน้ำและเข้านอนทันที หลังจากเธออาบน้ำอะไรเสร็จ ระหว่างที่เธอก็รอเพื่อนอีกคนอาบน้ำและคิดว่าจะเข้านอนปิดไฟพร้อมกันเลย เธอก็เดินดูห้องเรื่อยๆ แต่สิ่งที่แปลกไปคือเธอได้เห็นของเล่น เป็นแผงของเล่นที่ยังไม่แกะตั้งแอบอยู่บนตู้เสื้อผ้าซึ่งสภาพของแผงของเล่นนั้นดูเก่ามากเหมือนถูกตั้งมาแล้วเป็นเวลานาน ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีแล้วว่าทำไมคนทำความสะอาดไม่เก็บของเล่นไป แต่อีกใจนึงก็รู้สึกว่าของเล่นชิ้นนี้เป็นของลูกค้าเก่าแล้วลืมหรือเปล่า แต่เธอก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเพื่อนเธอ เพราะกลัวคิดว่าเพื่อนของเธอจะคิดไปไกลและนอนไม่หลับได้
หลังจากเพื่อนของเธอเสร็จจึงได้พากันเข้านอนทันที หลังจากที่เธอหลับไปได้ซักพัก เธอรู้สึกว่าเธอได้ยินเสียงของเด็กมาเล่นอยู่ในห้อง เป็นเสียงของเด็กหัวเราะและวิ่งเล่นไปมามันดัง “ตึกๆๆ” และก็ตามด้วยเสียงหัวเราะ แต่พอเธอพยายามที่จะลุกขึ้นมาเพื่อดูว่านั่นคือเสียงอะไร แต่เธอก็ทำไม่ได้ เธอขยับตัวไม่ได้มันเป็นอาการเหมือนผีอำที่เธอรู้สึกได้ ซึ่งในตอนนั้นเธอก็พยายามที่จะหลุดออกจากอาการผีอำนี้ให้ได้โดยพยายามดิ้นไปหมาแต่มัมก็ยังอยู่แบบนั้น เธออยู่ในอาการที่เรียกว่ากึ่งหลับกึ่งตื่น ตรงหางตาของเธอนั้นเธอเห็นเหมือนเด็กนั่งอยู่ตรงปลายเตียงนั่งเล่นเหมือนเล่นของเล่นอยู่ซึ่งเด็กคนนั้นอายุน่าจะ 7-8 ขวบได้แล้ว เด็กคนนั้นกำลังนั่งหันหลังเล่นให้เธออยู่ แต่หลังจากที่เธอเห็นเด็กคนนั้นก็หันมา ซึ่งเป็นเด็กที่ไม่มีใบหน้า ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความว่างเปล่า มันทำให้เธอตกใจมากและจึงสวดมนต์เท่าที่จะนึกได้ สวดทุกอย่างที่เธอจำได้และหลังจากนั้นเธอก็สะดุ้งลุกขึ้นมา ซึ่งตัวเธอนั้นเต็มไปด้วยเหงื่อที่เต็มหลังและเต็มใบหน้าของเธอ เธอจึงได้สะกิดเพื่อนว่าให้ไปนอนที่ห้องผู้ชายกันเถอะ ซึ่งเพื่อนของเธอก็งงว่าทำไม แต่ก็ต้องย้ายเพราะเธอไม่ไหวจริงๆ ซึ่งหลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้เจออะไรให้องผู้ชาย พอรุ่งเช้าเธอก็ได้เล่าให้เพื่อนๆของเธอฟังเกี่ยวกับเรื่องที่เธอเจอ รวมถึงพาไปดูของเล่นที่เธอเจอด้วย ซึ่งพอหลังจากนั้นพวกเธอก็เดินทางต่อ โดยคิดว่าเรื่องที่เธอเจอนั้นมันต้องมีประวัติอะไรที่เกี่ยวกับของเล่นชิ้นนี้อย่างแน่นอน ซึ่งตัวเธอนั้นก็ไม่ได้ถามประวัติหรืออะไรจากที่นี่ว่าเกิดอะไรขึ้นมาก่อนและก็เดินทางไปเชียงใหม่ต่อหลังจากนั้น นี่เป็นเรื่องที่เธอจะจำไปตลอดหากได้มานอนพักที่จังหวัดตากอีกครั้ง
5. ผีที่ห้องน้ำหมายเลข 8 (ระดับความสยอง : 7/10)

นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่นานในเมืองไทย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ห้องน้ำที่อยู่ภายในวัดที่ชื่อรวมไทยวนาราม วัดแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องมีห้องน้ำผีดุที่อยู่ในวัด ห้องน้ำส่วนนี้ได้ถูกสร้างไว้ตรงข้ามกับเมรุเผาศพด้วย
ได้มีชาวบ้านเคยพูดกันไว้ว่าห้องน้ำส่วนนี้นั้นจะมีวิญญาณที่มักจะชอบมาหลอกผู้ที่มาใช้ห้องน้ำส่วนนี้ บ้างก็ว่าพวกเขามักจะได้ยินเสียงของคนใช้ห้องน้ำห้องห้องๆ ในระหว่างที่พวกเขาใช้อยู่ ซึ่งซักพักก็จะมีเสียงทุบผนังจากห้องข้างๆ ดัง “ปักๆๆ” แต่พอออกไปดูแล้วก็ไม่มีใครใช้ห้องน้ำห้องข้างๆ อยู่เลย ซึ่งส่วนนี้ได้มีหลายคนที่ได้เจอเรื่องแปลกๆ ที่ห้องน้ำแห่งนี้ ซึ่งว่ากันว่าส่วนใหญ่ห้องที่พวกเขาได้เจอนั้นจะอยู่ห้องท้ายๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ชาวบ้านต่างรู้กันดีเกี่ยวกับห้องน้ำตรงนี้และเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาซักระยะแล้ว
ซึ่งในปัจจุบันนั้นห้องน้ำแห่งนี้ได้ถูกทำขึ้นมาให้น่ากลัวกว่าเดิม ซึ่งด้วยประวัติความเป็นมาของห้องน้ำนี้เดิมทีก็น่ากลัวอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันนั้นน่ากลัวกว่าเพราะทางวัดได้มีการวาดภาพศิลปะแปะไว้ตรงผนังของห้องน้ำที่นี่ซึ่งได้มีอยู่ห้องหนึ่งที่เป็นที่น่ากลัวมากหากใครได้เข้าไป นั่นก็คือห้องน้ำหมายเลข 8 ซึ่งมันเหมือนจะเป็นห้องที่ใครหลายๆ คนได้เคยเจอดีกันมานั่นเอง ซึ่งตอนนี้นั้นเป็นที่รู้จักกันในโซเชียลเกี่ยวกับห้องน้ำผีหมายเลข 8 ที่ใครหลายคนไม่กล้าเข้าด้วยความที่ประวัติก่อนหน้านี้ก็น่ากลัวอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันนี้มันได้เพิ่มความน่ากลัวขึ้นมาอย่างมากด้วยเช่นกัน
สำหรับจังหวัดตากนั้นพูดได้ว่าเป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องสยองที่อยู่ในโรงแรม จากที่อ่านมาเรื่องส่วนใหญ่จะเกิดที่ในโรงแรม ทั้งนี้ใครที่ได้อ่าน 5 เรื่องเล่าวิญญาณเฮี้ยนในจังหวัดตาก แล้วก็ระวังที่จะไปนอนโรงแรมที่จังหวัดตากให้ดีนะครับ ไม่งั้นอาจจะเจออะไรก็เป็นได้ บรือออ…
ที่มา : oknation.nationtv.tv, ghostjung2017.blogspot.com, www.komchadluek.net, hilight.kapook.com, www.thairath.co.th