สวัสดีครับทุกคนวันนี้แอดนำ 5 เรื่องสยองขวัญของจังหวัดเชียงใหม่ รู้หรือไม่ว่าจังหวัดเชียงใหม่นั้นไม่ได้มีดีแค่อากาศเท่านั้น แต่เรื่องสยองขวัญก็น่ากลัวไม่แพ้กันเลย ถ้าอย่ารู้ว่าเป็นยังไง ก็ลองอ่านกันดูเลย บรือออ…
1. ลัดดาแลนด์ (ระดับความสยอง : 9/10)

หลายๆ คนคงเคยได้ยินผ่านหูหรืออาจจะเคยได้ดูหนังเกี่ยวกับหมู่บ้านผีสิงชื่อดังอย่าง“ลัดดาแลนด์”มาบ้างแล้ว ซึ่งคุณรู้ไหมว่าหมู่บ้านผีสิงอย่างลัดดาแลนด์นั้นมีที่มาจากจังหวัดเชียงใหม่นี่เอง
หมู่บ้านลัดดาแลนด์มีเรื่องเล่ากันว่าเป็นสถานที่ยอดฮิตสำหรับวัยรุ่นสมัยก่อนที่นิยมกันมาที่หมู่บ้านนี้เพื่อที่จะออกเดทเพราะพวกเขามีความเชื่อกันว่าหากมีคู่รักไหนไปอธิฐานขอพรเกี่ยวกับความรักที่ต้นไทรที่อยู่ด้านหน้าของหมู่บ้านลัดดาแลนด์แล้วคู่รักคู่นั้นก็จะได้รักกันไปตลอดชีวิต ส่วนคนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนที่ฐานะดี บางคนจึงเรียกกันว่าเป็นหมู่บ้านของชาวเศรษฐี

แต่เรื่องสยองของหมู่บ้านนี้ที่ทำให้ลัดดาแลนด์กลายเป็นหมู่บ้านผีสิงนั้นเกิดขึ้นจากที่มีบ้านหลังหนึ่งได้โดนฆ่าตายยกบ้านและทำให้เพื่อนบ้านที่บ้านอยู่ติดกันกับบ้านหลังนี้ บางทีจะได้ยินเสียงร้องไห้จากบ้านหลังที่โดนฆ่า บ้างก็จะได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากข้างในบ้าน หรือบ้างก็ได้เสียงหัวเราะดังออกมา แต่เหตุการณ์ที่น่ากลัวกว่านั้นที่ทำให้เพื่อนบ้านนั้นไม่สามารถอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านนี้ได้อีกก็คือการที่พวกเขาบางคนได้เห็นหนึ่งในครอบครัวที่ตายนั้นยืนออกมารดน้ำต้นไม้ที่หน้าบ้านของเขาเหมือนที่เขาเคยทำตอนมีชีวิตอยู่ ซึ่งมันไม่ใช่รอบเดียวที่คนในหมู่บ้านเห็นวิญญาณออกมารดน้ำไม้ นี่จึงหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คนเริ่มย้ายออกจากหมู่บ้านลัดดาแลนด์กัน
นอกจากนั้นยังมีคนเล่ากันว่า มีบ้านอยู่หลังนึงเป็นบ้านของฝรั่งที่ซื้อบ้านหลังนี้เอาไว้ เพื่อที่จะมาเที่ยวในช่วงวันหยุดของเขา จึงได้จ้างหญิงสาวชาวพม่าเฝ้าบ้านหลังนี้ในระหว่างที่เขาไม่อยู่ แต่ได้เกิดเหตุการณ์ที่หญิงสาวชาวพม่านั้นได้ถูกโจรขึ้นบ้านและฆ่าหญิงสาวคนนั้นแล้วอำพลางศพไว้ในห้องเก็บของใต้บันได นานกว่า 2 เดือนถึงจะมีคนได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาจากบ้านและพบศพของหญิงสาวภายในบ้าน แต่ถึงจะพบศพแล้วก็ยังมีคนในหมู่บ้านยังคอยเห็นหญิงสาวคนนี้เดินทำงานอยู่ภายในบ้านและบางทีก็มักจะยืนมองคนที่เดินผ่าน ผ่านหน้าตาของบ้านหลังนี้…
2. โรงแรมรูปตัว L (ระดับความสยอง : 8/10)

เรื่องนี้เกิดขึ้นในสถานที่โรงแรม 5 ดาวของจังหวัดเชียงใหม่ที่ลักษณะตึกของโรงแรมนั้นเป็นรูปตัว L เรื่องเกิดที่ว่า
ผมขอตัวผู้เล่าว่านาย A เหตุการณ์เริ่มที่ว่านาย A นั้นได้ไปเที่ยวกับเพื่อนในช่วงเคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่จังหวัดเชียงใหม่และได้จองโรงแรมดังกล่าวนี้ไว้แต่ด้วยความที่นาย A ถึงโรงแรมเร็วกว่ากำหนดทางโรงแรมจึงได้เปลี่ยนห้องให้นาย A เพราะว่าห้องที่นาย A จองไว้นั้นลูกค้าก่อนหน้านี้ยังไม่ได้เช็คเอาท์ออก ทางโรงแรมจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนห้องให้ก่อนซึ่งตัวนาย A ก็ไม่ได้ว่าอะไร หลังจากได้ห้องแล้ว ทุกคนก็เดินและเช็คภายในห้องว่าวิวเป็นยังไงบ้าง แต่หลังจากเพื่อนนาย A ได้เปิดผ้าม่านออกเพื่อดูวิวจึงได้เห็นว่าหน้าต่างของห้องนั้นสามารถเห็นดาดฟ้าของโรงพยาบาลที่ติดกับตัวโรงแรม ซึ่งเพื่อนของนาย A ก็พูดออกมาโดยไม่คิดอะไรว่า “โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยเหรอนี้ อัปมงคลสุด” แต่ตัวนาย A และคนอื่นๆก็ไม่ได้คิดอะไรและก็เตรียมตัวเพื่อที่จะไปเที่ยวกันต่อ

เป็นเวลามืดหลังจากกลับมาจากเที่ยวกันทั้งวันแล้วเพื่อนนาย A คนเดิมก็ไปดูวิวตามปกติอีกครั้งและอยู่ๆก็พูดออกมาว่า “คนบ้าอะไรวะ ไปนั่งอยู่คนเดียว” ซึ่งตัวนาย A และเพื่อนคนอื่นๆก็เดินเข้าไปดูและได้เห็นเหมือนกันและคิดว่าคงจะเป็นคนที่รอเคาท์ดาวน์แต่สิ่งที่น่าแปลกคือผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะใส่ชุดคนไข้ แต่เค้าก็ไม่ได้คิดอะไร พอหลังจากนั้นทุกคนก็เตรียมตัวกันนอน แต่หลังจากนั้นตรงกระจกก็ได้มีเสียงเหมือนมีใครเอานิ้วกรีดกับกระจกซึ่งเป็นเสียงที่ได้ยินชัดมากและดังจนทำให้นอนไม่หลับ เพื่อนนาย A ได้เปิดผ้าม่านเพื่อจะดูว่าเสียงนั้นคืออะไรแต่สิ่งที่พบคือ “ผู้หญิงคนหนึ่งเอาหน้ามาติดกับกระจกและใช้นิ้วของเธอกรีดลากกระจกพร้อมกับหัวเราะ” และตัวผู้หญิงคนนั้นร้องตะโกนออกมาว่า กูจะฆ่ามึง!! ทั้งหมดทุกคนตกใจและวิ่งลงข้างล่างล็อบบี้เพื่อที่จะบอกว่าสิ่งที่พวกเขาเจอนั้นมันคืออะไรกันแน่ แต่ตัวพนักงานเองก็ไม่สามารถหาคำตอบส่วนนี้ให้ได้ แต่สุดท้ายแล้วนาย A ก็ได้รู้เรื่องจากตัวแม่บ้านว่า เคยมีเหตุการณ์ที่ว่า มีสามีภรรยาได้มานอนพักที่โรงแรมนี้และภรรยาที่น้อยใจสามีของตัวเอง จึงกรีดข้อมือของตัวเองเพื่อที่จะฆ่าตัวตายเพื่อเป็นการประชดสามี แต่เธอก็ไม่ได้ตายไปเลยในตอนนั้นและได้นำตัวไปส่งโรงพยาบาลที่อยู่ติดกับโรงแรม แต่หลังจากนั้นตัวสามีก็ไม่ได้มาเฝ้าดูภรรยาของเค้าเลย ตัวภรรยาจึงตัดสินใจที่จะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย แต่ก่อนที่เธอจะฆ่าตัวตายนั้นเธอได้โทรหาสามีของเธอที่นอนพักอยู่ในโรงแรมนั้นให้มองเธอลงมาที่ดาดฟ้าและเธอก็กระโดดตึกต่อหน้าต่อตาสามีของเธอและได้เสียชีวิตไปในที่สุด นั่นคือสิ่งที่เค้าได้รู้และพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงได้พบกับวิญญาณตนนี้มาหลอกหลอนพวกเขา…
3. ป๊อก… ป๊อก… ครืด (ระดับความสยอง : 10/10)

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เชื่อว่าเด็กมหาลัยหลายๆ คนต้องเคยได้ยินมาบ้างเกี่ยวกับเรื่องราวของ ป๊อก… ป๊อก… ครืด ที่เกิดขึ้นที่มหาลัยเชียงใหม่และเป็นเรื่องเล่าหลอนให้กับนักศึกษารุ่นใหม่ที่เข้ามาศึกษากัน
เรื่องเกิดขึ้นกับเพื่อนสนิทผู้หญิงคู่หนึ่งที่อาศัยกันอยู่ในหอในของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่นี่ ทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตกันอย่างปกติ แต่วันทีเกิดเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเพราะว่า เพื่อนคนหนึ่งนั้นรู้สึกหิวและต้องการที่จะออกไปหาอะไรกินในตอนกลางคืนและได้ชวนเพื่อนอีกคนออกไปหาอะไรกิน แต่เพื่อนอีกคนไม่ได้ออกไปด้วยเพราะว่ารู้สึกไม่สบาย ด้วยความที่ว่าเพื่อนเป็นห่วงเพื่อน จึงออกไปกินข้าวคนเดียวและตั้งใจจะซื้อข้าวมาฝากเพื่อนที่ไม่สบาย

เพื่อนที่ไม่สบายนั้นก็เผลอหลับไปเพราะว่าอาการป่วยและได้สะดุ้งตื่นมาในกลางดึกและก็ยังไม่เห็นว่าเพื่อนของเธอที่ออกไปหาอะไรกินกลับมา สักพักเธอก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างนอกห้องตรงทางฝั่งบันได “ป๊อก…ป๊อก…ป๊อก…ครืด…ครืด…ครืด” เสียงนั้นดังเป็นช่วงๆ และเหมือนว่าจะใกล้เข้ามาหน้าห้องของเธอเข้าไปทุกที เสียงนั้นดังจนมาถึงหน้าห้องของเธอและเธอก็ได้ยินเสียงดัง ก๊อก ก๊อก ก๊อก แล้วหลังจากนั้นก็เงียบไป พอผ่านไปซักพักเธอจึงตัดสินใจที่จะออกไปดู จึงได้พบว่ามีถุงข้าวแขวนอยู่ตรงลูกบิดประตูและมีรอยน้ำลากเป็นทางยาวมาจากบันได ตัวเธอนั้นก็ตกใจและได้แต่สงสัยว่าเพื่อนของเธอนั้นหายไปไหน ทำไมแขวนข้าวไว้หน้าห้อง
ในรุ่งเช้าของวันถัดมา มีคนมาเคาะหน้าประตูห้องของเธอและบอกเธอว่า “เพื่อนของเธอนั้นได้เสียชีวิตไปแล้วเนื่องจากถูกฆ่าข่มขืน สภาพของศพนั้นแขนและขานั้นหักทั้งสองข้างและถูกทิ้งศพไว้ข้างทาง” เธอได้เพียงแค่คิดว่าแล้วใครกันที่เป็นคนนำถุงข้าวมาแขวนไว้หน้าห้องเธอและเสียงดังที่เธอได้ยินหล่ะคืออะไร ไม่มีใครรู้ได้ว่าเสียงที่ดังเมื่อคืนนั้นเป็นเสียงอะไรกันแน่ แต่อาจจะเป็นเสียงที่ วิญญาณของเพื่อนของเธอนั้นเป็นห่วงเธอและตั้งใจจะเอาของกินมาให้เธอดังที่สัญญากันไว้ก่อนที่จะตาย โดยที่ใช้ร่างกายของเธอที่ถูกทำให้แขนขาหักไปแล้ว ใช้ปากของเธอนั้นคาบถุงข้าวเอาไว้ แล้วเอาคางเกยตัวเองจนมาถึงหอพักและลากตัวเองขึ้นบันไดจนเกิดเสียงดัง ป๊อก… ป๊อก…. ครืด…
4. พรหม พาราไดซ์ (ระดับความสยอง : 6/10)

นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องเล่าผีที่น่ากลัว แต่เป็นสถานที่ผีดุ ที่เหล่านักท้าทดลองมักอยากจะมาลองดีกัน นี่คือ “พรหม พาราไดซ์” ของจังหวัดเชียงใหม่
เล่ากันว่าเมื่อก่อนนั้นพรหม พาราไดซ์นั้นเป็นสวนน้ำที่ได้รับความนิยมมากจากนักท่องเที่ยวและผู้คนชาวเชียงใหม่ แต่ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นว่า น้ำที่ทางสวนน้ำแห่งนี้ใช้นั้นเป็นน้ำทะเลจริงและได้กัดโครงสร้างของสไลเดอร์ยักษ์จนเหล็กของสไลเดอร์นั้นเกิดสนิมขึ้นมาทำให้รางมันหลุดลงมาและเกิดอุบัติเหตุทำให้เด็กตกลงมาเสียชีวิต สวนน้ำแห่งนี้จึงได้ปิดตัวลงไป นี่ก็เป็นเวลาหลายปีแล้วที่สวนน้ำแห่งนี้ได้ปิดไป และสภาพของสวนน้ำแห่งนี้ไม่ต่างกับสวนน้ำผีสิงเลย เพราะในช่วงวันพระใหญ่โดยเฉพาะวันออกพรรษาตอนดึกๆ มักจะได้ยินเหมือนเสียงคนมากระโดดน้ำกันหรือไถตัวลงมาจากสไลเดอร์กันมาเป็นประจำ ซึ่งเสียงนั้นไม่สามารถเป็นเสียงของคนได้เพราะทางสวนน้ำได้ปิดให้บริการไปนานแล้ว…
5. ผีโทรเข้ารายการวิทยุ (ระดับความสยอง : 9/10)

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมา 20 กว่าปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เหล่าดีเจและคนที่ชอบฟังเรื่องเล่าผีในสมัยนั้นรู้สึกกลัวและขนลุกกับเรื่องนี้มาโดยตลอด เรื่องนี้เกิดขึ้นที่สถานีวิทยุแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานีที่มักจะรับสายคนที่โทรมาเพื่อที่จะแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องผีให้ผู้ฟังที่อยู่ทางบ้านได้ฟังกัน ซึ่งในวันที่เกิดเรื่องนั้นเป็นวันที่เรื่องผีไม่ค่อยน่ากลัวซักเท่าไหร่เลย จนกระทั่งได้มีสายสุดท้ายที่โทรมาเล่าเรื่องผี ต้นสายนั้นเป็นเสียงผู้หญิงที่ไม่บอกชื่อ ไม่ยอมบอกว่าโทรมาจากไหนและเวลาพูดนั้นสัญญาณมักจะขาดๆหายๆตลอดเวลา ซึ่งดีเจจับใจความได้ว่าสิ่งที่เธอพูดก็คือ “เธอบอกว่าเธอทำงานกลางคืน และเธอเลิกงานดึกมาก” ซักพักเธอก็เงียบไป และพูดใหม่ว่า “เธอขับรถเครื่องมาทำงาน” เธอมักจะพูดขาดๆหายๆ แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือเสียงของเธอนั้นดูเหนื่อยๆดู เยื่อกเย็นไม่เหมือนคนที่โทรมาปกติ ซึ่งหลังจากนั้นเธอก็ยังคงเล่าต่อว่า “เธอเลิกงานประมาณตี 1 และกำลังขับรถกลับบ้าน มันมืดมาก และเธอก็เจอมัน” และหลังจากนั้นเธอก็เริ่มที่จะสะเถือนดังออกมาเบาๆ ซึ่งทำให้ดีเจและผู้ฟังเริ่มกลัวตาม ตัวดีเจคิดว่าเธอคงไม่ไหวและตั้งใจจะให้เธอวางสายไปก่อน แต่เธอก็ไม่หยุดและเธอก็ยังคงร้องไห้ดังขึ้น โหยหวนพูดออกมาว่า “มันตามหนูมาแล้ว แล้วเธอก็ร้องไห้อีก และเธอก็พูดว่า ฆ่า ฆ่า มันฆ่าหนู” พูดด้วยน้ำเสียงที่กระแทก ซึ่งตัวผู้ช่วยดีเจที่ฟังอยู่ข้างๆดีเจเริ่มกลัวและกริ๊ดออกมา และบอกว่าให้วางสายไปเถอะ และหลังจากนั้นตัวดีเจก็ได้วางสายและเปลี่ยนไปเปิดเพลงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จนวันถัดมา ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เรื่องนี้น่ากลัวและดังมากๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ เพราะว่ามีการพบศพหญิงสาวถูกฆาตกรรมตรงริมถนนของถนนสายเชียงใหม่-ดอยสะเก็ด ซึ่งสภาพศพนั้นน่าจะเสียชีวิตมาหลายวันแล้วด้วย ซึ่งคาดการกันว่า ตัวหญิงสาวนั้นทำงานอยู่ที่ไนท์บาร์ซ่า และได้โดนคนร้ายถีบรถล้มในช่วงที่ระหว่างทางกลับบ้านเพื่อชิงทรัพย์ แล้วฆาตกรรมเธอ ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่ดังมากๆ ที่เชียงใหม่โดยเล่ากันว่า วิญญาณอาจจะตั้งใจโทรมาเพื่อสื่อสารให้คนรู้ว่า เธอนั้นได้โดนฆาตกรรมและต้องการให้ได้รู้ว่าศพของเธออยู่ที่ไหนกันแน่…
เป็นยังไงกันบ้างครับกับ 5 เรืองสยองขวัญของจังหวัดเชียงใหม่ ขนลุกขนพองกันบ้างไหม ส่วนตัวแอดคิดว่า เรื่องสุดท้ายเป็นอะไรที่น่าขนลุกสุดๆ ลองอ่านและนึกภาพกันดูสิ ถ้าเราได้ไปเป็นดีเจหรือเป็นคนฟังในจังหวะนั้นนะ คงนอนไม่หลับกันเลยทีเดียว….
ที่มา : shock.mthai.com, reviewchiangmai.com, jeab.com, xn--q3ctuzbi.com, dek-d.com
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> เซ็กซี่บาคาร่า