ประเทศไทยของเรานี้มีสถานที่หลอน เฮี้ยนอยู่ทั่วประเทศ พวกเรารู้กันดีว่าถ้าอยากจะพบเจอประสบการณ์สยองเขย่าขวัญ ก็ต้องที่นี้เลย วัดไทย เป็นสถานที่ประกอบพิธีการทางพระพุทธศาสนาต่างๆรวมไปถึงการเผาศพและมีป่าช้าไว้เก็บกระดูกหรือศพไร้ญาติอีกด้วย และถ้าใครอยากจะเจอผีก็มาได้ที่นี้เช่นกัน เรามาดูวัดไทยที่มีผีดุที่สุดในประเทศไทยมีวัดไหนบ้างไปดูกัน
1. วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์ ฉะเชิงเทรา
“วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์” หรือมีชื่อเดิมเก่าว่า “วัดเมือง” มีที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ต้องเล่าก่อนว่าในสมัยรัชกาลที่ 3 ในปี พ.ศ. 2391 ผู้คนชาวจีนที่ได้มาทำมาหากินในแผ่นดินไทยซึ่งจะใช้ชื่อเรียกพวกเขาว่า “อั้งยี่” ได้ก่อเหตุตั้งตัวข่มเหงประชาขนชาวไทยทำการยึดที่ทำมาหากินของคนไทย ข่าวรู้ถึงพ่ออยู่หัวรัชกาลที่ 3 ท่านได้สั่งให้ปราบปราม “อั้งยี่” ให้สิ้น จึงได้มีการจับกุมประหารอั้งยี่เป็นจำนวนมาก
ใช้สถานที่วัดเมือง หรือ ณ ลานประหารวัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์ ซึ่งเป็นข่าวที่โด่งดังมากในอดีต ประชาชนมีทั้งรู้สึกสะใจและสมเพศ สงสารกับศพที่คนอั้งยี่ที่หัวตัดหัวฝังไปแบบไร้ญาติ จึงมีการโกรธแค้นทำให้วิญญาณพวกเขาอยู่สถานที่นั้นตามหลอกหลอนไม่ให้ใครได้อยู่สงบจึงเกิดตำนานที่ชื่อว่าตำนานวิญญาณเฮี้ยน ณ.ลานประหารวัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์
2. วัดสุวรรณาราม บางกอกน้อย
“วัดสุวรรณาราม” ซึ่งมีชื่อเก่าเดิมว่า “วัดทอง” ได้ถูกจัดสร้างขึ้นมาในยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ในเรื่องราวที่สำคัญจะเกิดขึ้นในยุคสมัยกรุงธนบุรีคือ ในยุคสมัยนั้นพระเจ้าตากสินมหาราชท่านได้ปราบปรามพม่า มีพระราชดำรัสนำเฉลยศึกพม่าไปประหารชีวิตที่วัดสวรรณาราม ที่ตั้งอยุ่ริมคลองบางกอกน้อยแห่งนี้ ที่นี้จึงเป็นวัดที่มีผู้ตายที่ได้ถูกประหารคอเป็นจำนวนมาก ส่วนศพก็นำมาฝังในวัดนี้ด้วย
ในยุคปัจจุบันนี้ ทางวัดได้มีการปรับแต่งพื้นที่วัด ขุดพบกระดูกของมนุษย์อยู่เป็นจำนวนมาก จะเป็นเรื่องธรรมดาที่จะพบเจอวิญญาณผีดุในบริเวณที่มีการประหารชาวพม่าเฉลยศึกนี้ จะมีชาวบ้านได้พบเจอกับวิญญาณไร้หัวอยู่ในบริเวณนี้ มีคนเคยเจอผู้ชายที่มีร่างกำยำสูงใหญ่ นุ่งผ้าที่เป็นโจงกระเบนมายืนให้เห็นแต่ส่วนหัวไม่มี ถ้าตกกลางคืนจะไม่มีใครกล้าเดินผ่านมาแถวนี้เลย
3. วัดพลับพลาชัย กรุงเทพฯ
วัดพลับพลาชัย มีชือเก่าเดิมว่า “วัดโคก” หรือมีอีกชือว่า “วัดโคกอีแร้ง” ที่ตั้งอยู่บริเวณย่านป้อมปราบศัตรูพ่าย อยู่หลังวัดเทพศิรินทร์ ซึ่งภายในวัดจะมีโรงเรียนตั้งอยู่บริเวณวัดอีกด้วย เรื่องเก่าที่เล่ามาในวัดแห่งนี้เคยเป็นลานประหารนักโทษเช่นเดียวกับวัดสระเกศ ศพที่ได้จากการประหารจะนำไปทางด้านหลังของวัดสระเกศ ณประตูออกไปข้างหลังนั้นจะเรียกจนมาถึงปัจจุบันนี้ว่า “ประตูผี”
แต่เนื่องด้วยสมัยนั้นมีศพมากทางวัดต้องยอมปล่อยให้อีกแร้งลงมากินศพที่ทำการประหารเพื่อเป็นการกำจัดศพไปอีกทาง บริเวณนี้ที่แร้งลงมาประชุมรุมกินศพจำนวนมากก็จะมีชื่อเรียกว่า “วัดโคกอีแร้ง” ลำดับต่อมาความเจริญได้เข้ามาสู่บ้านเมืองได้ทำการสร้างถนนและทำการซ่อมแซมมีการขุดเจาะปรับพื้นที่จนได้ไปเจอกระดูก ชาวบ้านได้พบเจอวิญญาณคนตายตามหลอกหลอนที่บริเวณแห่งนี้
4. วัดปทุมคงคา
วัดปทุมคงคา ตั้งอยู่ ณ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร วัดนี้ถูกก่อตั้งมาสมัยอยุธยาและได้ถูกทิ้งให้เป็นวัดร้างเพราะไม่มีคนอยู่ในรอบบริเวณวัดแห่งนี้มาสักพักหนึ่งแล้ว พอไม่มีชาวบ้านอยู่ที่นี้จึงดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากสมัยก่อนนานมาบทลงโทษคือต้องประหารเพียงอย่างเดียว สถานที่นี้เคยเป็นลานประหารให้เหล่าพระราชวงศ์หลายต่อหลายพระองค์
ผู้ที่ถูกประหารชีวิตด้วยวิธีตัดคอจะถือว่าพวกเขามีความโกรธแค้นกลายเป็นผีตายโหง บางวิญญาณด้วยความแค้นอาจทำให้กลายเป็นวิญญาณที่มีฤทธิ์เลยก็ว่าได้ชาวบ้านที่บริเวณนี้ผ่านไปผ่านมาก็มักจะได้พบเห็นวิญญาณผีตายโหงที่ไม่ใส่เสื้อยืนอยู่ภายในบริเวณวัด ณ ปัจจุบันนี้มีความเจริญเป็นอย่างมากแล้วแต่ก็ยังมีคนเห็นเหล่าบรรดาวิญญาณผู้มีแต่ความแค้นนั้นเอง
5. วัดสระเกศ (วัดภูเขาทอง)
วัดสระเกศ มีชื่อเก่าแก่ดั้งเดิมว่า “วัดสะแก” ก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาอีกวัดหนึ่ง เนื่องด้วยรัชกาลที่1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ปฏิสังขรณ์ขุดคลองประทานนามชื่อวัดใหม่ว่า “วัดสระเกศ” เป็นวัดโบราณที่มีประวัติรู้จักกันดีในเรื่องสยองขวัญเนื่องด้วย พ.ศ. 2363 มีโรคระบาดทำให้เกิดคนตายจำนวนมาก ทำให้ทำการเผาศพไม่ไหวปล่อยให้ฝูงแร้งบินลงมากินศพ
วัดสระเกศเป็นแหล่งชุมชนศูนย์กลางรวมตัวของแร้ง เพราะมีศพเผาไม่ทันมีจำนวนมากเป็นหมื่น ใช้เวลาในการเสียชีวิตเพียงไม่กี่วันเท่านั้นในบริเวณนี้มีชาวบ้านได้พบเจอกับผีเปรตอยู่ซึ่งครั้งเป็นคนได้ทำบาปเลวร้ายที่สุดพอจบชีวิตลงไปจะกลายเป็นเปรต และพบเห็นวิญญาณที่ได้ตายอย่างทรมาน ทนทุกข์เวทนา มีเสียงร้องของเปรตและ เสียงร้องไห้ของเหล่าบรรดาผี ทำให้ไม่มีใครกล้าไปที่นั้นเวลากลางคืน
ที่มาข้อมูล