ทุกคนรู้ไหมว่า จังหวัดกาญจนบุรีนั้นขึ้นชื่อเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อยู่มากมายและยังเป็นจังหวัดที่เคยเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 นอกจากนี้ใครจะไปรู้ว่าก่อนที่จะมาเป็นจังหวัดกาญจนถึงทุกวันนี้ แอดจึง รวม 5 ตำนานและเรื่องสยองขวัญจังหวัดกาญจนบุรี สำหรับคนที่อย่างรู้ถึงด้านที่น่ากลัวของจังหวัดนี้กัน ขอให้อ่านให้สนุกนะครับ บรืออ
1. ช่องเขาขาด (ระดับความสยอง: 8/10)

ช่องเขาขาดหรือบางคนมักจะเรียกกันว่าทางรถไฟสายมรณะ และทางต่างประเทศเค้าเรียกเส้นรถไฟสายนี้ว่า “Hellfire pass” เพราะที่นั่นไม่ต่างจากนรกบนดิน เหตุเพราะว่าในช่วงที่ก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายนี้ได้มีชาวต่างชาติได้ตายลงไปจากการทำการก่อสร้างเพราะว่าช่วงนั้นเป็นช่วงสงครามอยู่ด้วย ในปัจจุบันนั้นได้มีพิพิธภัณฑ์ที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติสามารถเข้ามาเพื่อแสดงความไวอาลัยให้กับผู้ที่ตายไปในสถานที่แห่งนี้ ส่วนเรื่องราวสยองขวัญนั้นก็มีผู้คนไม่มากนักที่จะพบเจอวิญญาณหรือเรื่องแปลกๆ แต่ก็ยังมีคนได้เจอเรื่องสยองขวัญที่เกิดขึ้นในที่แห่งนี้ ที่จะทำให้พวกเขาจำเป็นตลอดชีวิต
เคยมีชาวบ้านที่มีจิตเมตตา พวกเขาได้รวมตัวกันมาที่ช่องเขาขาดเพื่อที่จะตั้งใจทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับเหล่าเชลยศึกที่เสียชีวิตไปในช่วงงานก่อสร้าง ชาวบ้านนั้นได้นิมนต์พระเข้ามาสามรูปและจัดอาหารเครื่องเซ่นมาเรียบร้อย ในด้านของพระท่านก็สวดมนต์ทำพิธีกันไปหลังจากพวกเขาทำพิธีทุกอย่างจบลง ชาวบ้านจึงพาพระท่านกลับไปส่งที่วัด หลังจากที่พระท่านลงจากรถแล้ว พระรูปหนึ่งก็ได้บอกชาวบ้านว่าในช่วงระหว่างที่พระท่านกำลังสวดทำพิธีอยู่นั้นท่านได้เห็นวิญญาณของเหล่าเชลยศึกยืนเต็มตรงช่องเขาแห่งนี้ไปหมด บางตนก็ล้อมกันกินเครื่องเซ่นที่เตรียมกันไว้อย่างหิวโหย ซึ่งลักษณะของพวกเขาแต่ละคนนั้นดูน่าสงสารและเสื้อผ้าขาดลุ่ย ซึ่งนั่นทำให้พวกชาวบ้านได้รับรู้ว่าคงจะไม่มีใครมาทำบุญให้พวกเขาเท่าไหร่นัก

มีอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวและเพื่อนของเธอ ทั้งสองนั้นตั้งใจที่จะไปช่องเขาขาดเพื่อไปเที่ยวและไปถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนานโดยไม่คิดอะไร ก่อนมาทั้งสองไม่ได้ศึกษาที่แห่งนี้มาก่อนว่ามีประวัติอะไรเคยเกิดขึ้นมาก่อนรึเปล่า สิ่งที่พวกเธอคิดก็แค่ว่าวิวที่นั่นคงสวยสำหรับการถ่ายรูปและไปดูบรรยากาศ หลังจากที่เดินทางไปถึงทั้งสองก็ไม่ได้เข้าไปในพิพิธภัณฑ์และมุ่งหน้าเพื่อที่จะไปตรงจุดมุ่งหมายของพวกเธอ ซึ่งในตอนนั้นการที่จะเดินทางไปช่องเขาขาดนั้นจะมีทางเก่าและทางใหม่ซึ่งทางใหม่นั้นสร้างขึ้นเพื่อที่จะให้เดินทางไปถึงจุดได้อย่างง่ายขึ้น แต่พวกเธอเลือกที่จะเดินไปทางเก่า ในระหว่างที่พวกเธอเดินกันอยู่นั้น พวกเธอได้สังเกตว่าในเส้นทางเก่านั้นมีเพียงพวกเธอเท่านั้นที่ใช้ทางนี้และในระหว่างทางมันทำให้พวกเธอรู้สึกหายใจไม่ออกและรู้สึกแปลกๆ พวกเธอจึงตัดสินใจกลับไปและเดินไปทางใหม่น่าจะดีกว่า ตอนที่เธอกำลังเดินไปนั้นเธอได้เห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มนึงเดินสวนลงมาพอดี พอพวกเธอไปถึงจุดช่องเขาขาดก็มีเพียงแต่พวกเธอที่ถึงพอถึงพวกเธอก็สังเกตถึงของที่เหมือนจะมีคนเอามาไหว้และมีของตั้งเต็มไปหมด ซึ่งมันก็ทำให้พวกเธอขนลุกไปแล้วแต่ พวกเธอก็ยังคงถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ ในระหว่างที่ถ่ายรูปอยู่นั้นเธอเงยหน้าไปดูข้างบนเธอก็เห็นเงาดำๆ ชะโงกดูอยู่เต็มไปหมด นั่นทำให้เธอตกใจและคิดว่าตัวเองตาฟาดแต่เธอก็ไม่กลับไปมองที่จุดนั้นอีก หลังจากนั้นเธอก็สังเกตที่หน้าของเพื่อนเธอ ซึ่งตอนนั้นหน้าของเพื่อนเธอก็ดูเปลีย่นไปด้วย พวกเธอจึงตัดสินใจกลับกันเลยตอนนั้น พอมาถึงรถเธอก็ได้ถามเพื่อนเธอว่าเป็นอะไรรึเปล่า เพื่อนเธอก็บอกว่า “ตอนที่เธอกำลังกล้องถ่ายเก็บบรรยากาศบริเวณนั้นและก็ถ่ายขึ้นไปข้างบน เธอก็ได้เห็นเงาของผู้ชายร่างใหญ่มองลงมาเต็มไปหมด” และระหว่างทางที่กลับนั้นเธอรู้สึกได้ว่ามีคนมองมาตลอดเวลา นั่นคงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเธอจะไปช่องเขาขาดแห่งนี้
2. ตำนานงูยักษ์กินทหารญี่ปุ่น (ระดับความสยอง: 7/10)

เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับผีหรือเรื่องสยองขวัญอะไร แต่เป็นตำนานเกี่ยวกับงูยักษ์ที่ได้ทำการฆ่าเหล่าทหารญี่ที่ได้มาทำสงครามในจังหวัดกาญจนบุรีในสมัยก่อน
ตำนานเรื่องเกี่ยวกับงูยักษ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ได้มีกองทัพญี่ปุ่นเข้ามาในจังหวัดกาญจนบุรีเป็นจำนานมากเพื่อที่จะทำการโจมตีทหารอเมริกัน ซึ่งในตอนนั้นภูมิประเทศที่เป็นป่าดงดิบหน้าทึบทำให้ทางกองทัพญี่ปุ่นใช้พื้นใช้ใจกลางป่าของจังหวัดกาญจนบุรีเป็นที่มั่นในการทำสงคราม จึงทำให้ต้องรุกล้ำเข้าไปในเขตของสัตว์ป่าที่อยู่ลึกจนแทบไม่เคยมีชาวบ้านคนใดได้เคยเข้าไปสำรวจมาก่อน ทั้งตัวถ้ำ ซอกหิน ต้นไม้ต่างๆ นาๆ ภายในป่าแห่งนั้นถูกดัดแปลงทำเป็นป้อมปราการพร้อมรบ พอถึงในช่วงกลางคืนก็จะมีการจัดเวรกัน

ในการออกหลาดตะเวนในแต่ละครั้งจะถูกแบ่งเป้นกะ รอบละ 10-15 คน ในทุกคืนที่มีทหารหลาดตะเวนนั้น บางคืนกองหลาดตะเวนก็จะกลับมาครบ แต่บางคือก็จะพบว่ามีทหารหายไปโดยที่ไม่รู้สาเหตุ พอทำการตามหาทหารที่หายไปนั้นก็ไม่พบ พวกเขาจึงคิดว่าคงได้โดนข้าศึกแอบลอบเข้าโจมตีไปแล้ว จึงทำให้พวกเขาทำการจัดเวรยามให้เข้มงวดมากขึ้นอีกเท่าตัว แต่ก็ยังมีทหารหายไปอย่างไร้ร่องรอยอยู่ดี จนหัวหน้าของกองทัพทนไม่ไหวและได้ทำการรวมคนทั้งหมดและเดินตามหาผู้ที่หายไป จึงได้พบว่ามีถ้ำที่แอบอยู่ในที่แคบ เป็นโพลงลึกมืดและบรรยากาศหนาวเย็น จึงได้ส่งทหารเข้าไปดูและหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นภายในถ้ำ และทหารเหล่านั้นก็รีบวิ่งออกมาพร้อมกับพูดว่า “สัตว์ประหลาด” หลังจากนั้นทั้งกองทหารก็ได้แตกตื่นและจึงทำการเอาระเบิดมาระเบิดถ้ำนี้ หลังจากได้ทำการไล่ระเบิดถ้ำแห่งนี้พวกเขาจึงได้พบสิ่งที่น่าประหลาดใจนั่นก็คือ งูเหลือมขนาดใหญ่ยักษ์ มีความยาวหลายสิบเมตร กำลังกระเสือกระสนเลื้อยออกมาจากถ้ำ เหล่าทหารก็ได้ทำการยิงจนงูยักษ์ตัวนั้นได้ตายไป ซึ่งพอได้ไปเช็คภายในถ้ำนั้นก็ได้พบกับโครงกระดูกของมนุษย์และสัตว์ใหญ่อยู่เต็มมากกว่า 100 ศพ เรื่องราวเหล่านี้ถูกเล่าสืบทอดกันมาอย่างยาวนั้นจนมาถึงปัจจุบัน
3. ตำนานถ้ำสมบัติลิเจีย (ระดับความสยอง: 7/10)

ตำนานถ้ำสมบัติลิเจียนั้นเกิดขึ้นมาได้เพราะในช่วงสมัยก่อนนั้น อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าจังหวัดกาญจนบุรีนั้นได้เคยเกิดสงครามครั้งที่ 2 ขึ้นที่บริเวณแห่งนี้ ซึ่งว่ากันว่าในช่วงท้ายหลังจากการจบของสงครามนั้นได้มีสมบัติมากมายในตอนนั้นและเหล่าทหารญี่ปุ่นได้ทำการนำสมบัติไปไว้ในที่ต่างๆ ซึ่ง “ถ้ำลิเจีย” เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ได้ทิ้งสมบัติไว้มากมายมหาศาลไว้ภายในถ้ำแห่งนี้
ซึ่งหลังจากที่ได้มีชาวบ้านได้รู้เรื่องเกี่ยวกับสมบัติในถ้ำลิเจีย เหล่าชาวบ้านก็พากันเข้าในถ้ำเพื่อที่จะตามหาสมบัติตามที่พวกเขาได้ข่าวมา แต่ว่ากันว่าใครก็ตามที่เข้าไปในถ้ำเพื่อไปหาสมบัตินั้นพวกเขามักจะไม่ได้ออกมาจากถ้ำนั้นอีกเลย บ้างก็ว่าอาจจะเพราะข้างในนั้นเป็นถ้ำลึกและหลังจากที่พวกเขาเข้าไปแล้วทำให้พวกเขาหมดอากาศหายใจและทำให้พวกเขาตายไปในระหว่างที่กำลังหาสมบัติ บ้างก็ว่าเป็นเพราะอาภรรพ์ที่อยู่ภายในถ้ำแห่งนี้ที่หากใครที่คิดจะเข้าไปเอาสมบัติและได้เจอสมบัติตามที่พวกเขาหวัง พวกเขาก็จะติดอยู่ในถ้ำนั้นตลอดไปโดยที่หาทางออกไม่เจออีกเลย

เคยมีเรื่องเล่าจริงจากชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณแห่งนั้นเล่าว่า เคยมีกลุ่มคนจำนวน 6 คน ได้เดินเข้าไปในถ้ำลิเจียเพื่อที่จะตามหาสมบัติภายในแห่งนี้ หลังจากที่ชาวบ้านไปส่งพวกเขาเข้าไปภายในถ้ำ หลังจากนั้นหลายวันพวกชาวบ้านก็คอยสังเกตว่าทั้ง6คนจะเจอสมบัติหรือไม่ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ออกมาอีกเลย
นอกจากนี้ยังเคยมีคนที่เข้าไปและได้ออกมาจากปากของคุณตาท่านหนึ่ง ท่านบอกว่าท่านได้เคยเข้าไปในถ้ำแห่งนี้และได้พบกับโครงกระดูกของมนุษย์ที่อยู่ภายในถ้ำแห่งนั้น พวกเขาจึงพากันออกจากถ้ำแห่งนี้ ในระหว่างที่ออกมาถึงข้างหน้าถ้ำแล้วคุณตาได้ยินเสียงเป็นผู้ชายพูดภาษาญี่ปุ่นกระซิบข้างหูว่า “อาริกาโตะ” และพูดว่า “ขอบคุณคับ” เป็นสำเนียงญี่ปุ่น ซึ่งคุณตาท่านบอกว่า เค้าเดาว่าโครงกระดูกที่ได้เจอนั้นคงจะเป็นทหารชาวญี่ปุ่นที่ได้ตายในถ้ำแห่งนี้อย่างแน่นอน หรือไม่ก็คงเป็นทหารกลุ่มเดียวกับที่ได้นำสมบัติเหล่านี้มาไว้ภายในถ้ำแห่งนี้และอาจจะออกมาไม่ได้และได้ตายลงไปในที่สุด
4. ตำนานศาลเจ้าแม่กาหลงแห่งสะพานแม่น้ำแคว (ระดับความสยอง: 6/10)

สะพานแม่น้ำแควที่จังหวัดกาญจนบุรีมีตำนานเกี่ยวกับแม่กาหลงอยู่ ซึ่งเคยมีเรื่องเล่าที่ผู้คนสมัยก่อนเล่ากันว่าได้มีพระธุดงค์รูปหนึ่งท่านได้มาถึงบริเวณแห่งนี้ นั่นคือจุดบริเวณใกล้แม่น้ำแควท่านได้นั่งสมาธิอยู่และได้นิมิตรถึงต้นกาหลงที่อยู่ใกล้ๆ ไม่ได้ไกลออกไป ที่นั่นมีหญิงสาวผิวเหลืองเหมือนขมิ้น แต่งกายคล้ายกับสาวชาววังมาจากยุคโบราณห่มด้วยสะไบสีเขียวซึ่งพอเห็นแล้วก็สามารถมั่นใจได้เลยว่าไม่ใช่คน พระท่านสงสัยเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้จึงได้มีการสอบถามกับชาวบ้านที่มาเยี่ยมท่านในวันนั้น หลังจากที่ชาวบ้านได้รู้เรื่องนี้จากพระท่าน ชาวบ้านก็ต่างคิดกันว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ เพราะแถวๆ นั้นได้มีต้นกาหลงได้ผุดขึ้นมาจริงๆ จึงได้พากันไปดูและได้เห็นต้นไม้ใหญ่ ต่างก็เกิดการศรัทธากันอย่างไม่มีเหตุผล พวกเขาต่างช่วยกันสร้างศาลเจ้าขึ้นมาและใช้ชื่อว่าศาลเจ้าแม่กาหลง
เจ้าแม่กาหลงท่านขึ้นชื่อเรื่องเกี่ยวกับความรัก หากใครต้องการให้ท่านช่วยเรื่องต่างๆ สามารถมาขอให้ท่านช่วยได้ โดยเฉพาะเรื่องความรัก ว่ากันว่าคู่ที่เลิกกันหลายปีแล้วก็สามารถกลับมารักกันได้ นอกจากนี้ทั้งเรื่องการงาน การเงินก็ยังสามารถมาขอท่านได้ ซึ่งในปัจจุบันนั้นศาลเจ้าแม่กาหลงยังมีให้เหล่าผู้คนที่มาท่องเที่ยวได้มาไหว้เพื่อเป็นศิริมงคลได้ที่จังหวัดกาญจนบุรี
5. ตำนานผีแห่งเขาชนไก่ (ระดับความสยอง: 7/10)

นอกจากตำนานตามประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ในอดีตแล้วนอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีในเขาชนไก่อีกด้วย
เรื่องแรกมาจากนักเรียนที่ได้เข้าร่วมเขาชนไก่ ในระหว่างที่เขาได้เข้าป่าฝึกทหารที่เขาชนไก่นั้นเหมือนว่าเขาจะทำสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น พอหลังจากฝึกเสร็จแล้วได้กลับบ้านนักเรียนคนนั้นก็เริ่มจะเป็นใครและหลังจากนั้นก็เริ่มที่จะไม่รู้สึกตัว จนทำให้เค้าต้องหยุดเรียนนานเกือบปี ซึ่งในช่วงระหว่างที่เค้าไม่รู้สึกตัวนั้น เค้าจะรู้สึกตัวเป็นบางครั้ง วูบๆลุกขึ้นมาและก็นอนต่อไป ซึ่งในช่วงที่เขาลุกขึ้นมานั้น พ่อแม่ของเขาได้สอบถามเขาว่าเขารู้สึกยังไงถึงได้หลับไปดื้อๆ แบบนั้น เขาบอกว่าเขาไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหนตอนที่เขาไม่รู้สึกตัว เขาเหมือนไปอยู่อีกโลก ซึ่งรอบตัวของเขานั้นเต็มไปด้วยป่า ซึ่งหลังจากนั้นเค้าก็ได้หลับไปอีก ทำให้พ่อและแม่ของเค้ารู้สึกว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่และได้พาเขาไปหาหลวงพ่อที่วัด หลวงพ่อได้แผ่อุทิศส่วนกุศลให้เค้า และท่านได้เห็นนิมิตรบางอย่างอย่างไม่น่าเหลือเชื่อ ท่านเห็นว่าในตัวของวัยรุ่นชายคนนี้มีต้นไม้ต้นใหญ่ตั้งอยู่ ท่านบอกว่าบางทีเขาอาจจะโดนผีนางไม้สั่งสอนอยู่ เพราะตอนที่เค้าเข้าเขาชนไก่นั้นไม่มีใครรู้ว่าเค้าไปทำอะไรมารึเปล่า หลังจากที่เค้าฟื้นตัวมา เค้าก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย
อีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นกับนักเรียนอีกคน เขาได้เข้าเขาชนไก่และหลังจากที่เค้ากลับจากเขาชนไก่เขาได้ไข้กลับมาด้วย อากาศของเค้าหลังจากที่เค้ากลับนั้น เป็นอากาศที่หนักมาก ถึงขั้นที่สามารถทำให้เค้าเกือบตาย รักษาอยู่ตั้งนานแต่ก็ไม่หาย พ่อแม่ของเขาจึงพาไปหาพระ ซึ่งพระท่านแนะนำให้สวดมนต์ร่วมด้วย ท่านให้เหตุผลว่าตัวของเขาได้โดนวิญญาณที่ตามมาเอาวิญญาณของเค้าโดยพยายามที่จะสิงในร่างของเขาอยู่เรื่อยๆซึ่งหลังจากได้พระท่านช่วย ก็ทำให้อากาศของเขาดีขึ้นเรื่อยๆจนเขาหายดีในที่สุด
ประวัติและความน่ากลัวของจังหวัดกาญจนบุรีนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับวิญญาณหรือผีเฮี้ยนอะไร แต่ส่วนใหญ่จะเป็นความเป็นมาของสถานที่นั้นๆ ทุกคนกลัวกันไหมครับกับ รวม 5 ตำนานและเรื่องสยองขวัญจังหวัดกาญจนบุรี หรือ รู้สึกอยากไปดูสถานที่จริงกันบ้างไหม ถ้าไปถึงสถานที่จริงแล้ว อย่าลืมนึกถึงสิ่งที่อ่านกันไปวันนี้ด้วยนะ จะได้รู้สึกอินกับที่ๆ ไป บรืออ…
ที่มา : th.wikipedia.org, www.tnews.co.th, www.thairath.co.th, ladya-sao.go.th