เมืองหลวงของประเทศไทยเมื่อนานมาแล้วก็คือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อดีตสถานที่เคยเป็นเมืองราชธานีเมืองเก่าของพวกเราแต่ก่อน จะพบเห็นโบราณสถานที่ทั่วไป พบเจออิฐ หินดินเก่า ซากสถูปเจดีย์ ซากวัดร้างต่างๆก็มีมากมาย และจะมีเรื่องราวที่แฝงมากับสิ่งพวกนี้คือเรื่องผี อาถรรรพ์ต่างๆมากมาย ไปดูสถานที่ 4 วัดร้างอยุธยาตำนานลี้ลับ
1. วัดร้างกฏิดาว ตำนานปู่โสมเฝ้าทรัพย์
“วัดกุฎีดาว” เป็นวัดร้างที่ตั้งอยู่ ณ ตำบลไผ่ลิง อำเภอเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดกุฎีดาวเป็นวัดที่มีลักษณะบริเวณขนาดใหญ่ สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย เชื่อกันว่า ณ บริเวณนี้เป็นชุมชนเมืองโบราณมาก่อนจึงมีสิ่งก่อสร้างมากมายไม่ว่าจะเป็นซากอาคารหรือซากเจดีย์โบราณ ซึ่งก็เป็นของวัดกฎีดาวนี่เอง
วัดกุฎีดาวเป้นวัดร้างที่มีตำนานปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ถือว่าเป็นอันดับต้นๆของความเฮี้ยนที่ขึ้นชื่อโด่งดังเลยก็ว่าได้ คนเฒ่าคนแก่ได้เล่าบอกต่อกันมาว่า สถานที่นี้จะมีวิญญาณปู่โสมเฝ้าทรัพย์ เป็นผู้ที่คอยพิทักษ์รักษาสมบัติของแผ่นดินซึ่งถูกฝังอยู่ในบริเวณ ณ วัดกฎีดาว แห่งนี้ ลักษณะของปู่โสมเฝ้าทรัพย์ มีคนเคยพบเห็นเป็นผู้ชายรูปร่างใหญ่โต แต่ไม่พบศีรษะ
จุดกำเนิดของตำนานปู่โสมเฝ้าทรัพย์คือพระองค์เจ้าพีรพงษ์ภาณุเดช ได้รับลายแทงระบุตำแหน่งสมบัติ 16 จุดภายในวัดนี้จึงขอกรมศิลปกรขุดสมบัติแต่ท่านได้กลับพบเจอผีหัวขาด เรื่องราวอาถรรพ์คำสาปแช่ง บุคคลที่มาขุดกลับมีอันเป็นไป ไม่เสียชีวิตไปก็ต้องได้พบกับความล้มเหลวด้านธุรกิจ ส่วนพระองค์เองต้องไปอยู่ต่างประเทศจนสิ้นพระชนม์ที่นั้น
2. วัดร้างราชบูรณะ สมบัติต้องคำสาปกรุงศรีอยุธยา
วัดราชบูรณะ จัดสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1967 ตั้ง อยู่ที่เชิงสะพานป่าถ่าน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นวัดพระอารามหลวงขนาดใหญ่ ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้กลายเป็นสถานที่ซากโบราณสถานไปแล้ว สถานที่นี้ก็ยังเป็นที่เก็บสมบัติต้องคำสาปสมัยกรุงศรีอยุธยาอีกด้วย สถานที่นี้มีเรื่องราวอาถรรพ์ ปู่ย่าตายายได้เล่าให้ฟังว่า สถานที่นี้มีวิญญาณที่เป็นนักรบโบราณคอยทำหน้าที่เฝ้าสมบัติของกษัตริย์สมัยอยูธยาอยู่
ในปี พ.ศ. 2499 ได้เกิดเหตุการณ์พบกลุ่มโจรขุดลักสมบัติของโบราณแห่งนี้ โดยตามข่าวแล้วโจรได้ทำการงัดเข้าไปเพื่อขนหาสมบัติที่ถูกเก็บไว้ในห้องใต้พระปรางค์แต่สุดท้ายก็ถูกตำรวจจับได้ ตำรวจพบโจร ณ สถานที่แห่งนี้ 3 คนแต่ทำการขยายผลการสืบสวนกลับจับโจรได้มากกว่า 30 คนที่เกี่ยวข้องในการขโมยครั้งนี้ เรื่องอาถรรพ์ที่เกิดขึ้นกลับกลุ่มโจรนี้
ไม่ว่าจะเป็นใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการลักทรัพย์แผ่นดินนี้ต้องโดยคำสาปแช่งแรงอาถรรพ์ ถ้าไม่พบแก่ความตายก็ต้องมีชีวิตที่อับปางอยู่เหมือนตายทั้งเป็น ต้องทนทุกข์ทรมานพบเจอกับสิ่งประหลาด บางรายเสียสติก็มี ฆ่ากันตายเองก็มีเพราะแย่งสมบัติกันเอง
3. “วัดกระซ้าย” ตำนานตัวตายตัวแทน ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ที่แรงสุด
“วัดกระซ้าย” มีชื่อเดิมเรียกกันว่า “วัดเจ้าชาย” วัดแห่งนี้ไม่ค่อยมีใครรู้จักกันสักเท่าไหร่ วัดแห่งนี้ไม่ได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเหมือนกับวัดราชบูรณะ คนเฒ่าคนแก่ได้เล่าให้ฟังว่า มีกลุ่มโจรเคยได้เข้ามาลักสมบัติในวัดกระซ้ายแห่งนี้ จากคำสารภาพของกลุ่มโจร พวกเขาได้บอกไว้ว่าในการการขุดหาสมบัติกันอยู่ก็เกิดน้ำทะลักขึ้นมาท่วมเจดีย์ ทำให้พวกโจรต้องว่ายน้ำหนีกัน
พวกเขาตะเกียกตะกายหนีตายกัน แต่สิ่งที่ปรากฏให้ชาวบ้านบริเวณนั้นพบเห็นคือเห็นเหล่าบรรดาโจรได้ทำท่าท่างว่ายน้ำที่พื้นปูนซีเมนต์ ทำให้ตัวทะลอกเป็นแผลเต็มตัว ส่วนอีกตำนานหนึ่งของความน่ากลัวในวันนี้ คือ ใครก็ตามที่มาทำการลักขุดสมบัติหรือจะมาทำการลองของลองดีที่วัดกระซ้ายแห่งนี้ ทุกคนมักจะต้องกลับมาผูกคอตายใต้ต้นไม้ในวัดแห่งนี้ พบจำนวนศพที่มาผูกคอตายทั้งหมดแล่ว 12 ศพ
4. วัดพระศรีสรรเพชญ์ สถานที่ทึ้งหลอนและขลังในกรุงศรีอยธยา
“วัดพระศรีสรรเพชญ์” เป็นวัดที่อยู่ในพระวังโบราณ ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นต้นแบบสร้างของวัดพระแก้วในยุคปัจจุบันแห่งนี้ เอกลักษณ์ที่เด่นคือเห็นองค์เจดีย์ลักษณะใหญ่ 3 องค์ตั้งเรียงต่อกัน มีเรื่องเล่าต่อกันมาจากชาวบ้านว่า มีนักท่องเที่ยวได้หยิบสิ่งของภายในวัดออกไปไม่ว่าจะเป็นอิฐ เศษหิน จำนวนหนึ่งติดออกไปจากสถานที่แห่งนี้พอไปไปถึงบ้านของเขาก็ได้พบเจอสิ่งที่คาดไม่ถึง
ในยามค่ำคืนนั้น คนที่ได้นำสิ่งของที่วัดกลับบ้าน ในเวลาเขาหลับใหล่ได้ฝันเห็นสถานที่หนึ่งคบล้ายกับโบสถ์ที่วัด เขาก็จะกลับพบคนร่างใหญ่ เป็นผู้ชายถือดายบทำหน้าตาดุและได้เปล่งเสียงพูดกับเขาว่า “กุเตือนมึงแล้วไม่ฟัง”ผู้ชายคนนี้ตกใจในฝันเขาได้วิ่งไปที่โบสถ์ ยกมือไหว้ร้องขอชีวิต เขาได้ขอโทษและจะไม่ทำสิ่งนี้อีก พอผู้ชายคนนี้ตื่นขึ้นมาเกิดอาการปวดหูปวดที่หัว
สุดท้ายเขาได้นำสิ่งของนั้นกลัวไปคืน พอเจ้าของเรื่องได้คืนเรียบร้อยอาการปวดหัวปวดหูก็พันหายไป จึงเกิดเป็นตำนานอย่าหยิบอะไรออกไปจากสถานที่วัดแห่งนี้นี่เอง
ที่มาข้อมูล
แนะนำเว็บ : Bkkcar4cash รับจำนำรถ