สวัสดีครับทุกคน วันนี้แอดเรื่องเล่าหน้ากลัวกับ 10 ตำนานเรื่องเล่าสยองขวัญจังหวัดอยุธยา ซึ่งถือว่าเป็นจังหวัดที่มีวัดเยอะที่สุดต้นๆ ของประเทศไทย ซึ่งตำนานส่วนใหญ่ก็เกิดขึ้นภายในวัด ถ้าอยากรู้แล้วลองอ่านกันดูเลย….
1. ตำนานบ้านเขียว ขุนพิทักษ์ (ระดับความสยอง : 9/10)

ตำนานบ้านเขียวขุนพิทักษ์หรือที่บางคนเรียกว่าขุนพิทักษ์บริหาร เป็นสถานที่และตำนานสำหรับผู้คนที่ชอบสิ่งลี้ลับและต้องการเข้าไปพิสูจน์เกี่ยวกับเรื่องสยองขวัญ..
บ้านเขียวขุนพิทักษ์เป็นบ้านที่ตั้งอยู่แยกออกโดดเดียวโดยไม่มีเพื่อนบ้านเรือนเคียงอยู่ใกล้เลย ว่ากันว่าในช่วงพกค่ำหรือวันที่มีปรากฏการณ์ผีตากผ้าอ้อม ซึ่งจะเป็นวันที่แสงแดดส่องแสงเป็นสีเหลืองทอง ชาวบ้านแถวนั้นมักจะบอกว่า ที่หน้าต่างชั้นบนของบ้านมักจะมีผู้หญิงใส่ชุดสีขาวยืนเปิดหน้าต่างออกมา บางครั้งจะได้ยินเป็นเสียงโหยหวนและตามด้วยเสียงเปิดปิดบานประตูดังลั่นตลอดเวลา ซึ่งนอกจากนี้ชาวบ้านยังคงเชื่อกันว่าวิญญาณของขุนพิทักษ์อาจจะยังคงเฝ้าอยู่ที่บ้านเขียวหลังนี้และถ้าอยู่ก็ไม่ได้อยู่เพียงลำพังเพราะน่าจะมีพักพวกบริวาณของท่านยังคงคอยอยู่กับท่านอยู่ที่บ้านแห่งนี้

ซึ่งเคยมีรายการ คนอวดผี ที่เคยเข้ามาพิสูจน์ในสถานที่แห่งนี้และบุคคลที่เข้ามาลองนั้นก็เจอดีจนถึงขั้นป่วยกลับไปที่บ้านเลย ซึ่งในปัจจุบันนั้นบ้านเขียวขุนพิทักษ์ยังคงเปิดให้นักท่องเที่ยวหรือคนอื่นๆได้เข้ามาเพื่อดูบ้านหลังนี้อยู่
2. ตำนานคนนอนเฝ้าศพ (ระดับความสยอง: 7/10)

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งหากเทียบจริงๆ แล้วบ้านหลังนี้ไม่ได้อยู่ไกลจากบ้านเขียวขุนพิทักษ์เลย ผู้ที่ดูแลบ้านหลังนี้เล่าให้ฟังว่า เค้าเคยมีญาติ ซึ่งเป็นปู่ทวดของเค้า ซึ่งท่านเป็นหมอยาฝืมือดีที่ใครๆ ก็ยกย่องว่าเป็นหมอเทวดาที่คอยดูแลรักษาชาวบ้านที่อยู่ระแวงนั้นจนถึงวันที่ท่านเสียชีวิตไป ซึ่งชาวบ้านที่อยู่ระแวงนั้นก็ไม่มีใครหวาดกลัวว่าท่านจะเป็นผีที่มาหลอกหลอนคนอื่นให้กลัว ผู้ดูแลบอกว่าก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตท่านได้สั่งเสียเอาไว้ก่อนจะเสียว่า ให้เก็บร่างของท่านไว้ไม่ให้เผาและเก็บศพของท่านไว้เรื่อยๆ จนกว่าท่านจะเข้าฝันและบอกว่าให้นำร่างของท่านไปทำพิธีได้ ซึ่งญาติก็ทำตามสิ่งที่ขอเอาไว้

ความน่ากลัวอยู่ที่ว่า ผู้ดูแลที่เล่าให้ฟังนั้นปัจจุบันก็ยังคงนอนเฝ้าศพของปู่ทวดเอาไว้เป็นรุ่นที่2 ต่อจากรุ่นก่อนหน้านี้ซึ่งก็เป็นเวลารวม 70 กว่าปีได้แล้วที่ได้มีคนเฝ้าร่างของท่านเอาไว้ ซึ่งในระหว่างที่เฝ้าศพนั้นก็มักจะได้ยินเสียงคนเดินภายในบ้านเป็นประจำแต่ก็ไม่ได้ทำให้เค้ากลัวเสียอย่างไรเลย มีสำนักข่าวที่สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้และได้เข้าไปสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งในปัจจุบันนั้นก็ยังคงมีโรงศพและร่างของปู่ทวดอยู่ภายในบ้านและคงจะเป็นแบบนี้ต่อไปหากท่านไม่เข้าฝันให้ลูกหลานของท่านนำร่างของท่านไปทำพิธีต่อไป
3. ตำนานบ้านผียายสรวง (ระดับความสยอง: 7/10)

ตำนานบ้านผียายสรวง นั้นได้มีการเล่ากันว่ายายสรวงแกเป็นคนแก่คนหนึ่งที่ชอบกินหมากมากและใช้ชีวิตอยู่กับลูกหลานในบ้านของแก แต่พอถึงบั้นท้ายของชีวิตยายสรวงได้บอกลูกหลานเอาไว้ว่าถ้าแกตายไป ห้ามนำศพของแกไปเผาอย่างเด็ดขาด ซึ่งที่ยายสรวงแกห้ามไว้แบบนั้นเพราะว่าแกเป็นคนที่หวงบ้านของแกอย่างมากนั่นเอง ซึ่งหลังจากที่แกเสียชีวิตไปลูกหลานของแกจึงนำศพของยายสรวงใส่ไว้ในโลงศพและตั้งไว้ภายในบ้านหลังนั้น ซึ่งนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้วิญญาณของยายสรวงนั้นยังคงวนเวียนอยู่ภายในบ้านหลังนี้
ด้วยเหตุนี้ ลูกหลานของยายสรวงจึงไม่สามารถอยู่บ้านหลังนี้ได้อีกเนื่องจากพวกเขามักจะได้ยินเสียงยายสรวงตำหมากกินอย่างตอนที่แกมีชีวิตอยู่และมักจะได้ยินเสียงคนแก่หัวเราะเป็นประจำ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกหลานของแกนั้นย้ายออกไปจากบ้านและยังคงทิ้งโลงศพที่มีร่างของยายสรวงไว้ภายในบ้านหลังนั้นต่อไป ซึ่งในปัจจุบันหลายคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับตำนานบ้านผียายสรวงก็พยายามที่จะตามหาบ้านหลังนี้เพื่อพิสูจน์ว่า ภายในบ้านนั้นจะยังมีโลงศพของยายสรวงหรือไม่ แต่เล่ากันว่าผู้ที่พยายามจะหาบ้านหลังนี้ก็ยังหาไม่เจอจนถึงปัจจุบัน
4. ตำนานอิฐเก่าอาถรรพ์ (ระดับความสยอง: 7/10)

นี่คือเหตุการณ์จริงที่เกิดกับนักท่องเที่ยวท่านหนึ่งที่ตั้งใจจะมาเที่ยวอย่างมีความสุขที่จังหวัดอยุทยา เรื่องเกิดขึ้นว่า สำนักงานใหญ่ ททท. ได้รับพัสดุที่ส่งตรงมาจากประเทศ ซึ่งในพัสดุที่ส่งมานั้นมีเศษซากของอิฐปูนที่มีลักษณะเก่า ซึ่งขนาดไม่ได้ใหญ่อะไรมากและในพัสดุที่ส่งมานั้นมีจดหมายที่เขียนเป็นภาษาไทยอย่างชัดเจนว่า “ขอความกรุณานำพัสดุส่งคืนบริเวณวัดใดวันหนึ่งในอยุธยา คนที่เอาอิฐก้อนนี้ไปอยู่ไม่เป็นสุข ส่งคืนมา ขอบคุณค่ะ” ซึ่งตัว ททท. ได้ส่งของชิ้นนี้ไปที่ศูนย์ ททท. ที่อยู่ตามแต่ละจังหวัดที่อยู่จังหวัดอยุธยา ซึ่งสิ่งที่ได้รับตอบกลับก็คือ “นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่พวกนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นชาวเอเชีย หรือชาวยุโรป มักจะนำอิฐหรือหินเก่าเอาออกจากวัดไปกับตน และมักจะเจอดีจนต้อง นำอิฐหรือหินพวกนี้ส่งคืนมาที่สำนักงานบ่อยครั้ง บางคนก็นำมาคืนด้วยตัวเองและบางคนก็ส่งพัสดุส่งมา” ซึ่งแต่ละคนล้วนไม่ยอมเล่าว่าพวกเค้าเจออะไรกันมาก่อนหน้านี้ เพียงแค่พูดว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรแบบนี้แล้ว ซึ่งยังคงเป็นคำถามถึงทุกวันนี้ว่าสิ่งที่พวกเขาเจอนั้นคืออะไรกันแน่ เป็นเรื่องที่ยังคงเป็นปริศนาอยู่
5. ตำนานวัดพระศรีสรรเพชญ์ (ระดับความสยอง: 8/10)

วัดพระศรีสรรเพชญ์เป็นวัดต้นแบบของวัดพระแก้วในปัจจุบัน เป็นวัดที่มีไว้เพื่อประกอบพิธีสำคัญของบ้านเมือง ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ถือว่าเป็นวัดที่สร้างขึ้นเพื่อประจำราชวังโดยแท้
แต่วัดพระศรีสรรเพชญ์ยังคงมีตำนานว่า เมื่อประมาณ 50 ปีก่อนได้มีกลุ่มหัวขโมยที่ไปลักลอบขุดหาของมีค่าและได้รู้ว่าในวัดพระศรีสรรเพชญ์ยังคงมีทองคำและเพชรจินดามากมายฝังไว้อยู่ภายในวัด พวกโจรได้ของที่อยู่ภายในวัดไปแต่สุดท้ายก็ต้องเสียชีวิตไปอย่างดับอนาตทุกคน ถึงนี่จะเป็นตำนานเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ในปัจจุบันก็ยังคงมีคนเคยเจอดีตอนไปวัดแห่งนี้อยู่ เพราะว่าเคยมีคนได้ไปเยี่ยมชมที่วัด ตัวไกด์ที่นำทางก็ได้เตือนก่อนหน้านี้แล้วว่าห้ามหยิบอะไรกลับไปโดยเด็ดขาดมิเช่นนั้นอาจจะเจอดีขึ้นได้ แต่ได้มีสมาชิกคนหนึ่งที่ไม่เชื่อและได้หยิบเศษหินเศษอิฐกลับไปเป็นจำนวนหนึ่งเพียงเพราะว่าต้องการที่จะเอาไปอวดเพื่อนที่ไม่ได้มาด้วยกัน ในระหว่างที่นั่งรถเดินทางกลับนั้นตัวคนที่นำเศษหินกลับมาด้วยก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว แต่นึกขึ้นได้ตอนใช้มือล้วงกระเป๋าและเจอเศษอิฐในกระเป่าจึงได้รู้ว่าตัวเองเอาเศษอิฐกลับมาด้วย แต่ตัวเค้าก็ไม่ได้ใส่ใจและทิ้งเศษอิฐทั้งหมดไปไว้ริมหน้าต่างหมด แต่พอหลังจากถึงบ้านเค้าก็ต้องเจอดี เค้าเล่าว่าตอนเค้านอนหลับในตอนกลางคืน เค้าได้ฝันถึงสถานที่คล้ายโบสต์พระ เค้ากำลังวิ่งหนีใครอยู่ก็ไม่รู้และเค้าก็ได้เจอผู้ชายคนหนึ่งเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ตัวดำ ถือดาบและพูดออกมาว่า “กูเตือนมึงแล้วไม่ฟัง” เค้าจึงวิ่งหนีเข้าไปในโบสต์โดยที่ชายร่างดำนั้นไม่สามารถเข้ามาได้ เค้าจึงยกมือไหว้เพื่อขอชีวิตและหลังจากนั้นเค้าก็สะดุ้งตื่น แต่ในตอนที่เค้าสะดุ้งตื่นเค้าก็มีอาการปวดหูอย่างรุนแรง จนเค้านึกถึงโบสต์และชายร่างดำที่เค้าฝันถึงเค้าก็ยกมือไหว้เพื่อขอโทษกับสิ่งที่เค้าทำ และอาการปวดหูอย่างรุนแรงจึงค่อยๆ หายไป
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้แอดเข้าใจได้ว่า ไม่ว่าจะเหตุการณ์นี้หรือเรื่องอิฐอาภรรพ์ที่มีฝรั่งได้เอาอิฐกลับไปนั้นพวกเค้าได้เจออะไรกันมาบ้าง ถึงขั้นต้องรีบเอาของที่พวกเขากลับมา มาไว้ที่เดิม
6. ตำนานวิญญาณเฮี้ยน เรือล่มหน้าวัดสนามไชย (ระดับความสยอง: 7/10)

เมื่อหลายปีก่อนเคยเกิดเหตุการณ์ที่เป็นข่าวเกี่ยวกับการตายของนักท่องเที่ยวบริเวณหน้าวัดสนามไชย์ที่จังหวัดอยุธยา ซึ่งเป็นเหตุการณ์สลดเรือพลิกคว่ำทำที่ให้หลายคนเสียใจกับเหตุการณ์นี้ ซึ่งผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้มีไม่น้อยกว่า 28 ราย ซึ่งในเหตุการณ์นั้นเป็นที่โด่งดังมากในช่วงนั้นและมีผู้ที่ถ่ายติดภาพวิญญาณในช่วงเวลาที่กำลังยกเรือขึ้นจากน้ำและในช่วงเวลาที่กำลังยกเรือขึ้นจากน้ำนั้น ผู้คนที่อยู่ระแวกนั้นก็ได้กลิ่นเหมือนซากศพที่โชยออกมาทั้งๆ ที่ในบริเวณนั้นไม่มีศพอะไรเลย จับได้ว่ากลิ่นนั้นโชยออกมาจากใต้เรือ แต่บริเวณดังกล่าวไม่มีอะไรตกค้างอยู่ข้างในเลย

ซึ่งภาพถ่ายที่ถ่ายติดวิญญาณนั้น ตัวนักข่าวเองบอกว่าเป็นภาพที่เหมือนว่ากำลังมีใครแอบมองการยกเรือขึ้นอยู่ห่างๆ ซึ่งวิญญาณในภาพนี้อาจจะเป็นวิญญาณของผู้เสียชีวิตที่ต้องการมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ซึ่งแท้จริงแล้ววิญญาณที่ปรากฏในภาพนั้นอาจจะเป็นวิญญาณที่ต้องการที่จะออกจากบริเวณแห่งนี้และกลับบ้านของพวกเขาก็เป็นได้
7. ตำนานวัดเจ้าชาย (วัดกระซ้าย) (ระดับความสยอง: 8/10)

วัดกระซ้ายนั้นเคยมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับพวกโจรที่พยายามที่จะลักลอบขุดหาสมบัติ ชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นเล่ากันว่าในช่วงกลางคืนที่พวกโจรพยายามจะขุดสมบัตินั้น ระหว่างที่โจรนั้นกำลังขุดหาสมบัติกันอย่างเพลินๆ นั้นก็ได้มีน้ำพุดทะลุขึ้นมา พวกโจรก็ต้องพยายามที่จะว่ายน้ำหนีตายจนถึงช่วงเช้าของวันน้ำก็ยังไม่หยุดที่จะไหลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนวันถัดไป พวกญาติของโจรที่พยายามหาพวกเขาพากันตามหาว่าทำไมไม่กลับมาบ้านซักทีเพราะนี่มันก็นานกันแล้ว แต่สิ่งที่พบก็มีเพียงแต่พวกโจรที่ทำท่าเหมือนว่ายน้ำอยู่บนพื้นดิน เนื้อตัวนั้นเต็มไปด้วยรอยกระแทกจากการที่แขนและขาถูกับพื้นดิน ซึ่งในบริเวณนั้นไม่มีน้ำอยู่แม้แต่น้อยเลย เชื่อกันว่าเรื่องราวนี้ทำเอา พวกโจรไม่กล้าที่จะมาทำการขโมยหรือขุดหาสมบัติที่บริเวณนี้อีกเลยเพราะใครที่พยายามที่จะขโมยหรือลักลอบเข้ามาทำอะไรที่ไม่ดีก็มักจะเจอเรื่องที่แปลกจนทำให้หนีกันไปหมด
บางคนเล่าว่ามักจะมีคนที่เข้ามาท้าลองดีก็มักจะมาผูดคอตายใต้ต้นไม้ภายในวัดอยู่เป็นประจำ ซึ่งจากอดีตถึงปัจจุบันก็มีถึงไป 12 ศพเข้าไปแล้วเป็นทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติและบางรายก็มีมาจากที่อื่นเพื่อที่จะมาผูกคอตายให้ชาวบ้านได้เห็นอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน ซึ่งจำนวนผู้ที่เข้ามาเสียชีวิตที่วัดกระซ้าย มีเยอะจนถึงขนาดที่ว่าสามารถแยกจำแนกของผู้ที่มาผูกคอตายที่นี่ได้ถึง 3 แบบ คือ กลุ่มพวกโจรที่พยายามจะมาขโมยของ, กลุ่มพวกที่ท้าทายลองของและกลุ่มคนที่มาเป็นตัวตายตัวแทน
8. ตำนวนเสียงมโหรี (ระดับความสยอง: 8/10)

เหตุการณ์นี้ยังคงเกิดที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 2539 ซึ่งในช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่มีโจรมักจะมาลักลอยขุดขโมยของในบริเวณวัดหลายแห่ง ซึ่งในวัดพระศรีสรรเพชญ์นั้นก็มีโจรมาขโมยเงินพดด้วงจำนวนมาก จึงได้นำมาเพื่อที่จะเอาไปขายให้กับร้านค้าในเกาะเมือง พอทางการทราบเกี่ยวกับเรื่องลักลอบขโมยของไปจากวัดจึงได้ประกาศให้นำของมาคืน แต่ทุกร้านที่ได้ซื้อไปก็ทำหูท้วนลมไม่รู้ร้อนรู้น้อย จนกระทั่งเวลาผ่านไปเป็นเวลา 1 เดือน ได้เริ่มมีคนนำเงินพดด้วงมาคืนเหล่าเจ้าหน้าที่ซึ่งคนที่เอามาคืนนั้นไม่ใช่คนเดียวกับคนที่ขโมยหรือรับซื้อไป เพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นได้เสียชีวิตไปแล้วหรือบางรายก็กลายเป็นคนสติไม่ดี
ต่อมาในเมื่อปี 2557 ในวันมรดกโลก บริเวณลานวัฒนธรรมตรงข้ามวัดมงคลบพิตร ใกล้กับวัดพระราม มีการนำภาพเก่ามาแสดง รวมถึงมีการแสดงลิเกดนตรีสดอีกด้วย แต่ปรากฏว่าหลังเลิกงานทั้งหมดเป็นเวลาเที่ยงคืน เจ้าหน้าที่ที่อยู่บริเวณนั้นทั้งหมด จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงระนาด ปี่พาทย์ บรรเลงอยู่ ทั้งหมดจึงพากันเดินเช็คว่าเสียงเหล่านี้มาจากไหนแต่ก็ไม่สามารถหาต้นตอของเสียงนี้ออกมาได้ เช้าวันถัดมาจึงได้มีการไหว้ขอขมาและบวงสรวงกัน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นวิญญาณของบรรพบุรุษเก่าแก่ที่มาเที่ยวชมงานกันในวันนั้น
9. ตำนาน “ไอ้คง” ผีเฝ้าศาลาหน้าวัดตูม (ระดับความสยอง: 7/10)

วัดตูมนั้นบริเวณหน้าวัดจะมีศาลาท่าน้ำเก่าอยู่หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา ชาวบ้านแถวนั้นมักจะพูดกันว่าบริเวณนี้จะมีผีเฮี้ยนสุดๆ ที่อาศัยอยู่ตรงนี้เต็มไปหมด ช่วงตอนเย็นๆ ใกล้ค่ำชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นมักจะเห็นคนนั่งอยู่บริเวณศาลาหน้าวัดโดยมีผ้าสีขาวคลุมอยู่ ซึ่งคลุมจนถึงศีรษะมิดชิดเหลือแต่ใบหน้าดำๆโผล่วมาให้ชาวบ้านได้เห็นกันอยู่เป็นประจำ
ว่ากันว่าเคยมีคนเสียสติชื่อว่า “คง” คอยอาศัยหลับนอนอยู่แถวหน้าโบสถ์ โดยที่พระแถวนั้นก็คอยให้ข้าวปลาอาหารให้สำหรับประทังชีวิต นายคงไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าใส่ ซึ่งพระท่านก็สงสารจึงให้คนนำจีวรเก่าไปให้นายคงได้ใส่ ผ่านมาวันนึงนายคงได้เสียชีวิตไปอย่างไร้สาเหตุซึ่งเจ้าอาวาสก็ทำพิธีให้ตามปกติ แต่หลังจากนั้นก็ยังคงมีคนเห็นผีนายคงคอยหลอกหลอนชาวบ้านอยู่บริเวณด้านหน้าวัดซึ่งนั่นอาจจะหมายความว่าวิญญาณที่ทุกคนได้เห็นมาแต่แรกนั้นอาจจะเป็นวิญญาณของนายคงมาตั้งแต่แรกก็ได้ พอผ่านไปหลายวันเข้าเจ้าอาวาสได้พบกับวิญญาณของนายคง ท่านจึงได้อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับวิญญาณของนายคง จนหลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้เห็นวิญญาณของนายคงอีก
10. เสียงสวดมนต์ปริศนา และเปรตวัดมเหยงคณ์ (ระดับความสยอง: 7/10)

วัดมเหยงคณ์นั้นเคยเป็นวัดร้างมาก่อนซึ่งปัจจุบันยังคงเหลือซาดปรักหักพังของอุโบสถที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวให้คนที่มาเจอหรือมาเห็นได้รู้ว่า ครั้งนึงวัดนี้เคยเป็นยังไงมาก่อน
ซึ่งด้วยความยาวนานของวัดแห่งนี้จึงมีผู้คนเล่ากันว่าสมัยที่วัดยังเป็นวัดร้างอยู่นั้น ช่วงเช้าเวลาที่ชาวบ้านเดินผ่านบริเวณวัดแห่งนี้ ชาวบ้านมักจะได้ยินเสียงสวดมนต์แววมาจากทางอุโบสถเก่าภายในวัด หากใครเดินเข้าไปภายในวัดเพื่อหาต้นตอของเสียงสวดมนต์ก็จะได้พบว่าในอุโบสถร้างนั้นไม่มีใครอยู่เลยซักคน นอกจากตำนานเกี่ยวกับเสียงสวดมนต์แล้วยังมีอีกตำนานหนึ่งที่เล่าว่าสถานที่นี้เคยเป็นสถานที่สำหรับการรบระหว่างไทยกับพม่าและได้มีทหารล้มตายกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ชาวบ้านในบริเวณนั้นได้เจอกับเหล่าวิญญาณของนักรบที่พวกเค้ายังไม่ได้ไปไหนและว่ากันว่าบางรายก็กลายเป็นเปรต พวกเขาล้วนเป็นวิญญาณอดอยากที่เฝ้ารอส่วนบุญส่วนกุศลจากใครซักคน ซึ่งในบริเวณนี้ก็ยังเป็นสถานที่ที่มีคนตายมากอยู่แล้วในสมัยก่อน ซึ่งยังคงสร้างความหลอนมาถึงปัจจุบัน
เป็นยังไงกันบ้างครับกับ 10 ตำนานเรื่องเล่าสยองขวัญจังหวัดอยุธยา ส่วนตัวแอดรู้สึกว่า วัดแต่ละวัดก็มักจะมีตำนานที่ไม่เหมือนกันซึ่งแต่ละวัดนั้นต่างก็มีความน่ากลัวที่แตกต่างกันไป เพียงเราคิดดี ทำดี ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้ว ยังไงก็ขอให้ทุกคนติดตามแอดกันต่อไปนะ บรัยย…..
ที่มา : youtube.com, thairath.co.th, ratsada.ac.th, hpc.go.thhttps, tvpoolonline.com, dailynews.co.th, tnews.co.th
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> UFABET