ในประเทศญี่ปุ่นนั้นขึ้นชื่อเกี่ยวกับตำนานของปีศาจมากมาย ที่มีอยู่มาตั้งแต่โบราณถึงปัจจุบัน ซึ่งวันนี้แอดได้รวม 10 ตำนานปีศาจผีญี่ปุ่น หรือ YOKAI มาให้ผู้ที่ชอบเกี่ยวกับตำนานปีศาจหรืออาจจะเคยได้ยินมาบ้างได้รู้มากขึ้นเกี่ยวกับปีศาจในประเทศญี่ปุ่นนี้ ถ้าหากอยากรู้แล้วว่ามีอะรบ้างลองเข้าไปอ่านกันได้เลยครับ…
1. นุริคาเบะ (Nurikabe) (ปีศาจกำแพง) (ระดับความสยอง: 7/10)


ในประเทศญี่ปุ่นนั้นมักจะมีตำนานเกี่ยวกับผู้ที่เดินทางในป่าลึก ซึ่งนักเดินทางนั้นนอกจากที่พวกเขาจะเจอทั้งโจรผู้ร้าย และสัตว์ป่าแล้ว นอกเหนือกว่านั้นที่นักเดินทางมักจะเจอก็คือ “นูริคาเบะ”
นูริคาเบะนั้นเป็นปีศาจที่มีรูปร่างเหมือนกับกำแพงที่สามารถขยับได้และมีใบหน้าที่โผล่ออกมาออกจากกำลังแพง นูริคาเบะมักจะปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อขวางเส้นทางให้กับเหยื่อผู้ที่เป็นนักเดินทางในป่าอยู่บ่อยๆ ซึ่งโดยปกติแล้วนั้นนูริคาเบะจะมีนิสัยที่ไม่อยากจะยุ่งกับใครและมันพบใครเข้ามันก็จะหลบหนีไม่ให้ผู้นั้นได้เจอ แต่หากนักเดินทางผู้ไหนโชคดีและได้เจอกับมันเข้า จะเจอมันอาลาวาดด้วยการกีดกั้นสั้นทางเราไม่ให้เราสามารถไปต่อได้ มันทำแบบนั้นเพื่อที่จะบังคับให้เราเดินทางไปตามเส้นทางที่มันต้องการ นูริคาเบะก็จะค่อยๆ ขยายตัวและอนาเขตเพื่อที่จะขว้างทางเหล่านักเดินทางไปเรื่อยๆ จนพวกเขาหายตัวไปอย่างลึกลับหลายคนแล้ว
แม้การขว้างทางเดินเหล่านักเดินทางที่มาเดินในป่าของนูริคาเบะได้ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกและที่แรก แต่นอกจากที่ญี่ปุ่นแล้ว ที่ต่างประเทศก็ต่างมีการบันทึกเกี่ยวกับตำนานต่างๆ ที่ค่อนข้างคล้ายกับนูริคาเบะเช่นกัน
ได้มีชายนักเขียนชาวญี่ปุ่นชื่อดังคนหนึ่งเคยออกมาพูดว่าเขาเคยได้พบเจอกับนูริคาเบะมาแล้วตัวเป็นๆ จากคำบอกเล่าของเขา เขาได้บอกไว้ว่า ในสมัยที่เขาทำงานอยู่ที่กองทัพ ตอนนั้นมันเป็นเขตป่าของประเทศปาปัวนิวกินีและเขาได้เจอกับนูริคาเบะที่นั่น เขาได้แนะนำไว้วิธีที่จะหลุดพ้นจากนูริคาเบะได้นั้นคุณต้องพกเกลือไว้กับตัว นั่นคือวิธีการที่จะทำให้คุณรอดปลอดภัยจากนูริคาเบะ
2. ซาชิกิวาราชิ (Zashikiwarash) (วิญญาณผีเด็กในห้องนั่งเล่น) (ระดับความสยอง: 8/10)

ปีศาจหรือผีเฮี้ยนตนนี้จะสามารถพบได้ในบ้านสมัยโบราณในประเทศญึ่ปุ่น บ้านในโบราณของญี่ปุ่นนั้นจะมีลักษณะเป็นห้องโถ่งที่มีขนาดกว้าง ที่จะถูกขั้นด้วยประตูกระดาษที่เรียกกันว่าโชจิ ประตูกระดาษโชจินั้นเป็นประตูบานเลื่อนที่มีกระดาษบางแปะไว้ตรงกับด้านประตู นั่นจึงทำให้ผู้คนในสมัยก่อนมักจะได้เห็นอะไรบางอย่างแวบผ่านไปมาและได้ยินเสียงขูดลากจากบานประตูโดยไม่สามารถรู้ได้ว่ามาจากบานประตูอันไหนกันแน่ นอกจากเสียงที่พวกเขาได้ยินบริเวณทางประตูในบ้านแล้ว มันก็ยังมีเสียงอะไรบางอย่าง มันจะเป็นเสียงที่มาจากภายนอก มันเป็นเสียงฝืเท้าของใครบางคนที่ทำให้เราหวาดกลัว ซึ่งคนญี่ปุ่นได้ให้ชื่อวิญญาณที่คอยมาก่อกวนเหล่าคนญี่ปุ่นในสมัยก่อนนั้นว่า “ซาชิกิวาราชิ”
ซาชากิวาราชิ เป็นภาษาญี่ปุ่นที่มีความหมายว่า เด็กในห้องนั่งเล่น นั่นจึงเป็นความหมายของวิญญาณตนนี้ว่า ซาชากิวาราชิเป็นวิญญาณที่จะอาศัยตนอยู่ภายในห้องที่ว่างๆ ในตำนานญี่ปุ่นได้ถูกบันทึกไว้ว่าซาชากิวาราชิเป็นวิญญาณของเด็กที่มีอายุไม่เกิน12ปี เธอมักจะปรากฏตัวออกมาให้เจ้าของบ้านได้พบเห็นเธอ เวลาที่จะออกมานั้นมักจะทำเสียงให้เจ้าของบ้านได้รับรู้ว่าเธอมาและหลังจากนั้นเธอก็จะโผล่เข้ามาให้เจ้าของบ้านนั้นตกใจ ถึงจะดูเป็นวิญญาณที่คอยก่อกวนเจ้าของบ้านหรือคนอื่นก็ตามแต่หากคุณได้เจอซาชากิวาราชิแล้วหลังจากนั้นชีวิตของคุณก็จะดีขึ้นหลังจากที่เจอเธอเสมอ แต่ซาชากิวาราชินั้นไม่ใช่วิญญาณที่อยู่เป็นสถานที่เธอมักจะโผล่ไปหลอกหลอนที่บ้านอื่นๆเช่นกัน โดยที่หลังจากที่เธอโผล่และก่อกวนเรียบร้อยหลังจากนั้นเธอก็จะหายไปและไปหาที่บ้านอื่นต่อ

โดยเคยมีเรื่องเล่าจากผู้ที่เคยอาศัยอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังนั้นเป็นบ้านที่มีวิญญาณของซาชากิวาราชิถึงสองตน พวกเธอคอยทำให้คนที่อยู่ในบ้านนั้นมีแต่ชีวิตที่ดีขึ้นมาเรื่อยๆทุกวัน ทั้งเรื่องเงินทองและเรื่องชีวิต แต่หลังจากนั้นวิญญาณทั้งสองของซาชากินวาราชิก็ได้หายไป และหลังจากนั้นไม่นานคนที่อยู่ภายในบ้านหลังนั้นก็ได้เสียชีวิตลงไปเพราะได้ท่านเห็ดพิษ
นอกจากนี้ได้มีอีกครอบครัวที่บ้านหลังนั้นได้มีวิญญาณซาชากิวาราชิทั้งสองตนเช่นกัน พวกเธอทำให้คนที่อยู่ภายในบ้านได้เป็นเศรษฐีในช่วงเวลาแค่ไม่กี่วัน นั่นจึงมีการพูดถึงซาชากิวาราชิไว้ว่าหากบ้านไหนที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทางที่ดีและทางที่ไม่ดีนั่นก็คงเป็นเพราะวิญญาณของเธอแน่นอน
3. อุบุเมะ (Ubume) (วิญญาณหญิงสาวอุ้มลูก) (ระดับความสยอง: 8/10)

ในประเทศญี่ปุ่นในสมัยโบราณนั้นมีเด็กหลายๆคนที่ได้ไปไหนมาไหนคนเดียวและได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งชาวบ้านชาวญี่ปุ่นเค้าเชื่อกันว่าเป็นเพราะวิญญาณของปีศาจที่เรียกกันว่า “อุบุเมะ”
อุบุเมะเป็นปีศาจที่มันจะปรากฏตัวขึ้นในลักษณะที่ดูเหมือนสัตว์ที่รูปร่างคล้ายกับนก หลังจากนั้นมันก็จะแปลงร่างกลายเป็นร่างของผู้หญิงและได้ลักพาตัวเด็กๆ โดยการแอบเอาไว้ใต้ขนของมัน ชาวบ้านญี่ปุ่นเชื่อกันว่าอุบุเมะคือวิญญาณของหญิงสาวที่ได้เสียชีวิตไปในขณะที่ตนเองกำลังท้อง หรือที่คนไทยเรียกกันอย่างหนาหูว่า”ตายทั้งกลม” เพราะด้วยสาเหตุที่อุบุเมะได้กลับมานั้นก็เพื่อที่จะต้องการสิ่งที่มันได้สูญเสียไปนั่นก็คือเด็ก ที่ลักพาตัวเด็กๆ ไปนั้นก็คงเพื่อที่จะเอามาทดแทนลูกของตัวเองก็เท่านั้น
นอกจากนี้อุบุเมะก็ยังคงมีอีกแบบที่คนญี่ปุ่นได้บันทึกไว้เช่นกัน อุบุเมะมันจะปรากฏตัวขึ้นมาในลักษณะของหญิงสาวที่เปลื่อยกายด้านบนเอาไว้ หากคุณเห็นมันคุณจะเห็นมันที่ลักษณะกำลังอุ้มเด็กไว้อยู่และจะโผล่ตัวมาตรงบริเวณทางแยกไม่ก็ตรงสะพานสำหรับคนข้าม หากมีใครได้เข้าไปใกล้มันนั้นมันก็จะบอกให้ช่วยอุ้มลูกของมันให้หน่อย หากมีใครที่ไปช่วยโดยการอุ้มเด็กเอาไว้ อุบุเมะก็จะหายไปอย่างน่าสงสัย หลังจากนั้นร่างของเด็กที่เหยื่อกำลังอุ้มอยู่นั้นก็จะมีน้ำหนักขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ เหยื่อจะไม่สามารถเอาเด็กออกจากตัวเองได้มันจะติดอยู่กับตัวของเหยื่อและหนักขึ้นเรื่อยๆ นอกจากเหยื่อจะสวดมนต์เพื่อที่จะไล่ออกไปและหากเหยื่อได้ทำการสวดมนต์แล้ว วิญญาณของอุบุเมะก็จะปรากฏตัวออกมา มันจะพูดขอเด็กคืนจากเหยื่อและก็ตอบท้ายด้วยคำว่าขอบคุณ และหลังจากนั้นมันก็จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน และก็ค่อยๆเดินหายไปเหมือนกับว่าตรงนี้ไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน ซึ่งว่ากันว่าวิญญาณของอุบุเมะในแบบนี้ก็คือหญิงสาวที่อยู่ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ได้ยืนเพื่อที่จะทิ้งลูกของตนให้กับคนอื่นเพื่อให้เด็กมีชีวิตที่ดีขึ้น และที่คนต้องสวดมนต์นั้นก็เพื่อที่จะให้แม่ของเด็กนั้นเกิดความละอายใจและหากมันได้ผลแม่ของเด็กก็จะวิ่งมารับเด็กคืนด้วยความรู้สึกผิด
4. ฮิมามูชินิวโด (Himamushi nyūdō) (ผีเลียน้ำมัน) (ระดับความสยอง: 7/10)

ในสมัยก่อนเวลาคนญี่ปุ่นที่จำเป็นต้องทำงานถึงตอนเวลากลางคืน สิ่งที่จะให้แสงสว่างแก่พวกเขาก็คือแสงจากตะเกียง ตะเกียงมักจะเป็นที่นิยมที่คนญี่ปุ่นใช้ในตอนที่ทำงานในตอนกลางคืน น้ำมันภายในตะเกียงนั้นได้ทำมาจากน้ำมันจากปลาซึ่งมันได้สร้างกลิ่นที่นำพาซึ่งพวกทั้งแมลงและยุงชอบและเข้ามากินน้ำมันภายในตะเกียงนั้นจนหมด แต่นอกเหนือจากแมลงและยุงที่เข้ามากินน้ำมันในตะเกียงแล้ว ที่นั่นยังมีปีศาจที่ชอบที่จะมากินน้ำมันปลาในตะเกียงในตอนกลางคืน พวกเขาเรียกมันว่า “ฮิมามูชินิวโด”
ชาวบ้านในสมัยก่อนได้บอกไว้ว่าฮิมามูชินิวโด เป็นวิญญาณของใครบางคนที่ถูกสาปและทำให้มีลักษณะที่แปลกๆและชอบกินน้ำมัน แต่มีชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งเรียกฮิมามูชินิวโดว่า เจ้าเลียน้ำมัน ด้วยการกระทำของปีศาจตนนี้ ได้ทำการรบกวนเหล่าชาวบ้านที่ต้องทำงานในตอนกลางคืนอย่างมาก ร่างกายของฮิมามูชินิวโดมีลักษณะที่เป็นมนุษย์แต่อีกนัยหนึ่งก็เหมือนแมลงสาป มีการจดบันทึกเอาไว้ว่า ฮิมามูชินิวโด เดิมทีแล้วมันคือแมลงที่อาศัยอยู่ตามซอกต่างๆไม่ก็ตามเครื่องของเครื่องใช้เหมือนแมลงทั่วไป นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้รูปร่างของมันนั้นมีลักษณะที่มีความคล้ายกับแมลงสาป หากบ้านไหนได้มีเจ้าปีศาจนี้อยู่บ้านหลังนั้นจะปราศจากทั้งแมลงและหนู
ในช่วงหลังได้มีผู้ที่ไม่เชื่อถึงการมีอยู่ของฮิมามูชินิวโด และได้อธิบายเอาไว้ว่า ฮิมามูชินิวโดมันไม่ใช่ปีศาจแต่มันก็คือพวกหนูและแมลงสาป แต่ที่พวกเขาต้องบอกว่าเป็นสาเหตุของฮิมามูชินิวโดก็เพื่อที่จะให้คนภายในบ้านนั้น รู้จักเก็บตะเกียงหลังจากใช้งานเสร็จ เพื่อที่พวกหนูและแมลงสาปจะได้ไม่มากินจนหมด
5. เท็นโจนาเมะ (Tenjoname) (ผีลิ้นยาว) (ระดับความสยอง: 7/10)

ในสมัยก่อนของญี่ปุ่นนั้นไม่เหมือนกับปัจจุบันที่เวลาถึงช่วงฤดูหนาวก็จะมีเครื่องทำความร้อนให้ แต่ในสมัยก่อนของญี่ปุ่นนั้นหากถึงฤดูหนาวเมื่อไหร่ พวกเขาทำได้แค่เพียงพิงไฟและทนกับความหนาวที่เกิดขึ้นเท่านั้น และพอถึงในตอนกลางคืนนั้นบรรยากาศภายในบ้านและข้างนอกจะมืดถึงมืดที่สุด นั่นเป็นแหล่งที่เหล่าวิญญาณและปีศาจร้ายอาศัยอยู่ มีหนึ่งในปีศาจที่เป็นที่โด่งดังอยู่นั่นก็คือ “เท็นโจนาเมะ”
เท็นโจนาเมะ เป็นปีศาจลิ้นยาวที่มีลักษณะเป็นเหมือนคนแก่ที่มีรูปร่างหนังติดกระดูกและมีพุงที่ยื่นออกมา แต่ลักษณะเด่นของปีศาจตนนี้คือมันมีลิ้นที่ยาวเกินมนุษย์ มันจะออกมาในช่วงฤดูหนาวของญี่ปุ่นและคอยแอบอยู่ในความมืดในด้านบนเพดานของบ้าน เวลาเท็นโจนาเมะจะเครื่องที่ไปไหนนั้นมันจะลอยอยู่ตรงเพดานและลอยเรื่อยๆตามเพดาน มันมักจะคอยเลียสิ่งสกปรกที่อยู่บนเพดานของบ้าน แต่นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เพดานบ้านคนชาวญี่ปุ่นนั้นสรปรกมากกว่าเดิม ซึ่งคนญี่ปุ่นในสมัยก่อนนั้นได้กลัวเกี่ยวกับเท็นโจนาเมะอย่างมาก ดังนั้นวิธีที่จะทำให้มันไม่สามารถอยู่ในบ้านหลังนั้นๆได้ก็คือการทำความสะอาดไม่ให้บ้านมีสิ่งสกปรกเพื่อมันจะได้ไม่ต้องคอยมาอยู่กินภายในบ้านหลังนี้ และนั่นก็เป้นความเชื่อที่คนญี่ปุ่นมักจะทำกันทุกครั้งเมื่อถึงฤดูหนาว
เท็นโจนาเมะคือปีศาจที่คอยเตือนเหล่าคนญี่ปุ่นเกี่ยวกับการที่พวกเขาปล่อยปะล่ะเลยในการทำความสะอาดบ้านของพวกเขาในช่วงหน้าหนาว เท็นโจนาเมะเป็นเหมือนแรงจุงใจว่าหากถึงในช่วงฤดูหนาวเข้าแล้วอย่าลืมที่จะทำความสะอาดบ้านรวมถึงเพดานบ้านของตนเอง ไม่งั้นเท็นโจนาเมะจะมากินสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในบ้านของคุณและมันจะทำให้บ้านของคุณสกปรกยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเอง ซึ่งมันก็ได้ผลกับคนญี่ปุ่นบางคนที่เคยได้ยินเกี่ยวกับตำนานเรื่องเท็นโจนาเมะกันมา
6. โมกุโมกุเรน (Mokumokuren) (บ้านมีชีวิต) (ระดับความสยอง: 7/10)

ไม่ว่าจะเป็นในสมัยก่อนหรือปัจจุบันนั้น ผู้คนที่ไม่มีที่อยู่เป็นแหล่งประจำพวกเขาก็มักจะเข้าไปนอนในบ้านร้างที่ปราศจากผู้คนเพื่อที่ว่าจะเข้าไปพักผ่อนชั่วคราว ที่พวกเขาทำแบบนั้นเพราะพวกเขาไม่มีทางเลือก แต่ในสมัยโบราณของญี่ปุ่นนั้นได้มีการพูดถึงผู้ที่ชอบไปพักอาศัยในบ้านร้างตามชนบท พวกเขาเล่ากันว่าเวลาที่พวกเขาเข้าไปนอนที่บ้านร้างนั้นบางบ้านก็ให้ความรู้สึกที่ว่างเปล่าไม่มีอะไร บางบ้านก็อาจจะมีวิญญาณอยู่ให้พวกเขาได้เห็นบ้าง แต่จะมีบ้านอยู่หลังหนึ่งที่ทุกครั้งที่พวกเขาไปนอนนั้นพวกเขามักจะบอกกันว่าเหมือนมีอะไรจ้องมองพวกเขาอยู่ตลอดเป็นประจำ นั่นไม่ใช่ความรู้สึกของวิญญาณที่จะมาปรากฏให้พวกเขาเห็น แต่ความรู้สึกนี้เหมือนมีสายตาจ้องมองพวกเขาจากทุกทิศทาง บางทีมันคงไม่ใช่วิญญาณหรืออะไร แต่มันคงจะเป็นตัวบ้านที่กำลังจ้องมองมาที่พวกเขา พวกเขาเรียกบ้านปีศาจหลังนั้นว่า “โมกุโมกุเรน”
โมกุโมกุเรน คือ บ้านร้างที่มีดวงตาไว้สำหรับจ้องมองผู้คนที่เข้ามาอาศัยในภายในบ้านของมันในช่วงเวลากลางวันและกลางคืน หากมีใครได้ไปนอนภายในโมกุโมกุเรนพวกเขาจะรู้สึกถึงการจ้องมองจากทุกทิศทางและบางทีก็จะได้ยินเสียงกุกกักเหมือนมีการเคลื่อนไหวอยู่ภายในบ้าน ซึ่งบางทีตัวบ้านนั้นก็เหมือนจะเคลื่อนไหวเองได้ หลายคนที่ได้ไปนอนบ้านร้างแห่งไหนและรู้สึกถึงอาการพวกนี้ พวกเขาก็จะคิดว่ามันคือฝืมือของโมกุโมกุเรน ว่ากันว่าส่วนพื้นภายในบ้านนั้นมันคือส่วนลิ้นของมัน ที่เวลาใครไปเดินอยู่ภายในบ้านและสังเกตเวลาเดินจะรับรู้ถึงความสากของพื้นที่สัมผัสของมันนั้นไม่เหมือนกับบ้านหลังอื่นๆ

ซึ่งดวงตาของโมกุโมกุเรนที่อยู่รอบตัวบ้านนั้นมีลักษณะที่แตกต่างกัน มีการเล่ากันว่าภายในตัวของโมกุโมกุเรนนั้นมีจิตใจอยู่หลายแบบภายในนั้นหรือสามารถเรียกได้ว่าดวงตาหนึ่งดวงคือวิญญาณที่สิ่งสถิตอยู่ภายในบ้าน ซึ่งนับได้ว่าหนึ่งช่องสี่เหลี่ยมที่อยู่ตรงประตูบานเลื่อนนั้นคือหนึ่งดวงตาของโมกุโมกุเรน และถ้าอยากรู้ว่ามีอยู่กี่ดวง ลองนับกันดูได้นะครับ และยังมีการเล่ากันว่าโมกุโมกุเรนนั้นเป็นปีศาจที่ถูกสร้างขึ้นจากศิลปินคนเดียวกันกับที่สร้างฮิมามูชินิวโด ซึ่งก็คือมีไว้เพื่่อเตือนใจให้คนอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับบ้านร้างหลังอื่นๆ เพราะภายในบ้านนั้นอาจจะมีสัตว์ร้ายหรืออะไรที่สามารถทำอันตรายแก่ผู้คนที่จะเข้าไปอาศัยได้เพียงเท่านั้น
7. ยานาริ (Yanari) (ผีเขย่าบ้าน) (ระดับความสยอง: 7/10)

แผ่นดินไหวนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นบ่อยๆ อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในช่วงญี่ปุ่นสมัยใหม่นั้น ได้มีคำหนึ่งที่ชาวญี่ปุ่นมักจะใช้เรียกกันหากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้น นั่นก็คือคำว่า “ยานาริ” มันคือคำศัพท์เพื่อที่คนญี่ปุ่นเรียกบอกกันได้อย่างง่ายดายหากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงขึ้น
ยานารินั้นไม่ใช่คำที่ญี่ปุ่นคิดขึ้นมาเล่นๆ และเรียกกันแค่นั้น แต่มันมีที่มาตั้งแต่ในช่วงสมัยอดีตโบราณ ซึ่งคนญี่ปุ่นในสมัยก่อนเชื่อกันว่าเสียงที่เกิดขึ้นมาแปลกๆ อย่างลึกลับและมีการสั่นไหวของบ้านทุกหลังพร้อมๆ กัน นั่นเป็นสาเหตุมาจากพวกปีศาจยานาริที่พวกมันเข้ามาก่อกวนภายในบ้านทุกบ้านพร้อมๆ กัน ปีศาจยานารินั้นชอบที่จะเขย่าตัวบ้าน ยกบ้านและทำให้บ้านนั้นโยกเยกไปมาทำให้คนที่อยู่ภายในบ้านนั้นอยู่ไม่เป็นสุข ซึ่งลักษณะของพวกปีศาจยานารินั้นจะมีอยู่หลายแบบที่สามารถเห็นได้ บางตัวของพวกมันนั้นก็จะเป็นปีศาจตัวเล็กๆ และมีทั้งตัวที่มีสีแดง น้ำเงิน ส้ม นอกจากนั้นก็ยังมีตัวที่มีขนาดใหญ่เกิดกว่าปกติ แต่ทุกตัวนั้นล้วนมีพละกำลังหลังที่มหาศาลพอที่จะเขย่าบ้านได้ทั้งหลังและพวกมันการที่พวกมันมาก่อกวนชาวบ้านที่อยู่ภายในบ้านนั้นก็เพียงเพราะว่าสนุก มันเหมือนกิจกรรมในยามกลางคืนที่จะมาก่อกวนผู้คนให้ได้ตกใจกันเล่นๆ

แต่คนญี่ปุ่นนั้นก็ไม่ได้เชื่อเรื่องปีศาจยานาริกันแบบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็น แต่มันเคยมีเหตุการณ์ที่อยู่ๆบ้านของพวกเขานั้นก็เกิดสั่นและเขย่าไปมาทั้งๆ ที่ภายนอกนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นและยังคงดูเป็นปกติอยู่ เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงเชื่อกันว่าหากอยู่ๆ บ้านมีการโครงเครงหรือเกิดอาการแปลกๆ ภายในบ้านมันคงเป็นพวกยานาริที่ตั้งใจจะมาแกล้งพวกเขา ให้พวกเขาคิดว่าเป็นแผ่นดินไหวนั่นเอง
เรื่องที่ทำให้เกิดเสียงภายในบ้านนั้นผู้คนสมัยใหม่ก็ต่างคิดอีกแบบหนึ่งว่ามันคงเป็นเสียงไม้ที่เก่า พอถึงช่วงฤดูหนาวมันก็จะเกิดการหดตัวของไม้ทำให้เกิดเสียงขึ้นมาได้ แต่เรื่องนี้ก็ยังคงคอยเตือนให้ชาวญี่ปุ่นในสมัยใหม่รู้กันว่าหากมีอาการที่บ้านเคลื่อนไหวหรือมีอาการแปลกๆ และพวกเขาใช้คำพูดกันว่า ยานาริ นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่จะเกิดขึ้นตามมานั่นเอง ซึ่งมันก็เป็นมาตั้งแต่สมัยอดีตมาจนถึงปัจจุบันที่ยังคงมีชาวญี่ปุ่นบางคนยังคงใช้คำศัพท์เหล่านี้ให้ได้เห็น
8. ปีศาจสุนัขจิ้งจอก (ระดับความสยอง: 6/10)

ในประเทศญี่ปุ่นนั้นมีตำนานมากมายที่เกิดในสมัยโบราณ รวมถึงเรื่องนี้ก็ยังเป็นตำนานที่ถูกเล่ากันมา ตำนานนี้ได้เอ่ยถึงสัตว์ที่คนญี่ปุ่นมักจะได้พบเห็นกันเป็นประจำ นั่นก็คือสุนัขจิ้งจอก สุนัขจิ้งจอกนั้นถูกกล่าวหาให้เป็นสัตว์ที่นำมาซึ่งเหตุการณ์แปลกๆ ที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีต ซึ่งชาวบ้านได้ยกสุนัขจิ้งจอกเป็นตัวแทนของการมาแกล้งมนุษย์ พวกเขากล่าวว่าสุนัขจิ้งจอกนี้คือสาเหตุของการที่อยู่ๆ บ้านเรือนของพวกเขาก็มีไฟติดบ้านทำให้เกิดไฟไหม้บ้านในหลายๆ หลัง รวมถึงเวลามีคนหายขึ้นมาพวกเขาก็ต่างโทษใส่สุนัขจิ้งจอกนี่เอง ซึ่งพวกเขาได้นิยามเหตุการณ์เหล่านี้ว่าต้องมาจากปีศาจจิ้งจอกเจ้าเหล่อย่างแน่นอน

ซึ่งหนึ่งในเรื่องเล่าของญี่ปุ่นที่พูดถึงปีศาจสุนัขจิ้งจอกนั้น ได้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงของสุนัขจิ้งจอกที่มีพลังที่จะเปลี่ยนรูปร่างของตัวเองมาในลักษณะของหญิงสาวที่หน้าตาน่ารัก ซึ่งหญิงสาวตนนี้จะมาหลอกล่อชายหนุ่มที่เดินกลับบ้านคนเดียวบ้างหรือไปไหนมาไหนคนเดียว โดยการหลอกล่อพวกเขาให้ไปกับเธอ เคยมีเรื่องเล่าว่า มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่โชคไม่ดี วันที่เกิดเหตุนั้นเขาได้เดินไปเที่ยวรอบเมืองอยู่คนเดียวตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ ในช่วงที่เขากำลังจะกลับนั้นเขาได้เจอกับหญิงสาวคนหนึ่งที่โผล่มาให้เขาได้เห็น ซึ่งลักษณะของเธอนั้นมีความน่าดึงดูดอย่างมาก หลังจากที่เจอกันชายหนุ่มคนนั้นก็ตั้งใจที่จะไปส่งเธอถึงหน้าบ้านโดยที่ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆตัวเองถึงอยากไปส่งเธอขนาดนั้น ซึ่งหญิงสาวคนนั้นก็ไม่ได้เล่นตัวอะไรปล่อยให้เขาได้ไปส่งเธอ หลังจากที่เขาได้ไปส่งเธอถึงที่บ้าน ทั้งสองก็ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งจนถึงขั้นที่ว่า ชายหนุ่มได้พูดออกมาสาบานว่าจะขออยู่กับหญิงสาวคนนี้ไปตลอดชีวิต เขาพูดออกมาโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของเขาก่อนหน้านี้ว่าเขาเป็นคนที่ไหนหรือมีครอบครัวมาก่อนหรือเปล่า หลังจากนั้นเขาก็ใช้ชีวิตอยู่กับหญิงสาวคนที่เขาเพิ่งเจอไปเรื่อยๆ พอหลังจากนั้นได้ไม่นานหญิงสาวก็ได้ตั้งท้อง เวลาผ่านไปถึง 9 เดือน หญิงสาวก็ได้คลอดบุตรชายมาหนึ่งคน ในช่วงขณะเดียวกันนั้น ครอบครัวของชายหนุ่มก่อนหน้านี้ก็พยายามที่จะตามหาเขามาเป็นเวลานานมากและได้แค่คิดว่าเขาคงได้ตายไปแล้ว แต่พวกเขาเลือกที่จะไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิที่พวกเขานับถือว่าขอให้พวกเขาได้พบกับชายหนุ่มคนนั้น ซึ่งหลังจากนั้นชายหนุ่มก็ค่อยโผล่ตัวเองออกมาจากที่ใดที่หนึ่งให้พวกเขาได้เห็น ซึ่งสภาพของเขานั้นก็ไม่ได้แลดูดีมากนัก ส่วนหญิงสาวคนนั้นก็ได้หายไปเลยนับจากนั้น และนั่นเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่เป็นวิธีการหลอกล่อชายหนุ่มของปีศาจสุนัขจิ้งจอกตนนี้
9. คาไมทาจิ (Kamaitachi) (ปีศาจเคียวลม) (ระดับความสยอง: 7/10)

นอกจากนั้นก็ยังมีอีกตำนานหนึ่งที่พูดถึงสุนัขจิ้งจอกเช่นกัน แต่ครั้งนี้มันมากับสายลม นั่นก็คือ “คาไมทาจิ” ปีศาจตนนี้นั้นมีนิสัยที่ขี้เล่นและชอบกลั่นแกล้งผู้คนที่ไปไหนมาไหนคนเดียวเช่นกัน เพราะเหตุนี้ถ้าหากใครบางคนเดินๆอยู่และเกิดสะดุดล้มลงอย่างไร้สาเหตุและไร้ที่มา นั่นมีความเป็นไปได้ว่าเขาคนนั้นคงกำลังเป็นที่หมายจ้องของสุนัขจิ้งจอกตัวนี้ที่ตั้งใจจะแกล้งเขาเล่น เพราะในตำนานญี่ปุ่นที่ได้บันทึกไว้ว่าหากเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็คงจะเป็นเพราะปีศาจสุนัขจิ้งจอกคาไมทาจิก็เท่านั้น
คาไมทาจินั้นมีชื่อที่มีความหมายเกี่ยวกับเคียว มันเป็นหนึ่งในสัตว์ตำนานลึกลับชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น คาไมทาจินั้นมีความสามารถในการขยับไปไหนต่อไหนได้รวดเร็วอย่างกับสายลมที่พัดพลิ้วไหว ลักษณะของคาไมทาจินั้นจะเป็นเหมือนลูกของสุนัขจิ้งจอกที่มีแขนเป็นเคียวทั้งสองขาหน้า ซึ่งส่วนเคียวตรงขาหน้าของคาไมทาจินั้นมีไว้เพื่อสร้างความบาดเจ็บให้กับเหยื่อที่มันต้องการแกล้ง คาไมทาจินั้นจะมีอยู่ถึงสามตัว ซึ่งแต่ละตัวจะมีลักษณะที่ต่างกันและมีหน้าที่ที่ต่างกันเวลาจะแกล้งมนุษย์ซักคน

คาไมทาจิตัวแลกจะมีลักษณะอ้วนและตัวใหญ่ที่สุด มันมีหน้าที่ที่จะทำให้เหยื่อของมันสะดุดล้มลงไปลงกับพื้น ตัวต่อมาจะเล็กลงมาจากตัวแรก แต่ตัวนี้จะเป็นตัวที่ใช้เคียวของมันในการทำให้เหยื่อนั้นบาดเจ็บตั้งแต่แผลเล็กๆไปถึงแผลขนาดใหญ่ ส่วนตัวสุดท้ายนั้นสามารถพูดได้ว่ามันคือน้องเล็กสุดของกลุ่มคาไมทาจิ มันมีหน้าที่ที่จะรักษาบาดแผลของเหยื่อให้หายไปให้หมด ตัวอย่างเช่นเวลาคาไมทาจิจะแกล้งใครซักคน คนๆนั้นหลังจากที่ล้มลงไปกับพื้น เขาจะรู้สึกถึงเสี่ยววินาทีที่รู้สึกว่าเขาได้โดนอะไรบาดไปทั้งตัว แต่พอเขาได้ลุกขึ้นมาเช็คร่างกายของเขา ทุกอย่างก็ดูปกติดีไม่มีบาดแผลอะไรตามตัวเลย จะเหลือก็เพียงแต่ความรู้สึกบาดเจ็บเพียงชั่วครู่ที่เขาสามารถรู้สึกได้ในระหว่างตอนที่เขาล้มลง ซึ่งทุกคนที่ล้มลงโดยที่ไร้สาเหตุ พวกเขาจะพบกับความรู้สึกอย่างว่าเหมือนกันทุกคน บางคนคงคิดว่ามันคงเป็นอาการช็อตของร่างกายเพียงชั่วขณะเวลาที่จะล้มลง แต่สำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว พวกเขาเชื่อกันว่ามันเป็นฝืมือของปีศาจตนนี้อย่างแน่นอน
10. คานาชิบาริ (Kanachibari) (ผีอำญี่ปุ่น) (ระดับความสยอง: 8/10)

เรื่องของผีอำนั้นไม่ใช่มีเพียงคนไทยเท่านั้นที่เคยเจอกับอาการนี้ สำหรับคนญี่ปุ่นนั้นก็มีอาการผีอำที่พวกเขาต้องเจออยู่เช่นกัน มีชาวญี่ปุ่นมากกว่า 40 เปอร์เซ็นที่ได้พูดถึงเรื่องการโดนผีอำกัน ซึ่งชาวญี่ปุ่นที่ได้เจอกับเหตุการณ์ที่คล้ายกับผีอำนั้นพวกเขาได้เรียกเหตุการณ์นี้ว่า “คานาชิบาริ”
คานาชิบารินั้นมีความหมายทางภาษาไทยว่าการถูกล่ามด้วยวัสดุที่ทำมาจากเหล็ก ซึ่งมันเป็นอาการเหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับชาวญี่ปุ่น เคยมีสื่อจากหลากหลายประเทศได้พูดถึงคาราชิบาริเกี่ยวกับวิธีการอำชาวญี่ปุ่นของมัน โดยชาวญี่ปุ่นที่กำลังหลับอย่างสงบอยู่นั้นก็ได้โดนคาราชิบาริอำอย่างน่ากลัวและได้พูดถึงมันให้ผู้คนที่อยู่ที่อื่นได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของมันว่า คนญี่ปุ่นที่มีอาการไม่สามารถขยับตัวได้และมีอาการเหมือนโดนขังอยู่ในภวังนั้นพวกเขาเชื่อกันว่ามันต้องเป็นเรื่องที่เหนือธรรมชาติแน่นอน ซึ่งพวกเขาเชื่อกันว่ามันเป็นเพราะปีศาจร้ายที่ชื่อคานาชิบาริอย่างแน่ๆ
คานาชิบารินั้นสามารถพบเจอได้ไม่ว่าคุณจะเป็นเด็กหรือเป็นผู้ใหญ่ ทุกคนสามารถโดนปีศาจตนนี้อำได้โดยที่รู้สึกเหมือนจะขาดใจตายไปเลยก็มี ได้มีผู้ที่เคยเจอคานาชิบาริแล้วเล่าว่าตอนที่เขากำลังนอนอยู่นั้นเขารู้สึกได้ว่าเขาเห็นวิญญาณหรือใครบางคนที่เดินเข้ามาอยู่ใกล้ๆเขา แต่เขาเห็นไม่ชัดและไม่สามารถลืมตามามองได้ แต่เค้าสัมผัสได้ว่ามีใครอยู่ข้างๆเขา ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็รู้สึกว่าวิญญาณที่เขาเห็นนั้นเดินเข้ามาใกล้เขาแล้วเหมือนจะค่อมร่างของเขาเรื่อยๆ มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก หากใครคนไหนที่มีสัตว์เลี้ยงอยู่ที่บ้านและโดนคานาชิบาริเข้าเล่นงานใส่ พวกเขาจะเห็นใบหน้าของสัตว์เลี้ยงของเขาเป็นเหมือนใบหน้าของวิญญาณที่น่ากลัว พวกเขาจะรู้สึกเหมือนมีใครมานั่งทับร่างของพวกเขาตลอดเวลาและมันจะเป็นแบบนั้นไปซักพักใหญ๋ๆ ซึ่งอาการเหล่านี้นั้นพวกเขาไม่สามารถหาคำอธิบายได้ พวกเขาจึงได้เพียงแค่พูดว่ามันเป็นฝืมือของคานาชิบาริทั้งหมด
ตำนานทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความเชื่อของคนญี่ปุ่นในสมัยก่อนที่พวกเขาได้เจอสิ่งแปลกๆที่ไม่สามารถอธิบายได้ สำหรับ 10 ตำนานปีศาจผีญี่ปุ่น หรือ YOKAI ก็ยังคงเป็นตำนานที่ชาวญี่ปุ่นนั้นเล่าขานกันมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งก็ยังคงมีตำนานอื่นๆอีกที่ชาวญี่ปุ่นยังได้เจอ ถ้ามีโอกาสแอดจะเอามาเขียนให้ได้อ่านกันนะครับ บรัยบายย….