วันนี้แอดจะนำเรื่องราวสยองขวัญที่เกี่ยวข้องกับการเสียงเรียกปริศนา ว่ากันว่าช่วงเวลาตกดึกหรือยามวิกาล หากใครก็ตามที่ได้ยินเสียงเรียกที่ไม่รู้แหล่งที่มาหรืออยู่ๆก็มีเสียงเรียกขึ้นมา ผู้คนสมัยก่อนก็จะบอกกันว่าห้ามที่จะขานรับเสียงเหล่านี้เด็ดขาดเพราะเขาว่ากันว่าเสียงๆนั้นคือเสียงเรียกจากวิญญาณ… แต่ทั้งนี้เรื่องเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่แล้วแต่ว่าใครจะเชื่อหรือไม่ก็ได้ แต่ก็มีการปลูกฝั่งกันมาตั้งแต่ตอนเด็กๆกัน ซึ่งเรื่องราวแบบนี้ส่วนใหญ๋จะมาจากปู่ย่าตายายในสมัยก่อนกันจนมากันจนถึงปัจจุบัน วันนี้แอดจึงขอนำเกี่ยวกับเรื่องนี้มานำเสนอกัน กับเรื่อง “เสียงเรียก” ถ้าอยากรู้แล้วว่าจะเป็นอย่างไร ขอให้อ่านกันให้สนุกนะครับ…
เรื่องราวต่อไปนี้เกิดขึ้นมากับแก๊งของเพื่อนแก๊งหนึ่ง โดยแก๊งจะมีกันอยู่ทั้งหมด 3 คนเป็นผู้ชายทั้งสามคนเลย โดยกลุ่มๆนี้นั้นพวกเขาทั้งสามมักจะชอบตะลอนไปตามสถานที่ต่างๆ หากสถานที่ไหนแปลกๆดังๆหรือมีการพูดถึงกันมากๆ พวกเขาก็จะไปตะลุยกันตลอด พวกเขาทำกันมาแบบนี้มาตลอดและได้ไปมาหลายพื้นที่แล้ว พอพวกเขาเดินทางไปรอบๆประเทศไทยมาได้หลายที่แล้ว จึงมีการอยากจะที่ขยับไปที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง พม่า ลาว กัมพูชาอะไรแบบนั้นเพื่อที่จะไปเที่ยวและศึกษาประวัติศาสตร์ของพื้นที่แหล่งนั้น จนวันหนึ่งมีการตัดสินใจที่จะไปประเทศเขมรกัน พวกเขาก็ได้เดินทางตามกันปกติและได้เดินทางไปจุดด่านระหว่างประเทศ และพอได้เดินทางเข้าสู่ประเทศเขมรเป็นที่เรียบร้อย และด้วยความที่มาประเทศแห่งนี้เป็นครั้งแรกทำให้ไม่มีความรู้หรือสถานที่ที่จะไปกันมากนัก พวกเขาจึงได้สอบถามทางด่านว่ามีไกด์หรือที่แนะนำให้ไหม จนทางด่านได้มีการแนะนำไกด์สำหรับนำท่องเที่ยวให้คนหนึ่ง พวกเขาจึงตัดสินใจจ้างไกด์เป็นคนนำทางให้กับพวกเขากัน
สถานทีที่พวกเขาอยากจะไปและศึกษามาที่หนึ่งจริงๆก็คือคุก ซึ่งก็เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีการพูดถึงกันเป็นอย่างมากทั้งประเทศไทยด้วยเช่นกันที่พูดถึงกันอยู่ โดยการที่จะเข้าไปในคุกที่เขมรนั้น ไกด์ได้บอกไว้ว่าจะมีกฏอยู่ คือระหว่างที่เข้าไปในคุกแล้วนั้นและหากเจออะไรไม่ชอบมาพากลหรือรู้สึกแปลกๆอะไรเกิดขึ้นห้ามทักเป็นอันขาด เพราะที่นี่นั้นของมันค่อนข้างแรกเป็นอย่างมาก ถ้าหากไม่เชื่อหล่ะก็ถ้าเกิดอะไรขึ้น ตัวไกด์ก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือได้นะ พอพวกเขาทั้งสามได้ยินก็ไม่ได้เชื่อทั้งหมด เพราะพวกเขานั้นยืดหลักวิทยาศาสตร์มากกว่า แต่ก็ไม่คิดที่จะหลบหลู่อยู่ดี วันนั้นพอเดินทางเข้าประเทศมันก็เป็นเวลาช่วงหัวค่ำเข้าให้แล้ว ตอนนั้นถ้าไปเที่ยวที่ไหนก็คงจะไม่ได้แล้ว พวกเขาเลยมุ่งหน้าหาโรงแรมที่พักนอนกัน โรงแรมที่พวกเขาไปกันนั้นเป็นลักษณะที่ดูไม่ได้หรูหราอะไรมากนัก และเป็นเรือนไม้สองชั้นเพียงเท่านั้น พอเดินทางไปถึงที่พักก็ได้เปิดห้องกัน พวกเขาเปิดห้องให้ไกด์นอนห้องนึงและพวกเขาก็นอนกันอีกห้องหนึ่ง
ระหว่างที่อยู่ในห้องก็มีการพูดกันว่าพรุ่งนี้จะไปไหนทำอะไรกันบ้าง ก็คุยกันไปได้สักพักก็มีคนมาเคาะประตูห้อง พอเปิดประตูแล้วก็เจอกับไกด์และไกด์ก็ได้ให้อะไรบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายตะกุดอันเล็กๆมาอันนึง โดยบอกว่าให้เก็บเอาไว้นะ เขาก็สงสัยว่าเก็บไว้ทำไม ไกด์บอกว่าเก็บเอาไว้เพื่อความสบายใจอย่างน้อยก็ป้องกันตัวได้ด้วย พอวันถัดมาพวกเขาก็ได้เดินทางไปที่สถานที่คุกกันและก็ได้เดินชมอะไรต่างๆกันไปได้สักพักหนึ่ง ซึ่งตลอดการดูนั้นไม่ได้มีอะไรไม่ดีขึ้นเกิดขึ้นทุกอย่างก็เป็นปกติดี พอพวกเขาดูเสร็จก็ตัดสินใจกลับที่โรงแรมพักที่เดิมกันในคืนนั้นเพื่อที่วันถัดไปจะได้กลับบ้านกัน
พอถึงเวลาประมาณ 4-5 ทุ่มก็ได้นอนกัน พอเวลาผ่านไปตอนประมาณเที่ยงคืน หนึ่งคนในกลุ่มนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของใครบางคนเรียกชื่อของเขาอยู่ตรงหน้าห้อง เขาจึงได้เดินไปเปิดประตูหน้าห้องว่ามีใครมาเรียกหรือเปล่า แต่พอเปิดไปแล้วก็ไม่พบกับอะไรเลย จนเขาปิดประตูอีกครั้งเสียงๆนั้นก็ยังเรียกชื่อเขาอยู่ เขาจึงหันหลังกลับไปเปิดอีกทีก็ปรากฏว่าได้เห็นแมวดำนั่งอยู่ที่หน้าห้องของเขาร้องออกมา เขาอาจจะหูฝาดจากเสียงร้องของแมวก็ได้ เขาเลยเข้าห้องไปนอนต่อ พอนอนต่อไปได้สักพัก เขาก็ได้ยินเสียงของคนเรียกเขาอีกแล้วตรงหน้าห้อง เสียงเรียกนั้นเรียกเขามาเรื่อยๆไม่หยุด เขาจึงเดินไปตรงประตูหน้าห้องและได้มองไปทางช่องใต้ประตูเพื่อจะดูเงาที่สะท้อนออกมา และเขาก็ได้เห็นเหมือนกับเท้าของเด็กยืนอยู่หน้าห้อง เป็นเท้าเด็กเปล่าๆไม่ใส่รองเท้า เขาจึงสงสัยว่าเด็กนี้เป็นใครกันแน่ พอเปิดประตูมาก็เจอเด็กยืนอยู่จริงๆด้วย เด็กคนนี้ใส่ชุดสีแดงยืนอุ้มแมวอยู่ เขาจึงพยายามที่คุยกับเด็กคนนั้นแต่ก็คุยไม่รู้เรื่อง เลยได้เดินไปเคาะประตูที่ห้องไกด์ และพอไกด์เปิดประตู ก็ได้ลากตัวเขาเข้าห้องทันที และได้พูดขึ้นมาว่า แถวนี้ไม่มีเด็กหรอกนะ เขาก็ไม่เชื่อและได้ลากไกด์ออกไปดู ปรากฏว่าเด็กคนนั้นหายไปแล้ว
ไกด์จึงแนะนำให้เขาเข้าห้องนอนและบอกเขาว่าหากได้ยินเสียงเรียกหรือเสียงอะไรหลังจากนี้อีก ก็ขอให้อย่าใส่ใจและนอนต่อไป พรุ่งนี้ไกด์จะพาเขาส่งกลับประเทศและทุกอย่างก็จะเป็นปกติเอง เขาจึงทำตามไกด์บอกในที่สุด พอวันถัดมาเขาก็ได้กลับประเทศพร้อมรู้ทีหลังว่า เด็กคนนั้นคงเป็นวิญญาณที่อาจจะตามมาจากที่ไหนสักแห่งหรือสิงอยู่ที่นั่นก็เป็นได้…