สำหรับเรื่องเล่าสยองขวัญในครั้งนี้ มันเป็นเรื่องราวของการเล่นพิเลนและเล่นกันแปลกๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมากับผู้หญิงคนหนึ่งที่ตัวเธอนั้นได้ไปเล่นอะไรแปลกๆโดยการนำขี้เถ้าศพของแม่ของตัวเอง เอามาป้ายตาของตัวเองเพื่อที่หวังว่าจะได้เห็นแม่ของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องเล่าสยองขวัญในครั้งนี้ กับเรื่อง “เปิดตาที่สาม” ถ้าอยากรู้แล้วว่าเป็นอย่างไร ขอให้อ่านกันให้สนุกนะครับ…
ในตอนนั้นเธอมีอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น มันเป็นช่วงที่เธอกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.3 และเธอก็ได้อาศัยอยู่ยายของเธอเพียงสองคนเท่านั้น ส่วนแม่ของเธอได้ทำงานอยู่ที่กทม ในตอนนั้นยายของเธอได้มีอาการป่วย มันเป็นการป่วยไข้หวัด อาการของยายเธอดูแล้วไม่ค่อยจะดีมากนัก และยายของเธอมีอาการหนักขึ้นจนต้องไปนอนรักษาที่โรงพยาบาล โดยความที่เธอเป็นเด็กอยู่ เธอจึงไม่สามารถที่จะเฝ้ายายที่โรงพยาบาลได้เพียงลำพังเพราะตัวเธอก็ต้องไปเรียนที่โรงเรียนด้วย แม่ของเธอจึงต้องลางานจากกทม และมาเฝ้ายายที่โรงพยาบาลแทน พอเวลาผ่านมาเธอก็ต้องอยู่เฝ้าบ้านคนเดียว ในตอนที่อยู่บ้านนั้นเธอก็ได้นั่งดูทีวีตามปกติ และระหว่างที่กำลังดูทีวีอยู่นั้น เธอก็ได้ยินเสียงหมาเห่า ซึ่งมันเป็นการเห่าที่แปลกๆเหมือนกับยายของเธอได้กลับมา พอเธอได้ไปดูก็ไม่มีอะไรอยู่ข้างนอก เธอก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมาทันที จึงได้รีบปิดทีวีแล้วจะขึ้นห้องไปนอนข้างบน
ในระหว่างที่กำลังจะเดินขึ้นไปข้างบนนั้น อยู่ๆเธอก็มีความรู้สึกว่ามีคนมาบิดประตูลูกบิด โดยตอนนั้นเธอได้ล็อคประตูเอาไว้ เธอจึงได้ยินเสียงคนบิดประตูดังแก๊กๆ เธอจึงรู้สึกกลัวขึ้นมา และได้วิ่งขึ้นห้องและเอาผ้าคลุมโปงเอาไว้จนถึงตอนเช้า พอเวลาผ่านมาถึงตอนเช้าเธอก็ได้แต่งตัวจะไปโรงเรียนตามปกติ เธอนึกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้เธอจึงตั้งใจจะโทรศัพท์ไปหาแม่เพื่อจะเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่พอเธอโทรไปก็ไม่มีใครรับ เธอโทรไปหลายสายมาก เธอจึงได้ตัดสินใจไปโรงเรียน แต่ระหว่างทางไปโรงเรียนเธอก็ได้พบกับน้าที่อยู่ข้างบ้านวิ่งมาหาเธอด้วยอาการตกใจพร้อมกับพูดว่า แม่ของเธอได้เสียชีวิตไปแล้วที่โรงพยาบาล เธอรู้สึกตกใจมากจึงได้รีบไปที่โรงพยาบาลทันที พอไปถึงเธอก็ได้รู้ว่ามันเป็นความจริง เธอรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมามาก แม่เธอเสียชีวิตเพราะว่าหัวใจล้มเหลว
ซึ่งงานศพของแม่เธอก็ถูกจัดขึ้นตามประเพณีของต่างจังหวัดคือจัดงานศพไว้ที่บ้านของเจ้าของ งานศพของแม่ของเธอจึงถูกตั้งไว้ภายในบ้านที่ชั้นล่าง ระหว่างงานศพของแม่เธอนั้นทุกอย่างก็ดูปกติดีเธอไม่ได้เจอเรื่องแปลกๆอะไรเลย จนมาถึงวันสุดท้ายของงานศพที่เป็นว่าเผาศพนั้น ซึ่งพอเผาศพเป็นที่เรียบร้อยเธอก็ต้องเป็นคนที่จะนำขี้เถ้ากระดูกของแม่นั้นมาไว้ในอัดฐิ ด้วยความที่เธอรักและคิดถึงแม่ของเธอมาก ในจังหวะที่ทุกคนกำลังเผลอเธอได้ใช้นิ้วของเธอเอาขี้เถ้าของแม่เธอมาป้ายที่ลูกกะตาของตัวเอง ในตอนนั้นเธอก็ยังไม่เห็นหรือรู้สึกอะไร แต่หลังจากวันนั้นเรื่องแปลกๆก็เริ่มเกิดขึ้นมา
ในตอนนั้นยายเธอยังคงรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล เธอจึงยังคงต้องอยู่บ้านคนเดียวต่อไป ซึ่งเธอก็ได้เจอกับเรื่องแปลกๆเกิดขึ้น โดยที่เธอได้ยินเสียงคนเดินไปเดินมาอยู่ในบริเวณบ้านและบนบ้าน ด้วยความที่บนบ้านของเธอเป็นบ้านไม้ เสียงมันจึงดังอย่างชัดเจนมาก และตอนกลางคืนเธอก็มักจะได้ยินเสียงคนกระทืบเท้าอยู่ข้างบนเสียงดัง ตึงๆ ตัวเธอในตอนนั้นรู้สึกกลัวเป็นอย่างมากกับสิ่งที่เจอแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ พอเวลาผ่านไปยายของเธอเริ่มมีอาการดีขึ้นและกลับมารักษาตัวต่อที่บ้านได้ พอยายกลับมาเธอจึงได้เล่าถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับเธอตั้งแต่ก่อนแม่เธอเสียชีวิตจนถึงล่าสุดที่เธอได้เจอเรื่องต่างๆ ซึ่งยายของเธอก็ได้บอกว่าเรื่องของหมาเห่ากับเสียงบิดประตูบ้านนั้น อาจจะเป็นวิญญาณของแม่ของเธอก็เป็นได้ที่พยายามที่จะเข้ามาภายในบ้านเพื่อที่จะมาดูเธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจากไปอย่างสงบ
พอเธอได้ยินแบบนั้นก็เข้าใจมากขึ้น แต่เธอก็ยังไม่ได้เล่าเรื่องเอาขี้เถ้ามาป้ายตาอยู่ดี พอเวลาผ่านไปมีอยู่วันหนึ่งเธอกำลังซักผ้าอยู่ที่หลังบ้าน และเธอได้เอาผ้าไปตาก ระหว่างที่เธอกำลังตากผ้า เธอรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังมองเธออยู่ มันเป็นความรู้สึกที่กำลังชัดขึ้นมาเรื่อยๆ มันทำให้เธอรู้สึกทนไม่ไหวและรีบหันหน้าไปดูถึงทางที่รู้สึกทันที และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็นคือ เธอเห็นเป็นใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนมองเธอมาจากความมืดที่อยู่ทางหลังบ้าน เขายืนมองและยื่นหน้ามามองเธอด้วยสายตาที่อยากรู้อยากเห็น พอเธอเห็นแบบนั้นเธอก็ได้กริ๊ดร้องออกมาและวิ่งเข้าบ้านไปหายายของเธอทันที
จนตอนนั้นเธอรู้สึกไม่ไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจึงได้เล่าเรื่องขี้เถ้าให้ยายของเธอฟังอีกที จนตอนนั้นจึงได้รู้ว่ามันเหมือนกับการเปิดตาที่สามให้เห็นวิญญาณง่ายขึ้น จนวันถัดมาเธอต้องไปที่วัดไปอาบน้ำมนต์เพื่อล้างสิ่งร้ายๆรอบตัวของเธอออกนั่นเอง…