เรื่องนี้เกิดขึ้นกับผู้ชายคนหนึ่ง ตอนนั้นเป็นเรื่องราวเมื่อคราวที่เขากับเพื่อนๆ ซึ่งเป็นนักศึกษาวิชาทหาร ในตอนนันเขาได้มีโอกาสได้เดินทางไปฝึกภาคสนามที่ค่ายฝึกแห่งหนึ่งที่อยู่ในจังหวัดกาญจนบุรี เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นต่อหน้าเขาและเพื่อนๆของเขาอีกหลายคนที่อยู่ในหมวดฝึกเดียวกัน ดังนั้นจึงพอจะบอกได้ว่าสิ่งที่เขาเจอนั้น เขาไม่ได้คิดไปเองหรือตาฟาดและคิดไปเองเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นกับเขาเพียงลำพังคนเดียว แต่เจอกันทั้งหมวดและต่างก็ต้องขนพองสยองขวัญด้วยกันทั้งหมวดนั้นเลยทีเดียว เรื่องสยองขวัญนี้มีชื่อว่า “อาภรรพ์ภายในค่าย” ขอให้ทุกคนอ่านและเอ็นจอยกับเนื้อเรื่องต่อจากนี้นะครับ บรื้อ…
การเดินทางไปฝึกคราวนั้นเขาและเพื่อนๆของเขาต่างกำลังเรียนทหารอยู่ในชั้นปีที่ 3 ผลัดของเขาจึงได้มีการไปฝึกทั้งสิ้นเป็นเวลา 4 วัน โดยในวันแรกเขาได้ไปทำการฝึกใช้อาวุธซ้อมยิงปืนที่สนามยิงปืนของค่าย ซึ่งเหตุการณ์ทุกอย่างในตอนนั้นก็ดูปกติดีไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากเขาทำการฝึกในวันแรกเสร็จก็พากันกลับกองพัน มีการจัดเวรยามและเข้านอนกันตามปกติ โดยไม่มีอะไรมารบกวน วันรุ่งขึ้นในตอนเช้าเขาก็ไปฝึกซ้อมยิงปืน แต่เช้าหลังที่ต้องมีการซ้อมยิงปืนเสร็จ จากนั้นเขาและเพื่อนของเขาจะต้องเดินทางเข้าไปฝึกในป่า โดยทางครูฝึกได้แจกปืนยาวให้สะพายเข้าป่าเพื่อทำการฝึกและมีการบอกเอาไว้ว่า “ถ้าใครทำปืนหายจะต้องถูกทําโทษ” ในตอนนั้นเขาทำการฝึกอยู่จนกระทั่งสภาพพื้นที่ป่ารอบตัวมันมืดสนิทไปแบบไม่รู้ตัว สามารถเรียกได้ว่าเวลาจะเดินจะต้องเอามือเกาะบ่าของเพื่อนเอาไว้ ไม่อย่างนั้นมีสิทธิ์พลัดหลงกันได้อย่างง่ายๆเลย
ขณะเดินเท้ากลับกองพันที่อยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร ในช่วงระหว่างที่เขาและเพื่อนกำลังเดินทางกลับนั้นเอง เพื่อนของเขาคนหนึ่งซึ่งถูกจัดให้อยู่ในหมวดเดียวกันกับเขา ได้พูดกับเขาว่าก่อนที่จะมาฝึกในป่า วันนี้เพื่อนที่เป็นรุ่นพี่ได้เตือนว่าในป่ามีอาถรรพณ์และมีความลับที่น่ากลัวอยู่มากมายภายในป่า แต่ตัวเพื่อนก็ไม่ได้เชื่อเพราะถ้ามีจริงอย่างที่รุ่นพี่บอก ตัวเพื่อนของเขาเองก็อยากจะได้เห็นเป็นขวัญตาสักครั้ง พอพูดจบก็หัวเราะอย่างสนุกสนาน จนเขารู้สึกไม่ดีและต้องด่ามันให้มันหยุดพูดจาท้าทายต่อสิ่งที่มองไม่เห็น แทนที่เพื่อนคนนี้มันจะสงบปากลงมันกลับท้าทายขึ้นอีกว่า “ถ้ามีจริงก็ออกมาให้เห็นซึ่งซึ่งหน้าถ้าแน่จริงต้องออกมาให้เห็นกันทุกคน” ซึ่งพอหลังจากที่เพื่อนของเขาพูดจบ ก็เหมือนกับมีบางอย่างรับรู้ถึงคำท้าทายนั้นอย่างทันท่วงที เพราะได้มีกระแสลมซึ่งไม่ทราบว่ามาจากไหนจู่ๆก็พัดกระโชกเข้าใส่กลุ่มของพวกเขา มาอย่างยิ่งใหญ่มาแบบไม่มีที่มา จนเขาเองก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวขนลุกขึ้นมา โดยไม่มีเหตุผลและรู้สึกเกิดความหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก
พอเห็นแบบนั้นเขากับเพื่อนต่างพยายามเร่งฝีเท้าเพื่อให้กลับถึงกองพันเร็วๆ แต่พอเดินใกล้เข้าไปกลับปรากฏว่าเขาได้พบกับทางแยกเป็น 2 ทาง ซึ่งเขายืนยันได้ว่าเมื่อตอนขาเข้าไปในป่า เขาไม่เห็นทางแยกตรงนี้ที่มีลักษณะของทางแยกที่แยกออกไปอีก ด้านหนึ่งมันคล้ายกับทางเดินของชาวบ้านส่วนอีก ทางนั้นเขามองเห็นว่ามันนำไปสู่แสงไฟลิบๆที่อยู่ไกลๆ คล้ายที่ตั้งของกองพันของพวกเขา จึงตัดสินใจที่จะเดินกลับในเส้นทางนี้ แต่เมื่อพวกเรายิ่งเดินไปตามทางก็ปรากฏว่ามันยิ่งลึกขึ้นเรื่อยๆ แสงไฟที่เคยมองเห็นกลับไม่มีให้เห็นอีกแล้ว มีแต่ความมืดสนิทและความน่าสะพรึงกลัวเท่านั้นที่เขารู้สึกได้ ในช่วงระหว่างนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงกลุ่มคนร้องเรียกพวกเขา มันเป็นเสียงโหวกเหวกดังขึ้นมา เขาก็พยายามที่จะขานรับเสียงเรียกนั้น แต่มันกลับไม่เป็นผลเพราะแม้ว่าพวกเราจะตะโกนกันสุดเสียง แต่กลุ่มคนซึ่งพวกเราเชื่อว่าเป็นหน่วยลาดตระเวนหรือหน่วยค้นหาก็ไม่ได้ยินพวกเราเลยแม้แต่น้อย เขาพยายามติดตามคนกลุ่มนั้นเพื่อให้นำทางกลับไป แต่ไม่อาจทำได้เพราะความมืดมันบดบังทุกสิ่งทุกอย่างหมดเลยและนอกจากจะไม่สามารถติดตามเสียงนั้นกลับไปได้แล้วเขาก็ยังรู้สึกเหมือนกำลังเดินวนเวียนอยู่อย่างนั้นไม่ได้ไปไหนเลยด้วยซ้ำ
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับกลุ่มของเขา ทำให้เขานึกถึงคำพูดท้าทายของเพื่อนขึ้นมาได้ เขาเลยบอกให้มันบอกกล่าวขอขมาที่พูดจาล่วงเกินเจ้าป่าเจ้าเขาไปก่อนหน้านี้ และบอกกับมันว่าพวกเราคงโดนเล่นงานเพราะคําพูดจาท้าทายของมัน เพื่อนเขามันก็เลยรู้สึกกลัวและยินยอมก้มลงกราบขอขมาลาโทษที่ล่วงเกินด้วยความสำนึกผิด วินาทีนั้นเองเขาและเพื่อนคนอื่นๆได้รู้สึกถึงกระแสลมพัดวูบปะทะร่างอีกครั้งหนึ่ง รู้สึกด้วยกันทุกคนและเมื่อมองออกไปในความมืด เขาก็ได้เห็นร่างชายชราร่างหนึ่งซึ่งรูปร่างใหญ่โตมากยืนอยู่ห่างๆ ภาพที่ค่อนข้างสลัวราง แต่เมื่อเขาบอกให้เพื่อนๆให้มองดู เขากับเพื่อนๆก็ได้เห็นเช่นเดียวกันหมดทุกคน เขาและเพื่อนจึงต่างยกมือไหว้กันท่วมหัว แล้วรีบเดินไปตามทางที่เขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
แต่ก็มันก็เป็นที่เหลือเชื่อเพราะว่าพอเขาและเพื่อนเดินมาเพียงไม่ก้าว เราก็กลับมาถึงหน้ากองพันโดยมีครูฝึกและพวกหน่วยลาดตระเวนต่างกำลังรอคอยอยู่อย่างกระวนกระวายใจ ครูฝึกได้สอบสวนว่ากลุ่มของเขาหายไปไหนมา แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาเล่าให้ฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ท่านจึงรีบบอกให้เขากลับเข้าไปยังที่พักโดยไม่ได้ว่ากล่าวหรือทำโทษ แต่เขาก็คิดว่าท่านคงรู้ว่าค่ายฝึกแห่งนี้คงมีอะไรแรงๆอยู่ และหมวดของเขาคงไม่ใช่หมวดแรกที่เจอกับเรื่องแปลกๆ อย่างนี้เป็นแน่แท้จึงได้ คงเป็นดั่งเรื่องอาภรรพ์ภายในค่ายที่เขาคงรู้กันดี…
credit : https://www.su-usedbook.com/ สล็อตแตกง่าย