ใครเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับ หากคุณได้เจอใครโบกมือเรียกในระหว่างทางที่เรากำลังขับรถอยู่ เราก็ไม่ควรที่จะจอดและรับพวกเขามา วันนี้แอดได้นำเรื่องเล่าเรื่องจริง เรื่อง หญิงสาวที่ศาลาต่างจังหวัด เป็นเรื่องที่มีความน่ากลัวมาก ถ้าอยากรู้แล้วว่าเป็นยังไงขอให้อ่านกันให้สนุกนะครับ
เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นกับผู้ชายคนหนึ่งที่ตัวนั้นเขามีอาชีพในการขับรถทัวร์ เพื่อที่จะส่งผู้โดยสารจากที่หนึ่งไปสู่ที่หนึ่ง เหตุการณ์ในครั้งนี้นั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาได้ประมาณสามสิบกว่าปีแล้วหากนับจากปัจจุบัน แอดอยากให้ทุกคนนึกภาพตามเกี่ยวกับการขับรถในสมัยก่อน ซึ่งในสมัยก่อนนั้นเส้นทางการขับรถนั้นค่อนข้างมืดไม่เหมือนกับปัจจุบันที่มีเสาไฟอยู่มากมาย ในสมัยก่อนนั้นหากว่าขับรถไปไหนมาไหนไม่ค่อยจะมีใครครับในช่วงเวลากลางคืนมากนักเพราะมันเป็นช่วงเวลาที่มืดและอันตรายในการขับรถโดยเฉพาะการนำผู้โดยสารไปไหนมาไหนนั้นยิ่งต้องระวังเช่นกัน เพราะในบางครั้งก็อาจจะมีอุบัติเหตุเกี่ยวกับการเจอโจรเข้ามาขโมยของบ้างหรือในบางครั้งก็อาจจะมีโจรที่คอยแอบดักที่จะมาจี้เพื่อที่จะเอารถด้วยเช่นกัน.
ซึ่งต้องเล่าว่าในเมื่อก่อนที่ ผู้ชายที่เป็นผู้เล่านั้นเค้าได้ทำงานเกี่ยวกับการขับรถ เขาได้ทำงานในการขับรถในช่วงเวลากลางคืนหรือกะค่ำ เป็นเวลาประมาณสองทุ่มถึงเจ็ดโมงเช้าเพื่อที่จะนำผู้โดยสารของเขาจากหาดใหญ่มากรุงเทพที่หมอชิตแห่งนี้เป็นประจำในสมัยนั้น ซึ่งข้อดีของการขับรถในช่วงกลางคืนนั้นก็คือหากวันไหนที่มีลูกค้าที่มานั่งรถตู้ของเขาได้ไม่เต็มคันในวันนั้นเขาก็จะสามารถรับลูกค้าในระหว่างทางเพื่อเป็นเงินพิเศษให้กับตัวเขาได้ ซึ่งในบางครั้งเมื่อมีลูกค้าขึ้นรถมารถได้ไม่เต็มคัน เขาก็จะคอยรับลูกค้าระหว่างทางมาโดยตลอดเพื่อที่จะเป็นรายได้เสริมให้กับตัวเขา
ในวันที่เกิดเหตุการณ์นั้นก็เป็นอย่างที่เค้าต้องการคือ ในวันนั้นมีลูกค้าที่ขึ้นมาใช้บริการได้ไม่เต็มคัน ซึ่งมีที่ว่างอยู่ประมาณเจ็ดถึงแปดที ตัวเขาก็คิดว่าเขาจะรับลูกค้าระหว่างทางเพื่อที่จะเอารายได้เสริมตามที่เขาเคยทำมา วันนั้นที่เค้าได้ขับรถนั้นเป็นการขับรถจากกรุงเทพฯ ที่จะเป็นการไล่ลงมาทางตอนใต้ พอถึงช่วงจังหวัดอยุธยานั้น ก็ได้มีลูกค้าที่ได้ดักรออยู่ระหว่างทาง จะมีอยู่ตรงทางป้อมตำรวจซึ่งลูกค้าเหล่านั้นก็รู้ดีว่า ตรงจุดนี้นั้นจะเป็นจุดที่จะมีรถคอยวิ่งมาในช่วงเวลากลางคืน ตัวเขานั้นก็ได้รับลูกค้ามาเรื่อยๆตลอดระหว่างทาง ก็มีลูกค้าเข้ามาขึ้นรถ เป็นจำนวนหนึ่ง ตัวคนเล่าก็คอยเก็บเงินจากลูกค้าเหล่านั้นมาโดยตลอดอย่างที่เขาเคยทำ พอขับรถได้ไปเรื่อยๆ เขาก็ได้ขับรถผ่านศาลามืดๆแห่งหนึ่ง ในระหว่างทางซึ่งในตอนนั้นเขาได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังนั่งเหมือนกำลังนั่งเพื่อที่จะดักรอรถของเขาอยู่ตรงศาลาแห่งนั้น ซึ่งพอรถของเขาเข้าใกล้ศาลาแห่งนั้น หลังจากนั้นเธอก็ได้ลุกขึ้นมาและได้ค่อยๆเดินออกมาจากศาลามืดๆแห่งนั้นและค่อยๆโบกมือมาที่รถทัวร์ของเขาเพื่อที่จะขึ้นรถด้วย ซึ่งตัวเขานั้นก็ไม่ได้คิดอะไร เพียงแค่คิดว่าคงเป็นลูกค้าที่จะนั่งรถติดมาด้วยตามระหว่างทางเหมือนกับคนอื่นๆเช่นกัน
หลังจากนั้นเขาก็ได้ค่อยๆที่จะจอดรถตรงศาลาแห่งนั้นเพื่อที่จะรับเธอขึ้นรถมา แต่มันมีอะไรที่ผิดแปลกไปกว่าปกติ คือโดยปกติแล้วลูกค้าที่มาขึ้นรถทัวร์นั้น เขาก็จะเป็นนั่งด้านหลังตามที่นั่งของลูกค้าตามปกติแต่ผู้หญิงคนนี้นั้น เธอได้ขึ้นมานั่งตรงข้างหน้าที่เป็นที่นั่งข้างๆของคนขับรถ ซึ่งมันไม่มีลูกค้าคนไหนเขาทำกัน มันเป็นตรงบริเวณประตูที่อยู่ข้างๆคนขับ ซึ่งตัวเขาก็ได้ถามผู้หญิงคนนี้ว่าทำไมถึงมานั่งตรงนี้ไหม ไม่ขึ้นไปนั่งข้างบนเหมือนคนอื่นๆเค้า หลังจากนั้นเธอก็ตอบกลับมาว่าเธอจะขอนั่งตรงนี้ก่อนเพราะว่า ถัดไปจากตรงนี้ประมาณห้าโล เธอจะให้จอดรถและรับแฟนของเธอที่อยู่ตรงซอยข้างทางด้วย หลังจากที่เขาได้ยินแบบนั้น เขาก็ไม่ได้คิดอะไรและคิดแค่ว่าคงดีแล้วที่มีลูกค้ามาเพิ่มในระหว่างทาง เขาก็ยอมขับรถไปเรื่อยๆตามทางตามปกติ
หลังจากนั้นเขาก็ได้ขับรถไปเรื่อยๆพอไปถึงจุดหนึ่งเธอก็ได้บอกให้เขาหยุดรถอย่างกะทันหันและบอกว่าข้างหน้านั้นมีซอยอยู่ข้างๆถนน บอกให้เขานั้นหยุดรถแล้วรับแฟนของเธอที่รออยู่ภายในซอยแห่งนั้นที หลังจากที่เขานั้นได้จอดรถแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็ได้บอกให้เขารอเธอแปปหนึ่ง เพื่อที่ว่าเธอนั้นจะได้เข้าไปตามแฟนของเธอที่อยู่ภายในบ้านในซอย ซึ่งโดยปกติแล้วตัวเขานั้นจะไม่จอดรถไว้ข้างถนนในช่วงเวลากลางคืน เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่อันตราย แต่เขาก็ยอมเธอและเขาก็ได้บอกเธอว่าให้เธอรีบเข้าไปตามแฟนของเธอ เขาจะจอดรถรออยู่ตรงนี้ หลังจากนั้นเธอก็ได้วิ่งเข้าไปในซอยมืดๆแห่งนั้นและหายไป ซึ่งพอเวลาผ่านไปได้ประมาณ 15 นาที เขาก็รู้สึกว่ามันเริ่มนานไปแล้ว ซึ่งลูกค้าคนอื่นก็เริ่มที่จะมีทีท่าที่ไม่ดีมากนัก เขาเลยให้น้องที่เป็นพนักงานอีกคนที่ได้มากับเขาด้วย วิ่งเข้าไปดูข้างในซอยเพื่อที่จะให้ไปเรียกผู้หญิงคนนั้นว่า ควรจะไปได้แล้ว แต่ไม่ทันที่ลูกน้องของเขาจะได้วิ่งไปเขาก็ได้เห็นเงาของผู้หญิงคนนั้นค่อยๆกำลังเดินออกมาจากในซอยมืดๆ เขาจึงบอกให้ลูกน้องของเขาวิ่งเข้าไปช่วยเธอ เพื่อที่จะได้เร็วขึ้น ซึ่งหลังจากที่ลูกน้องของเขาวิ่งไปหาเธอแล้ว ซักพักหนึ่งลูกน้องของเขาก็ต้องวิ่งกลับมา พร้อมกับตะโกนโหวกแหวกโวยวายว่าผีหลอก และพยายามที่จะบอกเขาให้รีบเอารถออกทันที ซึ่งตัวเขาก็งงกับที่ลูกน้องเขาบอก แต่ก็ยังไมไ่ด้ขับรถออกทันที และเขานั้นก็ได้วิ่งลงไปที่ผู้หญิงคนนั้นเพื่อที่จะดูว่ามีอะไรกันแน่ แต่พอเขาไปถึงผู้หญิงคนนั้น เขาก็ต้องวิ่งหนีกลับมา เพราะว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังลากโรงศพของผู้ชายคนหนึ่ง ที่ในโรงศพนั้นได้มีผู้ชายที่นอนอยู่ พร้อมกับมือที่ถูกผูกไปด้วยสายสินธ์ุ พร้อมกับพูดออกมาว่า “ขอติดรถไปด้วยนะครับ” หลังจากนั้นเขาก็ได้วิ่งหนีออกมาจากตรงนั้นและขับรถหนีออกมาทันที
เป็นยังไงกันบ้างครับ กับเรื่อง หญิงสาวที่ศาลาต่างจังหวัด น่ากลัวกันไหมครับ แอดเขียนแล้ว แอดยังขนลุกเลย ถ้าอยากอ่านเรื่องเล่าหลอนๆแบบนี้อีก ก็ขอให้ติดตามกันไปเรื่อยๆนะครับ บรัยบาย…
Credit ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ