บางครั้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบตัวเรานั้น มันไม่ได้มีลางบ่งบอกว่าจะเกิดขึ้นเลย เหตุการณ์บางเหตุการณ์ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ถ้าหากเป็นเรื่องดีก็เป็นสิ่งที่น่าจะดีใจ แต่ถ้าเป็นเรื่องร้ายเรื่องเคราะห์ เรื่องเจ็บป่วยหรือแม้กระทั่งเรื่องความตายแน่นอนผู้ที่ได้เจอย่อมรู้สึกที่ไม่ดีหรือเสียใจอย่างแน่นอน เรื่องของวิญญาณที่มีความผูกพันเป็นเรื่องที่อาจจะเหลือเชื่อ วันนี้แอดขอเสนอเรื่อง “สิ่งที่เขาห่วงจริงๆ” ถ้าอยากรู้แล้วว่าเป็นอย่างไร ขอให้อ่านกันให้สนุกนะครับ…
เหตุการณ์เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนหนึ่งกับสามีของเธอ ทั้งคู่ทำงานอยู่ด้วยกันที่องค์การค้ารัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง ทั้งคู่ทำงานที่เดียวกันตั้งแต่เพิ่งรู้จักกันและก็แต่งงานกันในที่สุด ที่ทำงานเธอเป็นโรงพิมพ์ที่พิมพ์แบบเรียนของนักเรียน จึงมีงานมากจนต้องมีการทำงานล่วงเวลาอยู่เสมอถ้าเป็นช่วงงานเร่ง ถึงแม้จะเหนื่อยแต่ผลตอบแทนจากค่าแรงก็คุ้มค่าจนเราสามารถเก็บเงินดาวน์บ้านแบบทาวน์เฮาส์ได้หนึ่งหลัง บ้านหลังนี้ก็ไม่ไกลจากที่ทำงานสักเท่าไหร่ ในซอยเข้าหมู่บ้านจะมีรถสองแถวรับส่งผู้โดยสารจากท้ายซอยจนถึงถนนใหญ่อยู่ เธอกับสามีใช้ชีวิตร่วมกันนานนับ 10 ปี จนมีลูกชายและลูกสาวอย่างละ 1 คน ครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวที่อบอุ่น เราทะเลาะกันแทบนับครั้งได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆเสียมากกว่า ลูกๆ ของเธอก็เป็นเด็กขยัน เชื่อฟังตลอดทั้งสองคน ทุกวันตอนเช้าเธอจะนั่งรถสองแถวออกไปทำงานพร้อมกัน ส่วนตอนกลับบ้านก็ไม่แน่นอนถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องทำล่วงเวลา เพราะเธอกับสามีทำกันคนละแผนก เธออยู่แผนกจัดซื้อ ส่วนสามีอยู่แผนกโรงงาน ถ้าเป็นเช่นนั้นต่างคนต่างกลับ
ในช่วงนั้นเธอกับสามีเธออยู่ในช่วงวัย 40 ต้นๆกัน แล้วสุขภาพก็ยังแข็งแรงทั้งคู่โดยเฉพาะสามี ถ้ามีเวลาว่างแล้วก็ชอบตั้งวงเตะตะกร้อกับพรรคพวกเพื่อนๆที่ทำงานเสมอๆ สำหรับใครไม่ได้ทำงานล่วงเวลา ก็จะมีหน้าที่จัดหาอาหารเย็นเตรียมไว้ให้ลูกๆ และคนที่เลิกงานที่หลัง การทำล่วงเวลาส่วนมากจะทำเพิ่มอีกวันละ 4 ชั่วโมง คือถ้าปกติเลิก 4 โมงเย็น ก็จะทำจนถึง 5 ทุ่มเป็นอย่างนี้ประจำ
เมื่อวันศุกร์ต้นเดือนที่ผ่านมาสามีของเธอติดงานล่วงเวลา ในตอนเย็นเธอเลยกลับบ้านคนเดียว ก่อนจากกันในตอนเย็นสามีได้บอกเธอ สั่งให้แวะซื้อปลานิลที่ตลาดไปทอดให้กินเพราะอยากกินมาหลายวันแล้ว เธอจึงกลับถึงบ้านพร้อมด้วยปลานิล 2 ตัวใหญ่ๆ จัดแจงทำอาหารไว้รอลูกๆที่กลับจากโรงเรียนปกติ พอเด็กๆกลับมาก็กินข้าวกันอย่างอร่อยและได้แยกย้ายกันเข้าห้อง โดยลูกสาวของเธอได้เข้าห้องไปและลูกชายออกไปคุยกับเพื่อนๆของเขาในหมู่บ้าน ส่วนเธอก็ยังคงทำงานบ้านให้เสร็จ พอทุกอย่างเรียบร้อยก็มานั่งดูทีวีที่ห้องรับแขก พอเวลาผ่านไปประมาณสองทุ่ม เธอมีความรู้สึกว่ามีคนเปิดประตูรั้ว บ้านเข้าใจว่าเป็นลูกชายก็เลยไม่สนใจนั่งดูทีวีต่อไป
สักครู่หนึ่งประตูบ้านซึ่งเป็นประตูมุ้งลวดก็เปิดออก โดยมีใครคนหนึ่งพร้อมกับลมวูบใหญ่พัดผ่านเข้ามาจนเธอต้องหันไปมอง นั่นคือสามีเธอนั่นเอง ตอนแรกเธอนึกแปลกใจว่าทำไมถึงกลับมาบ้านเร็วกว่าปกติ ปกติกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ประมาณสามทุ่มแล้ว เธอตั้งใจจะถามเขา แต่ไม่ทันได้ถามก็เห็นเขาเดินก้มหน้าเข้าไปในครัว เธอจึงคิดว่าเขาคงหิว จึงลุกเดินตามเขาเข้าไปในห้องครัวที่อยู่ด้านหลัง ตอนนั้นไฟในครัวยังปิดอยู่เธอเลยเปิดไฟ แต่เธอก็ไม่เห็นสามีเธออยู่ในครัวหรือว่าจะเดินไปล้างมือที่อยู่ด้านหลัง แต่ประตูก็ปิดอยู่ เธอเดินไปเปิดประตูหลังบ้านมองออกไปก็ไม่มีใคร เธอรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างประหลาด เริ่มมีความรู้สึกไม่ชอบมาพากลแล้ว เธอเดินออกไปดูหน้าบ้านสวนกับลูกชายซึ่งปิดประตูรั้วเข้ามา เธอเลยถามออกไปว่า “ตะกี้นี้เห็นพ่อหรือเปล่า” เขาเลยตอบมาว่าไม่เห็น ตลอดเวลาที่ผ่านมาลูกชายเธอก็นั่งคุยกันอยู่หน้าบ้านนี่เอง ไม่ทันที่เธอจะคิดอะไรเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอเดินไปรับโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกที่ไม่ปกติ เพราะปกติแล้วบ้านเราเวลาช่วงนี้ไม่ค่อยมีใครโทรมาบ่อยนัก
คนที่โทรมาเป็นเพื่อนร่วมงานของสามีของเธอ เขาโทรมาแจ้งข่าวที่ทำให้เธอถึงกับเป็นลมล้มทั้งยืน “สามีของคุณเป็นลมล้มฟุบบนรถสองแถวขณะจะกลับบ้านและเสียชีวิตแล้ว ก่อนที่จะถึงโรงพยาบาล” พอได้ยินแบบนั้นเธอก็คร่ำครวญพร้อมทั้งน้ำตา พวกเราพากันไปโรงพยาบาลทันที เธอร้องไห้ตลอดเวลาเพราะความเสียใจที่สามีมาจากไปอย่างกะทันหัน ยิ่งตอนที่เธอเห็นเขาเมื่อกี้ มันทำให้เธอคิดถึงตอนที่เห็นเขากลับมาบ้านและเดินเข้าครัวคงเป็นเพราะจิตผูกพันต่ออาหารที่อยากกิน พอจิตวิญญาณออกจากร่างก็วูบมาที่บ้านทันที
คืนก่อนวันเผาในขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับเธอได้ฝันเห็นสามีที่มีสีหน้าหม่นหมอง เขาบอกว่าจะไปแล้วมาบอกให้อดทนดูแลลูกๆ ให้ดีและหมั่นดูแลสุขภาพตัวเองบ้างอย่าคิดมาก คนทุกคนหนีความตายไม่พ้นหรอก เธอรู้สึกตกใจลุกขึ้นเหมือนจะเห็นเขาเดินออกจากประตูห้องนอนไป เขาอยู่ในชุดที่เขาใส่ในวันที่เสียชีวิต เธอจึงต้องร้องไห้อีกครั้งไม่ใช่เพราะความกลัว แต่มันบอกความรู้สึกไม่ถูกจริงๆ และตั้งแต่คืนนั้นเขาก็ไม่มาให้เห็นอีกเลยแม้แต่ในฝัน นั่นคงเป็นสิ่งที่เขาห่วงจริงๆ…