วันนี้แอดตั้งใจจะนำเสนอเรื่องสยองขวัญที่เกี่ยวข้องกับเจ้ากรรมนายเวร โดยหัวข้อนี้เป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมากเพราะบางคนก็เชื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่บางคนก็อาจจะเชื่อกลางๆหรือบางคนก็ไม่เชื่อเลย แต่แอดอยากจะขอให้ลองอ่านเรื่องต่อไปนี้ที่แอดกำลังจะเขียนให้ทุกคนได้อ่านก่อน บางทีความเชื่อของทุกคนที่เกี่ยวกับเรื่องของวิญญาณนั้นอาจจะเปลี่ยนไปเลยก็ได้ วันนี้แอดขอนำเสนอเรื่อง “วิญญาณที่ได้สื่อติด” ถ้าอยากรู้แล้วว่าจะเป็นอย่างไร ขอให้อ่านกันให้สนุกนะครับ บรื้อ…
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมากับผู้ชายคนหนึ่งที่ตัวเขานั้นเป็นคนที่ไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องของวิญญาณสักเท่าไหร่ แล้ววันหนึ่งเขาได้มีโอกาสไปเปิดร้ายขายของที่เกี่ยวข้องกับของน่ากลัวๆโดยที่ตัวเขานั้นก็ไม่ได้ตั้งใจ เพราะว่าตัวเขานั้นได้คบกับแฟนของเขาคนหนึ่งที่ตัวเธอนั้นได้ประกอบอาชีพเป็นคนขายของใช้และโรงศพที่ต้องใช้ในพิธีงานศพนั่นเอง ในตอนแรกก่อนที่เขานั้นจะได้คบกับเธอ ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าแฟนของเขานั้นทำงานอยู่ด้านนี้ จนกระทั่งวันหนึ่งได้เข้าไปที่บ้านของเธอและก็ได้มารู้ว่าเธอทำอาชีพแบบนี้ แต่ด้วยความที่เขากับเธอรักกันนั้นจึงทำให้มองข้ามเรื่องนี้ไปและสุดท้ายทั้งเขาและเธอก็ได้ทำอาชีพนี้ไปด้วยกัน ความรู้สึกแปลกแรกๆในตอนที่เขาเข้ามาบ้านของแฟนเขาคือ ช่วงแรกเขามักจะรู้สึกว่ามีคนมักจะมองมาที่เขาเป็นประจำ แทบจะเป็นทุกครั้งที่เขาเข้าบ้านของเธอ แล้วที่บ้านของแฟนของเขานั้นก็มีความเชื่อที่ว่าวันไหนที่จะมีคนเสียชีวิต ที่บ้านของเธอก็มักจะมีไฟขาดหรือแตกเป็นประจำ และครั้งไหนที่ไฟขาด โรงศพที่บ้านนั้นก็จะถูกขายออกไปทันทีในวันถัดไป
พอเขาทำงานแบบนี้กับแฟนของเขาได้สักพัก ตัวเขาก็รู้สึกหดหู่ทุกครั้งที่เห็นหลอดไฟที่บ้านขาดหรือแตก เพราะนั่นหมายความว่าจะมีคนขายขึ้นมาหนึ่งศพ เขาจึงตัดสินใจได้พูดกับแฟนของเขาว่า เขาจะขอแยกไปทำธุรกิจอย่างอื่นเพราะเขาทนกับสภาพแบบนี้ไม่ไหว เขาจึงได้ไปเปิดร้านขายเสื้อที่หนึ่งซึ่งในช่วงแรกนั้น มันเป็นธุรกิจที่ขายดีเป็นอย่างมาก แต่พอเวลาได้ผ่านไปประมาณเดือน-สองเดือน ธุรกิจที่ดูจะดีก็ดูแย่ลงมาทันตา จากที่ขายดีก็กลายเป็นเงียบเป็นอย่างมาก เขาจึงได้นำเรื่องนี้ไปคุยกับแฟนของเขา ซึ่งแฟนของเขาก็ได้ทักมาว่า “เขานั้นเชื่อเรื่องของเวรกรรมหรือเปล่า” เขาก็ไม่เชิงไม่เชื่อแต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก แฟนของเขาจึงจะได้พาเขาไปหาพระท่านหนึ่ง เพราะพระท่านนี้ได้ทักเธอมาหลายรอบแล้วว่า “ตัวเขานั้นควรที่จะทำธุรกิจที่เหมือนเป็นการขายของทำพิธีงานศพมากกว่าที่จะทำอย่างอื่น” พอเขาได้ไปหาพระนั้น พระก็ได้บอกกับเขาว่า “ที่อยู่ๆเขาเป็นแบบนี้นั้น เพราะตัวเขานั้นหลีกหนีสิ่งที่ตัวเขาควรจะทำและควรจะเป็น เพราะตัวเขานั้นเหมาะกับการขายของเกี่ยวกับคนตาย และตัวเขานั้นคงไปขายอย่างอื่นคงจะไม่รอด” พอเขาได้ยินแบบนั้นเขาก็ไม่ได้เชื่อและได้เถียงไปว่าชีวิตของเขาคงไม่ได้มาจดจ่อกับอะไรแบบนี้ไปตลอด
พระท่านจึงได้ถามเขาอีกอย่างว่า ตัวเขานั้นเชื่อเรื่องเจ้ากรรมนายเวรไหม ตัวเขาจึงตอบทันทีว่า “ไม่เชื่อ” พระท่านจึงแนะนำให้เขามาอีกครั้งในรอบหน้าเพื่อที่จะมาปฏิบัติธรรมเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเขานั้นมีเจ้ากรรมนายเวรติดตามตัวอยู่จริงหรือไม่ ซึ่งถ้าเขามาปฏิบัติธรรมแล้วไม่เกิดอะไรขึ้นก็หมายความว่าตัวเขานั้นไม่มีเจ้ากรรมนายเวรตามอยู่จริงๆ เขาจึงอยากจะพิสูจน์ตามที่พระท่านบอกจึงได้ตอบตกลงไป พออาทิตย์ต่อมาเขาก็ได้มาตามที่พระท่านบอก ในช่วงเช้าของการปฏิบัติธรรมนั้นทุกอย่างก็เป็นปกติดี แต่พอเข้ามาในตอนกลางคืนที่จะถึงเวลาแยกย้ายกันเป็นกลุ่มเพื่อที่จะไปนั่งสมาธิระลึกกัน โดยตัวเขานั้นได้ไปนั่งตรงป่าช้า โดยจะมีคนนำทางเขาไปที่ป่าช้าแห่งนั้น ในระหว่างที่เขานั่งสมาธิอยู่นั้น เขาก็รู้สึกว่ารอบๆตัวเขานั้นเหมือนมีคนกำลังเดินอยู่ เขาก็พยายามที่จะเปิดตาเพื่อที่จะดูว่าเสียงนั้นมาจากไหน แต่จังหวะที่เขากำลังจะลืมตา พระก็ได้ทักเขาว่าห้ามลืมตาเป็นอันขาดและขอให้นั่งสมาธิต่อไป เขาจึงคิดว่าเสียงเดินรอบๆตัวนั้นอาจจะเป็นเสียงของพระก็ได้ จึงได้ตั้งใจนั่งสมาธิต่อ
ระหว่างที่กำลังนั่งต่อนั้น เขาก็ได้ยินเสียงของคนคุยกัน เขาได้ยินเสียงของคนพูดว่าอะไรบางอย่าง และสักพักเขาก็ได้ยินเสียงของคนที่พูดว่า “พี่คะ พี่ช่วยหนูหน่อยได้ไหม หนูอยากให้พี่ช่วยหนูหน่อย” พอเขาได้ยินแบบนั้น ปากของเขาจึงได้ตอบไปว่า “หนูอยากให้พี่ช่วยอะไร” และมีเสียงตอบมาว่า “เดี่ยวพี่ก็รู้เองค่ะ” สักพักพระก็ได้บอกว่าให้หยุดได้แล้ว และขอให้ทุกคนไปพักผ่อนกัน และนั่นก็เป็นวันเดียวที่เขาได้ปฏิบัติธรรมในคืนนั้น พอเขาได้กลับไปที่บ้านของแฟนเขา ที่บ้านของแฟนเขาก็เหมือนจะมีครอบครัวหนึ่งที่มาขอโรงศพที่ร้านของแฟนเขา โดยครอบครัวนี้นั้นลูกของเขาได้ตายไป แต่ทางครอบครัวไม่มีเงินที่จะจัดงานศพหรือแม้กระทั่งซื้อโรงศพให้ลูก พอเขาเห็นแบบนั้นเขาจึงได้พอรู้แล้วว่าเสียงๆนั้นที่เขาได้ยินคืออะไร เขาจึงอาสาที่จะออกค่าโรงศพนี้ให้กับครอบครัวนี้ในที่สุด
เขาจึงพอเข้าใจกับสิ่งที่พระท่านนั้นได้พูดว่า เหมือนจะมีวิญญาณต่างๆมากมายที่ต้องการความช่วยเหลือจากการทำอาชีพนี้จากเขา มันเป็นสิ่งที่เขาเลี่ยงไม่ได้ อาจจะมาจากเจ้ากรรมนายเวรเก่าหรืออาจจะเป็นวิญญาณที่ได้สื่อติดกับเขาก็เป็นได้…