เรื่องราวเกี่ยวกับภูตผีวิญญาณนั้นหากใครที่ไม่เคยมีโอกาสได้ประสบพบเห็นมาด้วยตัวเองแล้ว ก็มักจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างยากที่จะให้พวกเขาเหล่านั้นจะเชื่อได้ว่าเรื่องของโลกหลังความตายที่หลายๆคนพูดกันอยู่นั้นเป็นเรื่องจริง เนื่องจากเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติที่เป็นอะไรที่จะหาข้อพิสูจน์ได้ยากต่อการอธิบายหรือชักนำให้ผู้อื่นคล้อยตามได้ ซึ่งพ่อของผู้เล่าเหตุการณ์ในครั้งนี้นั้น เขาก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่เชื่อว่าเรื่องของวิญญาณอย่างนี้มีจริงเพราะได้มีโอกาสได้เจอด้วยตัวเอง ทั้งที่ท่านไม่เคยเห็น ถึงเขาจะไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองสักครั้งในชีวิต และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่อง “วิญญาณของอา” ถ้าอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร ขอให้อ่านกันให้สนุกนะครับ บรื้อ…
พ่อของเขาเคยเล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งท่านเคยพบกับประสบการณ์แปลกประหลาดบางอย่างกับตัวเอง ซึ่งถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆเรื่องหนึ่ง พ่อของเขาเล่าว่าสมัยท่านยังเป็นเด็ก มีอยู่วันหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นมา มันเป็นเหตุการณ์ที่ท่านยังจำได้ขึ้นใจจนถึงทุกวันนี้ วันนั้นพ่ออยู่เฝ้าโรงเรียนหลังใหญ่คนเดียว สาเหตุที่พ่อของเขาต้องอยู่เฝ้าโรงเรียนนั้นเพราะว่าคุณอาที่เป็นน้องชายของพ่อของพ่อได้ออกไปธุระข้างนอก ซึ่งคุณอาของเขานั้นเป็นเจ้าของโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งนั่นเอง พอเวลาผ่านไปถึงช่วงกลางคืนของวันนั้น พ่อของเขาก็เข้านอนที่ห้องพักที่อยู่ในโรงเรียน มันเป็นห้องพักของผอ. พอหลับไปได้สักพัก พ่อของเขาก็ต้องมาตื่นเอากลางดึกเพราะได้ยินเสียงเรียก เสียงที่เขาได้ยินนั้นมันช่างเยือกเย็นจับใจคล้ายกับแว่วมาจากที่ไกล แต่ก็เป็นการได้ยินที่เป็นอะไรที่ชัดเจนราวกับอยู่ใกล้ตัวอย่างมาก ซึ่งพอๆฟังไปแล้วมันก็เหมือนคล้ายกับเสียงอาที่เป็นเจ้าของโรงเรียนมาเรียก
ด้วยความที่ยังเป็นเด็กอยู่ พ่อจึงไม่มีความกลัว รีบลุกออกมาจากที่นอนอยู่แล้วมุ่งไปหาเจ้าของเสียงคนเรียกทันที เสียงนั้นถอยห่างไปดังที่หัวบันได พอเดินไปใกล้ถึงต้นตอของเสียงนั้น ก็มีความรู้สึกว่าเสียงนั้นมันห่างถอยออกไปที่เชิงบันไดอีก พ่อรู้สึกแปลกใจมาก พอเดินไปถึงเชิงบันได เสียงนั้นก็ลอยห่างออกไปทางประตูรั้ว แล้วเสียงก็เงียบหายไปไม่ได้ยินนอีกเลย จึงไม่ทราบว่าใครมาเรียกกันแน่ พ่อเขารู้สึกว่ามันน่าแปลกมากและตอนนั้นก็มีสุนัขที่ตามไปด้วย 3-4 ตัว สุนัขพวกนี้ไม่เห่าหอนแต่อย่างใด เหมือนไม่มีสิ่งใดผิดปกติเกิดขึ้น พอรุ่งเช้าก็ได้รับข่าวว่าอาผู้ชายของพ่อนั้นได้เสียชีวิตลงไป ตั้งแต่เมื่อตอนเย็นเมื่อวานนี้แล้วที่ต่างจังหวัด แต่สมัยนั้นการติดต่อสื่อสารไม่สะดวก สบายเหมือนทุกวันนี้ ทางบ้านจึงยังไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ปรากฏว่า วิญญาณอาผู้ชายได้มาเรียกพ่อที่บ้านในตอนกลางดึกคืนนั้น
ต่อมาอีกระยะเวลาหนึ่งคุณย่าของพ่อมีธุระที่ต้องเข้ากรุงเทพฯ พ่อของเขาจึงต้องนอนเฝ้าบ้านคนเดียว และการอยู่คนเดียวเป็นสิ่งที่พ่อของเขามักจะคุ้นเคยมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะคุณปู่คุณย่ามักมีธุระออกไปข้างนอกยามค่ำคืนเสมอ ในคืนนั้นที่พ่อของเขาต้องอยู่บ้านเพียงคนเดียว พ่อเขาก็ได้นอนหลับคนเดียวอย่างตามเคย แต่ระหว่างนอนนั้น เขาก็มีความรู้สึกว่าตัวเอง ไม่ได้นอนอยู่คนเดียว แต่มีใครคนหนึ่งมานอนใกล้ๆ จนเขาสามารถสัมผัสไออุ่นจากร่างนั้นได้เลย ครั้งนั้นเป็นเป็นครั้งแรกที่พ่อเขาเกิดความหวาดกลัวอย่างแท้จริงขึ้นมา มันทำให้ตัวเขานั้นไม่เป็นตัวของเขาเอง เพราะประตูหน้าต่างก็ลงกลอนเรียบร้อย เขาเป็นคนปิดหมดทุกบานด้วยตนเอง แล้วทำไมถึงได้มีคนเข้ามานอนข้างๆได้แบบนี้
ซึ่งไม่ห่างจากบ้านพ่อไปเท่าใดนักก็เป็นป่าช้าของวัดแห่งหนึ่งและมีถนนเล็กๆคันกลางเอาไว้เพียงเท่านั้น นอกจากพ่อแล้วก็ไม่ควรจะมีใครอีกอยู่ในบริเวณนั้น ในยามวิกาลด้วยความหวาดกลัว แม้จะสงสัยเพียงใดพ่อก็ไม่กล้าหันไปดูว่าคนๆนั้นเป็นใครกันแน่ ได้แต่นอนเหงื่อไหลโซมตัวและตั้งใจว่าถ้าได้เห็นแสงจากรถที่ผ่านเข้ามาทางรอยต่อระหว่างพื้นกระดานกับประตูเมื่อใด จะรีบวิ่งทันที แต่ก็เป็นเวลานานกว่าจะมีแสงเข้ามาสอดส่องในห้อง แต่พอมีแสงขึ้นมา เขาก็รีบทำตามที่คิดไว้ทันที คือลุกขึ้นตลบผ้าคลุมร่างนั้นไว้แล้ววิ่งออกจากห้องนั้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วเขาก็สามารถผ้าห่มคลุมร่างนั้นไว้ได้จริงๆ มันดิ้นกุกกักๆ ให้เห็นอย่างชัดเจน แต่พอพ่อไปตามคุณปู่ย้อนกลับมาดูในห้องอีกครั้ง ปรากฏว่าทุกอย่างว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยใครให้เห็นเลย ทั้งที่ประตูทางออกก็มีแค่ทางเดียวเท่านั้น หากใครก็ตามที่นอนอยู่จะออกมาจากห้องแล้วหลบหนีไป คนในบ้านก็ต้องเห็นอย่างไม่มีทางเลี่ยงได้
นี่คือประสบการณ์ประหลาด ที่พ่อเขาได้เคยประสบมาในวัยเด็ก เขาเชื่อว่าทุกเรื่องที่พ่อเล่าเป็นเรื่องจริง เพราะพ่อผมไม่เคยโกหก หรือเป็นคนพูดจาเกินความจริงเลยสักครั้งเดียว และสิ่งที่อยู่รอบตัวของพ่อเขาอาจจะเป็นวิญญาณของอาของพ่อที่ได้เสียชีวิตไปและยังคงมีห่วงมากกว่านั่นเอง…