เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นมาเมื่อ 15 ปีที่แล้ว เป็นเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า “บอม” เมื่อ 15 ปีที่แล้วเขายังคงเด็กและอยู่ในวัยที่กำลังซน แต่สำหรับเรื่องที่เจอนั้น เขาก็รับรู้และยังคงจำความได้จนถึงทุกวันนี้ สำหรับเรื่องที่แอดจะนำเสนอคือเรื่อง ลางบอกเหตุ ถ้าอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องราวแล้ว ขอให้อ่านกันให้สนุกนะครับ…
ในตอนนั้นเขาอาศัยอยู่กับครอบครัวของเขาที่แฟชตำรวจของสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง ในแต่ละปีในช่วงฤดูหนาว ทางสถานีตำรวจจะได้จัดเหมือนเป็นทัวร์ท่องเที่ยว ให้กับตำรวจที่ปฏิบัติงานอยู่ที่นั่นและครอบครัวของตำรวจที่อาศัยอยู่ที่ในแฟชตำรวจด้วยเช่นกัน มันเป็นแบบนี้เรื่อยมาเป็นประจำในทุกๆปี สำหรับปีนี้ที่พวกเขากำลังจะไปเที่ยวทัวร์กันก็คือ เขาค้อ ที่อยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ ตัวเขาบอกว่าคืนก่อนที่เขาจะเดินทางไปเที่ยวนั้น เขาได้ดูรายการทีวีที่เกี่ยวกับสารคดี ในรายการนี้ได้บอกเรื่องเล่าของป่าเขาที่ได้พบเจอกับโครงกระดูกฝั่งอยู่ในนั้น มันประจวบเหมาะกับที่ว่าพรุ่งนี้เขาต้องไปเที่ยวเขาค้อ เขาเลยตั้งใจดูสารคดีเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ พอวันรุ่งขึ้นเขาก็ได้ออกไปรอรถทัวร์ที่จะนำพาพวกเขาไปเที่ยวกันอย่างดีใจ มีรถทัวร์ทั้งหมดอยู่ 3 คัน โดยครอบครัวเขาได้ขึ้นไปคันที่ 2 แต่สิ่งที่ทำให้เขากลัวคือเขาได้เห็นหมวกสานถูกแขวนอยู่ตรงหน้ารถ ซึ่งมันก็คงดูไม่ปกติมากนัก ในตอนนั้นเขาได้ร้องออกมาเพราะกลัวเกี่ยวกับสิ่งที่เห็น แต่โดนพ่อและแม่ของเขาปลอบจนสุดท้ายก็ได้ขึ้นไปและเดินทางสู่จังหวัดเพชรบูรณ์
หลังจากที่เดินทางมาสักพักพวกเขาก็ได้ถึงที่พักที่อยู่บนเขาค้อ ทุกคนก็ได้ต่างพากันเก็บของใช้กระเป๋ากัน พอถึงช่วงเย็นเป็นช่วงที่อากาศหนาวมาก ทุกคนก็ต่างพากันนั่งล้อมรอบกองไฟ ร้องเล่น เต้นกันอย่างสนุกสนาน พอเมื่อถึงเวลานอนแม่ของเขา ก็ได้พาเขาเข้านอน แต่อยู่ๆหลังจากนั้นไฟที่อยู่ในที่พักของเขาก็ดับลงไปแบบเฉยๆ ทุกคนที่นอนพักในรีสอร์ทก็ต่างตกใจกันเพราะเวลานั้นมันมืดมาก จนทางรีสอร์ทได้ออกมาแจ้งว่า เกิดไฟฟ้าขัดคล่องและกำลังรีบแก้ไข ด้วยความเพลียจากการเดินทางและเล่นในวันนั้น เขาก็ได้หลับลงไปแบบไม่รู้ตัว และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไฟกลับมาใช้ได้ตั้งแต่กี่โมง เช้าวันถัดมาทางทัวร์ก็ได้พาพวกเขาไปเที่ยวนอกสถานที่ และก็มีการพูดถึงเกี่ยวกับไฟดับเมื่อคืนกันด้วยท่าทีตกใจ ด้วยความเป็นเด็กเขาก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่หลังจากนั้นได้ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงคนในรถอยู่ๆตะโกนกริ๊ดร้องออกมาอย่างดัง อยู่ๆรถที่เขากำลังนั่งนั้นก็สั่นและก็พุ่งไปชนข้างทางเข้าอย่างแรง จนเสาไฟฟ้าก็ได้หักลงมาทับรถทัวร์ที่เขานั่งอยู่ หลังขายุบลงมา ของกระจัดกระจาย ทุกคนชนกัน ทุกคนที่อยู่คันเดียวกับเขาเต็มไปด้วยเลือด ตัวเขาก็ได้บาดเจ็บด้วยเช่นกัน ในตอนนั้นทุกคนต่างช่วยเหลือกันออกจากรถอย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายก็ได้มีกู้ภัยและตำรวจเข้ามาช่วยจนเสร็จเรื่องปัญหา
หลังจากนั้นทุกคนก็ต้องยกเลิกเกี่ยวกับทัวร์นี้และต่างพากันกลับบ้าน จนเวลาได้ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน วันหนึ่งที่เขาและครอบครัวกำลังนั่งดูทีวีอยู่ด้วยกัน และก็ได้บังเอิญไปเห็นสารคดีช่องหนึ่งที่ได้พูดถึงเรื่องราวของป่าเขาที่ได้พบกับโครงกระดูกถูกฝั่งอยู่ เขาจึงได้จำความเรื่องในอดีตได้ และได้ถามพ่อของเขาว่า “ทำไมวันนั้นเมื่อ 15 ปีก่อนที่เกิดอุบัติเหตุ อยู่ๆรถที่เรานั่งกันอยู่ถึงได้ไปชนเข้ากับเสาไฟฟ้าได้” พ่อของเขาจึงเริ่มเล่าว่า ในตอนนั้นพ่อกับแม่ได้เคยเห็นเด็กตัวเล็กๆสามคนได้เดินอยู่ตรงสันเขื่อน ทั้งๆที่แดดในตอนนั้นก็ร้อนถึงอากาศจะหนาว แต่ก็ไม่รู้ว่าเด็กพวกนี้ทำอะไรกัน และอยู่ๆเด็กพวกนั้นก็ล้มลงมานอนอยู่ตรงพื้นข้างถนน ซึ่งคนเป็นแม่ก็กำลังจะอ้าปากทักว่าเด็กพวกนี้ทำอะไรกัน แต่ก็โดนพ่อปิดปากเอาไว้ และอยู่ๆรถทัวร์ที่พวกเขานั่งมาคันที่สองนั้น ก็เหมือนมีคนปลดเบรคมือ ทำให้รถจะไหลลงไปข้างล่าง แต่ดีที่ว่าคนขับรถวิ่งไปเหยียบเบรคทันไม่งั้นก็คงเกิดอุบัติเหตุขึ้นก่อนหน้านั้นอีก และพอมาถึงช่วงที่เกิดอุบัติเหตุนั้น พ่อของเขาได้เห็นรถกะบะที่ขับสวนมากับรถทัวร์ ที่แรกๆก็เหมือนจะขับผ่านมาด้วยดี อยู่ๆก็เลี้ยวหลบมาชนรถทัวร์ที่พวกเขานั่งอยู่จนเกิดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ แต่ดีที่ตอนนั้นรถได้เสียหลักไปทางซ้ายมือ ไม่ใช่ทางขวามือ เพราะถ้าขวามือพวกเขาคงได้ตกเขาตายทันทีอย่างแน่นอน
นอกจากนี้แม่ของเขาเล่าว่า ตอนที่นอนพักในวันที่ไฟดับ ได้มีคนข้างห้องได้มาเล่ากับแม่ว่า เธอได้ฝันเห็นถึงคนที่ตายแล้ว แต่แม่ก็ไม่ได้มาเล่าให้ใครฟังเพราะก็จะเป็น ลางไม่ดี ซึ่งสุดท้ายแล้วตัวเขาก็มาคิดได้ว่า เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในทัวร์ครั้งนั้น มันได้มีลางบอกเหตุ บอกมาตลอดการเดินทาง ทั้งตัวเขาที่รู้สึกกลัวรถคันที่ 2 นี้ ทั้งความฝันของคนที่นอนข้างๆห้อง รวมถึงกับเด็กที่พ่อกับแม่ได้เห็นด้วยเช่นกัน…