เรื่องนี้ได้เริ่มต้นกับพี่สาวของผู้เล่าที่เธอกับพี่สาวนั้นได้พบเจอกับเรื่องราวที่เป็นเหมือนกับ ลางร้าย ที่ได้เหมือนกับมาเตือนเธอกับพี่สาวของเธอว่ากำลังจะมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกแปลก แต่ถ้าหากจินตนาการแล้วเชื่อว่าทุกคนคงขนลุกกัน ขอให้อ่านกันให้สนุกนะครับ…
ในสมัยที่เธอยังเด็กอายุประมาณ 10 ขวบ ยังจำได้ดีว่าในช่วง ระหว่างนั้นครอบครัวของเธอได้พักอาศัยอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี อาศัยอยู่ ในบ้านเช่าหลังเล็กๆ ที่ปลูกอยู่ภายในบริเวณของบ้านอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของเธอ ซึ่งแกปลูกบ้านให้คนเช่าจำนวนหนึ่ง อาจารย์ผู้เป็นเจ้าของบ้านเช่าคนนี้ ก็เป็นผู้ที่มีน้ำใจกว้างขวางเป็นอย่างมากเช่นกัน ทำให้ครอบครัวของเธอใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเช่าหลังนั้นอย่างมีความสุขตลอดระยะเวลาหลายปี ในระหว่างนั้น ภายในบริเวณบ้านเช่าจำนวนหลายหลังที่อยู่ภายในรั้วรอบเดียวกันนั้น มีอยู่หลังหนึ่งที่สนิทกับครอบครัวของเธอมาก คือครอบครัวของป้าดา ป้าดาเป็นเพื่อนบ้านที่ดีมาก สามีของแกทำงานที่เดียวกับพ่อของเธอ และลูกๆของป้าดาก็เป็นเพื่อนรักของเธอและพี่ๆเช่นเดียวกัน เธอจำได้ดีว่าลูกสาวของป้าดาคนโตอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพี่สาวของเธอ
ดังนั้นลูกป้ากับพี่สาวของเธอจึงสนิทสนมกันมาก วันหนึ่งลูกป้าได้เข้ามานั่งคุยกับพี่สาวเธอที่บ้านตามปกติ พร้อมกับมาชักชวนให้พี่สาวของเธอไปเที่ยวด้วย เนื่องจากเพื่อนๆที่โรงเรียนของเธอมีโปรแกรมจัดไปเที่ยวกันที่แห่งหนึ่งในจังหวัดเลย แต่ตอนนั้นพี่สาวรู้สึกไม่ค่อยสบาย จึงได้ตอบปฏิเสธไม่ไปเที่ยวในครั้งนั้นด้วย โดยกําหนดการไปเที่ยวคือค้างคืนนึง ซึ่งโปรแกรมการไปเที่ยวในครั้งนั้น เป็นการไปเที่ยวเฉพาะในกลุ่มเพื่อนซึ่งเป็นผู้หญิงด้วยกันทั้งนั้น ความจริงแล้วพี่สาวก็อยากจะไปเที่ยวในครั้งนี้ด้วยเหมือนกัน เพราะอยากจะไปสนุกกับเพื่อนๆ พี่สาวอยากจะไปเที่ยวมานานมากแล้ว แต่ก็ไม่มีโอกาสไปเสีย ที เมื่อมีโอกาสตัวเองกลับรู้สึกไม่ค่อยสบายเสียอีก จึงเป็นสิ่งที่ทำให้พี่สาวรู้สึกเสียดายที่ต้องพลาดโอกาสดีๆอย่างนี้ไปอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนหน้าที่จะถึงวันเดินทาง ลูกป้าก็มักจะทำอะไรแปลกๆให้เห็น อย่างเช่น มักจะนั่งเหม่อลอย นิ่งเงียบเศร้าซึม เจอหน้าใครก็มักจะพูดเพื่อแสดงความรู้สึกที่มีต่อคนๆนั้น อย่างเช่นกับพี่สาวของเธอ ลูกป้ามักจะเดินมาหามาคุยพร้อมกับบอกว่ารักพี่สาวมาก เสียดายที่มีเวลาได้คบกันน้อยเกินไป หรือกับแม่ของตัวเอง เธอก็บอกว่าการไปเที่ยวครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะหลังจากนั้นคงไม่มีโอกาสอีก เมื่อแม่ของเธอถามว่าทำไมถึงพูดอย่างนั้น เธอก็ได้แต่บอกว่าเพราะใกล้ถึงกำหนดสอบไล่ปลายปีแล้วคงไม่มีโอกาสไปเที่ยวอีก ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ หลายคนได้รับรู้แต่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่ามันจะเป็นคำพูดที่บ่งบอกถึงลางร้ายบางอย่างบ้างเลย
คืนก่อนหน้าวันเดินทางนั้นทั้งคืนพี่สาวเล่าให้เธอฟังว่า ได้ฝันเห็นลูกป้ามานั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าบ้าน ใครถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ ได้แต่นั่งร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าเสียใจอย่างหนัก ในฝันนั้นใบหน้าของลูกป้าดูหมองคล้ำและสวมใส่เสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อน ดูสกปรกเลอะเทอะ ผิดกับในความเป็นจริง เรื่องนี้พี่สาวไม่ได้เล่าให้ใครฟัง พอเวลาผ่านไป หลังจากที่ลูกป้าได้เดินทางออกจากบ้านไปก็ได้มีสิ่งแปลกๆเกิดขึ้น นั่นก็คือในช่วงตอนค่ำ หมาที่อยู่ในละแวกบ้านเห่าหอน โดยไม่ทราบสาเหตุ เพื่อนบ้านบางคนที่อยู่ใกล้กันและไม่รู้ว่าลูกป้าไม่อยู่บ้าน แต่กลับเห็นลูกป้านั่งอยู่บนชานบ้าน นั่งสงบนิ่งอยู่ตรงนอกชาน ในลักษณะอาการของคนที่เหม่อลอยและเศร้าซึม บางคนเห็นว่าเธอเดินวนอยู่ตรงใต้ถุนบ้านของตนเอง และมีบางคนเห็นว่าเธอได้มานั่งอยู่ตรงข้างๆพี่สาวของเธอ ซึ่งมักจะมานั่งเล่นตรง หน้าบ้านในช่วงหัวค่ำเสมอๆ ซึ่งพอพวกเขาได้เห็นแบบนั้นแรกๆก็ยังไม่คิดอะไร
เพราะว่าทุกคนที่ได้เห็นลูกป้า ไม่มีใครรู้ว่าเธอไม่อยู่บ้าน พอเวลาผ่านไป ทางครอบครัวของเธอได้รับข่าวจากเพื่อนของพี่สาวว่า ลูกของป้าข้างบ้านได้เสียชีวิตแล้วตั้งแต่เดินทางออกไปเที่ยว เนื่องจากเสียหลักลื่นพลัดตกเขา มันเป็นจริงอย่างที่หลายคนคาดการณ์เอาไว้ แต่ไม่มีใครกล้าพูด อะไรออกมา เนื่องเพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่ปรากฏขึ้นมานั้น มันบ่งบอกถึงลางร้ายได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการที่มีเพื่อนบ้านเห็นลูกป้ามาปรากฏตัวอยู่ที่บ้าน ทั้งๆที่ความจริงแล้วเธอไม่ได้อยู่ ฝันร้ายของพี่สาวเธอในก่อนวันเดินทาง สำหรับเธอและพี่สาวรวมถึงผู้คนที่ได้สัมผัสกับลางร้ายนี้ต่างรู้สึกไม่ดีกัน ดังนั้นทุกคนจึงพากันไปงานศพของลูกของป้า และได้จุดธูปและขอโทษสิ่งต่างๆที่พวกเธอนั้นได้รู้สึก แต่ไม่ได้ห้ามกรานเอาไว้ ไม่ให้เธอไปเที่ยว นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เธอนั้นเชื่อว่า ลางร้ายนั้นหากเรารู้สึกแล้วก็ควรจะรีบแก้ไข ก่อนเกิดเหตุการณ์ไม่ดีตามมา…