สำหรับเรื่องราวสยองขวัญในครั้งนี้เป็นเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่ได้เกิดขึ้นมากับตัวเขาตอนที่เขาได้ย้ายเข้ามาทำงานที่กรุงเทพใหม่ๆ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาได้ประมาณ 7 ปีที่แล้ว และตอนนั้นเขาก็ไม่รู้วิธีการเดินทางมากนัก ด้วยความที่เขายังไม่มีรถหรือมีคนรู้จักที่นั่นทำให้เขาต้องใช้รถเมล์เป็นพาหนะในการเดินทาง และนี่จึงได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้กับเรื่อง “รถเมล์รอบสุดท้าย” ถ้าอยากรู้แล้วว่าเป็นอย่างไร ขอให้อ่านกันให้สนุกนะครับ บรื้อ..
ช่วงที่เขาเข้ามากรุงเทพแรกๆ เขาตั้งใจจะทำงานในร้านดนตรีหรือตามผับต่างๆ แต่ก็ไม่มีร้านไหนที่รับเขาเข้าทำงานเลย ในวันนั้นด้วยความที่เขามีเงินอยู่ไม่มากนักและเขาก็ไม่ได้งานตามที่เขาวางแผนเอาไว้ ทำให้เขารู้สึกเฟลเป็นอย่างมากที่เขาไม่สามารถหางานได้ และตอนนั้นเขาก็ไม่มีเงินพอที่จะต้องไปเปิดห้องโรงแรมเลย ทำให้เขานั่งคิดอยู่สักพักหนึ่งและเขาก็ตัดสินใจว่า เขาจะไปนอนพักที่สถานีรถเมล์แทนก่อนในคืนนี้ เพราะอย่างน้อยก็น่าจะปลอดภัยกว่าที่จะต้องไปนอนตามข้างถนนนั่นเอง เขานั้นไม่ได้คิดอะไรมากเขาก็ได้หอบกระเป๋าของเขาทั้งหมดไปนั่งรอรถที่จุดรอรถ แถวที่เขารอรถอยู่นั้นไม่ค่อยมีรถหรือคนผ่านมามากนัก เพราะมันเป็นช่วงเวลาประมาณ 3 ทุ่มเข้าให้แล้ว
เขาก็ได้แต่นั่งคิดกังวลว่าจะมีรถมารับเขาไปไหม เพราะเขาก็ไม่รู้ว่ารถจะหมดตอนไหน แต่ระหว่างที่ตัวเขานั่งคิดอยู่นั้นเขาก็ได้สังเกตเห็นป้ายที่ติดอยู่ตรงเสาที่อยู่ข้างๆที่นั่งของเขาว่า “มันเป็นป้ายที่ติดประกาศตามหานักศึกษาที่หายไป ซึ่งบริเวณที่เห็นล่าสุดนั้นก็คือป้ายรถเมล์นั่นเอง” พอเขาได้เห็นข่าวแบบนี้แล้วนั้นเขาก็รู้สึกกลัวและระแวงขึ้นมาเพราะกลัวว่าจะเป็นป้ายรถเมล์ที่เขากำลังนั่งอยู่นั่นเอง พอเขานั่งรถไปได้ประมาณ 20 นาทีกว่าๆเขาก็ได้เห็นแสงจากทางไกลๆกำลังจะขับเข้ามาทางที่เขา และพอใกล้เข้ามาเรื่อยๆก็รู้ทันทีว่าแสงไฟที่เขาเห็นนั่นก็คือแสงของรถเมล์ พอเห็นแบบนั้นใจของเขาก็ชื่นขึ้นมาและเขาก็รีบลุกและโบกรถเมล์ทันที พอรถเมล์เห็นเขาที่กำลังโบกก็ได้เข้ามารับเขาทันที
รถเมล์ที่เขาขึ้นนั้นเป็นรถเมล์สีแดงที่มีลักษณะเก่าๆ เพราะว่าสีของรถเมล์รอบข้างนี้มันถลอกอยู่พอสมควร แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่รอช้าและขึ้นไปทันที แต่พอขึ้นไปแล้วเขาก็เห็นทันทีว่าข้างในนั้นเก่ากว่าข้างนอกเสียอีก เบาะที่นั่งส่วนใหญ่ก็ขาดออกหมดแล้ว และไฟภายในรถก็ไม่มีเช่นกัน จะมีก็เพียงไฟท้ายรถเพียงเท่านั้นที่ส่องทะลุกระจกเข้ามา พอเขามองไปรอบๆก็เห็นว่ารอบๆไม่มีคนนั่งอยู่เลยมีเพียงแต่เขาเพียงคนเดียว และเขาก็ได้สังเกตเห็นตรงเบาะที่นั่งสุดท้ายมีป้ายเขียนติดอยู่ว่านั่งตรงนี้เพียงเท่านั้น เขารู้สึกแปลกๆแต่เขาก็เดินไปนั่งตรงป้ายนั้นทันที และรถเมล์ก็ขับออกมาทันที พอเขานั่งรถไปสักพักโทรศัพท์ของเขาก็ได้รับข้อความปริศนาขึ้นมาในโทรศัพท์ว่า “สวัสดีผู้โชคร้าย” เขาก็รู้สึกงงทันทีพอเห็นข้อความนี้ว่ามันหมายความว่าอะไร แต่ไม่ทันที่จะคิดไปไกลข้อความต่อไปก็ปรากฏขึ้นมาว่า “คุณแย่แล้วหล่ะที่ขึ้นมารถเมล์คันนี้ รถเมล์คันนี้อันตรายมาก และมันคงไม่ทันแล้ว เพราะคุณได้ขึ้นไปแล้ว” ระหว่างที่เขากำลังจะพิมกลับไปถามว่าใครกันแน่ แต่ไม่ทันที่จะพิมเสร็จ ก็มีข้อความตอบกลับมาอีกรอบว่า “ไม่ต้องสนใจว่าเขาเป็นใคร หาทางลงจากรถให้ได้เร็วที่สุด”
ด้วยความเขาก็ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ส่งข้อความมา แต่ต้องพูดได้เลยว่าข้อความนี้นั้นทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมาทันทีเพราะดื่มทีแล้วนั้นเขาก็รู้สึกแปลกๆกับรถเมล์คันนี้อยู่ ในระหว่างที่เขากำลังจะลุกขึ้นมาและบอกให้คนขับรถช่วยหยุดรถให้เขาลงนั้น เขาก็ต้องชะงักเพราะว่าก่อนหน้านี้ที่เขาไม่เห็นว่ามีคนอื่นนั่งอยู่บนรถเมล์คันนี้ก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเขาเห็นคนนั่งอยู่บนรถเมล์คันนี้อีก2-3คนที่นั่งอยู่ตรงบริเวณข้างหน้าของเขา เขาก็ได้คิดแง่ดีว่าสงสัยคงเป็นช่วงที่เขากำลังสงสัยเรื่องโทรศัพท์เลยไม่ได้สังเกตว่ามีคนขึ้นรถมา เขาจึงได้ลุกขึ้นมาและค่อยๆเดินไปข้างหน้าเพื่อที่จะไปหาคนขับรถและบอกให้เขาช่วยจอดรถให้เขาลงหน่อย เขาก็ได้เห็นตรงหางตาของเขาว่าคนที่นั่งข้างหน้าของเขาหันมามองเขากันทั้งหมด มองชนิดที่ว่าเหมือนเขากำลังทำอะไรผิดสักอย่าง แต่เขาก็ใจดีสู้เสือและเดินตรงไปข้างหน้า พอเขาถึงข้างหน้าและได้บอกคนขับรถ คนขับรถก็บอกว่าจะจอดให้เขาลงทันที
แต่ระหว่างที่เขากำลังจะเดินไปรอที่ตรงประตูนั้นเขาก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็นข้างหน้าอีกครั้งเพราะว่า เขาได้เห็นมีคนนั่งอยู่ตรงที่เขานั่งก่อนหน้านี้เต็มไปหมด เขาได้เห็นคนประมาณ 5 คนนั่งอยู่ตรงที่เขานั่งก่อนหน้านี้ สีหน้าของทุกคนที่เขาเห็นทั้งซีดและน่ากลัว จังหวะนั้นเขารู้สึกกลัวทันทีและได้ตะโกนให้คนขับรถจอดรถทันที พอคนขับรถจอดรถให้เขา เขาก็ได้รีบวิ่งลงรถมาทันทีและได้มองกลับไปที่รถเมล์อีกครั้ง ซึ่งสิ่งที่เขาได้เห็นเป็นครั้งสุดท้ายของรถเมล์คันนี้คือ คนยื่นหน้าออกมาจากทางกระจกด้านข้างและยิ้มมาให้เขา…
และนี่ก็คือทั้งหมดของเรื่อง รถเมล์รอบสุดท้าย ถ้าชอบเรื่องราวจริงและสยองขวัญแบบนี้ ก็ขอให้ติดตามกันไปเรื่อยๆนะครับ สำหรับครั้งนี้บรัยบาย…