ในสมัยก่อนนั้นผู้คนมักจะตายกันจากโรคระบาดที่พลัดพลากชีวิตของผู้คนในสมัยก่อนไปมากมาย และหากพูดถึงซากศพและร่างอันไร้วิญญาณของผู้คนที่อยู่ในหมู่บ้านหรืออยู่ตามสถานที่ชนบทในสมัยก่อนนั้น จะมีการทิ้งศพกันอยู่เกลื่อนพื้นที่ทั้งภายในป่าอันเงียบสงัดหรือตามวัดก็สามารถเห็นศพของผู้คนที่ได้ตายไปจากโรคระบาดเหล่านั้น แต่นอกเหนือจากโรคระบาดที่ทำให้ผู้คนในสมัยก่อนต่างกลัวกันแล้ว นอกจากนี้ได้มีเรื่องๆหนึ่งเป็นเรื่องเล่าที่ทางผู้คนสมัยก่อนได้พูดถึงกันจากปู่ย่าตายายสู่ลูกหลาน เกี่ยวกับเรื่องราวของผู้ที่ตายไปแล้ว แต่ร่างกายยังตายไม่สนิท ยังคงหิวกระหายและตามกินเหล่าผู้คนไปเรื่อยๆ วันนี้แอดขอนำเสนอเรื่อง “ผีห่ามากินคน” นี่เป็นความเชื่อของคนในสมัยก่อน ขอให้ทุกคนอ่านกันเพื่อความสนุกและความบันเทิง ขอให้สนุกกับการอ่านนะครับ…
ในหมู่บ้านๆหนึ่ง เป็นหมู่บ้านที่มีประชากรไม่ได้เยอะ มีอยู่เพียงประมาณ 50 คน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พูดถึงยายจันทร์กับหลานของแก ทั้งครอบครัวของยาย มีเพียงกันอยู่ 3 คนยายหลาน พวกเขาไม่มีที่ดินที่บ้านเหมือนกับคนอื่นๆเขา ในแต่ละวันทั้งยายและหลานต้องดิ้นรนชีวิตโดยการเผาถ่านเพื่อนำไปขายเพื่อที่จะเอาเงินมากินและใช้ภายในครอบครัว ในทุกๆวันพวกเขาต้องเดินทางเข้าไปในป่าเพื่อตามหาไม้ที่แก่หรือกำลังใกล้ตายเพื่อที่จะนำไม้เหล่านั้นมาเผาและทำมาเป็นถ่าน การเข้าป่าในแต่ละครั้งใช้เวลานาน กว่าจะได้ออกจากป่า ก็เป็นเวลาค่ำมืดไปเสียแล้ว วันหนึ่งหลังจากที่กลับมาจากป่าแล้ว ยายจันทร์ได้เกิดอาการป่วยที่มาจากโรคห่า (ซึ่งสมัยก่อนโรคห่านั้นเป็นขึ้นมาได้ง่ายมาก) เวลาผ่านไปได้ไม่กี่วัน หลานๆก็เริ่มมีอาการเหมือนกับยายของแก มีอาการไอและป่วยล้มกันไปตามๆกัน ไม่มีแรงแม้แต่จะเดินหรือลุกนั่งไปไหนเลย เพราะโรคห่ามันเรื้อยรังไปทั้งร่างกายแล้ว แต่ด้วยความรักของยายที่มีต่อหลาน ยายก็ยังคงลุกขึ้นมาหุงข้าวหาอาหารให้หลานๆได้กินกัน
แต่มันเป็นเช่นนั้นได้เพียงไม่กี่วัน อาการมันก็เริ่มรุนแรงขึ้นจนไม่สามารถที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรได้แล้ว ด้วยความที่กลัวว่าหลานจะอดอยาก ยายจึงตัดสินใจตัดชิ้นส่วนเนื้อของตัวเองให้กับหลานได้กินไปเพื่อประทังชีวิตของหลานๆ จนเวลาผ่านไปแผลก็เริ่มเน่าและยายก็ทนอาการบาดเจ็บไม่ไหว จนสุดท้ายก็ได้ล้มตายไปในที่สุด หลังจากนั้นเมื่อไม่มียายแล้ว ด้วยอาการหิวโหยจากการไม่ได้กินอะไรของหลานๆ ในช่วงเวลากลางคืนหลานๆของแก ก็เริ่มที่จะลุกขึ้นมากินศพที่ไร้วิญญาณของยายจันทร์อย่างไร้สติ จนกระทั่งไม่เหลืออะไรเลย พอเวลาผ่านไปกลิ่นศพ กลิ่นเน่าเริ่มฟุ้งออกมาภายในหมู่บ้าน ทำให้คนในหมู่บ้านต่างสงสัยกันว่ากลิ่นเน่านี่มาจากที่ไหนกันแน่ จนเวลาผ่านไปเป็นเดือนกลิ่นเหล่านั้นก็เริ่มจางหายไปบ้างแล้ว แต่กลิ่นเหล่านั้นจะกลับมาอีกครั้งเมื่อถึงวันพระใหญ่ กลิ่นจะลอยฟุ้งเข้าตามบ้านของคนในหมู่บ้านอย่างรุนแรง
จนสุดท้ายชาวบ้านได้ตัดสินใจที่จะหาต้นตอของกลิ่นเน่าศพนี้ จากการหาที่มาของกลิ่นเน่ามาได้สักพักหนึ่ง จนสุดท้ายได้เดินมาถึงบ้านของยายจันทร์ ชาวบ้านก็ต้องต่างตกใจกันเพราะได้เห็นศพสามศพนอนเรียงกันอย่างน่าสงสาร ศพของทั้งสามยายหลาน ร่างกายเหลือเพียงแต่กระดูก มีหนอนอยู่เต็มตัวกลิ่มเหม็นโชยออกมาอย่างรุนแรง ด้วยความกลัวว่าถ้าเข้าไปเอาศพของทั้งสามออกมาจะทำให้ตัวเองติดเชื้อโรคห่า ทำให้ไม่มีใครในหมู่บ้านที่กล้าจะเอาศพออกมาและปล่อยให้ศพยังคงนอนอยู่ในนั้นต่อไป
ได้มีเรื่องเล่าจากคนในหมู่บ้านว่า กลางดึกคืนหนึ่ง คืนนั้นเป็นวันพระใหญ่ ได้มีผู้ชายคนหนึ่งมาจากหมู่บ้านอื่น เขาเดินทางมาหาปลาที่แถวบริเวณบ้านของยายจันทร์ เขาไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับการตายของยายและหลานภายในบ้านนั้น จนกระทั่งเข้าได้เดินผ่านตรงบริเวณบ้านของยายจันทร์ ด้วยความสงสัยจึงได้เดินมองเข้าไป ผู้ชายคนนั้นเขาได้เห็นเด็กสองคนกำลังนั่งกินอะไรอยู่สักอย่าง เขาจึงตั้งใจที่จะเดินเข้าไปทักทายตามประสาชาวบ้านที่มาหาปลา เพราะสงสัยด้วยว่านี่มันเป็นเวลากลางคืนมากเข้าแล้วทำไมเด็กๆถึงยังไม่นอน พอได้เดินเข้าไปใกล้ๆเขาก็ต้องตกใจเพราะสิ่งที่เขาเห็นนั้นเป็นร่างกายของเด็กที่เนื้อแหว่งกำลังนั่งแคะกินศพของใครไม่รู้อย่างน่าสยดสยอง พอเขาได้เห็นแบบนั้นเขาก็ต้องวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต พร้อมกับตะโกนตลอดการวิ่งจนทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างแตกตื่นกันหมด เรื่องราวของชายหาปลาก็เริ่มมีการพูดถึงภายในหมู่บ้านกันนั่น
วันดีคืนดีก็มีการพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องนี้กันว่า พวกเขาได้เห็นคนที่ได้ตายไปจากโรคห่า ต่างลุกขึ้นมากินศพกันเอง จนชาวบ้านได้เรียกกันว่า “ผีห่ามากินคน” กันนั่นเอง เหตุการณ์เรื่องนี้ในสมัยก่อน ทำให้ชาวบ้านต่างไม่กล้าที่จะออกจากบ้านกันในเวลากลางคืนเพราะกลัวว่าผีห่าจะมากินพวกเขากัน นี่ก็คือทั้งหมดของเรื่องราวที่มีการพูดถึงกันมาในสมัยก่อน ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้นั้นไม่มีใครยืนยันได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องที่แต่งขึ้นมาเพื่อไม่ให้เด็กออกมาจากบ้านในเวลากลางคืนกันแน่ แต่ที่แน่ๆคือมันได้เป็นตำนานที่พูดถึงกันมาจนถึงปัจจุบันเลยก็ว่าได้นะครับ… เว็บตรงฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ