เหตุการณ์นี้เป็นประสบการณ์โดยตรงที่เกิดขึ้นมากับชายคนหนึ่งกับเพื่อนๆของเขา ตัวเขานั้นมักจะชอบนัดกับเพื่อนของเขาขี่รถมอไซต์ไปเที่ยวที่ต่างจังหวัดเป็นประจำ ซึ่งการไปเที่ยวที่ต่างจังหวัดในครั้งนี้นั้น ตัวเขากับเพื่อนๆก็ต้องได้เจอกับเรื่องแปลกๆ วันนี้แอดขอนำเสนอเรื่อง “ผีที่อุทยาน” ถ้าอยากรู้แล้วว่าเป็นอย่างไร ขอให้อ่านกันให้สนุกนะครับ…
ตอนที่เขานั้นได้คุยกับเพื่อนซึ่งได้มีตัวเขากับเพื่อนอีก 2 คน ที่ตกลงที่จะไปเที่ยวกันในวันหยุด สถานที่ที่พวกเขาตกลงกันนั้นจะเป็นอุทยานแห่งหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ไกลจากกรุงเทพมากนัก พวกเขาตั้งใจว่าจะไปกางเต้นท์นอนสัก 2 คืนแล้วกลับ โดยพวกเขาตั้งใจจะขับมอไซต์ไปกันเรื่อยๆแบบไม่รีบมากนัก พอวันหยุดพวกเขาก็เดินทางกันในตอนเช้าและได้ถึงสถานที่ปลายทางในช่วงตอนเย็น พอพวกเขาได้เดินทางไปถึงก็ได้รู้ว่ามี 2 สถานที่ที่ในอุทยานที่สามารถนอนได้นั่นก็คือตรงบริเวณหน้าอุทยานกับเข้าไปข้างในอุทยานภายในป่าอีกซึ่งต้องเดินทางอีกประมาณ 20 กิโลเมตร ในตอนแรกพวกเขาตั้งใจจะนอนพักที่ด้านหน้าอุทยาน แต่แล้วพอเดินทางไปถึงก็ได้พบกับเด็กนักเรียนมากมาย เหมือนจะเป็นเด็กนักเรียนที่มาเข้าค่ายกัน พอเห็นว่ามีเด็กนักเรียนมกันมาก เขากับเพื่อนๆเลยคุยกันว่าจะเข้าไปพักอีกทีหนึ่งที่ต้องเดินทางเข้าไปอีกสักพักหนึ่ง แต่แล้วพอเขาเดินทางเข้าไปได้นิดเดียว เขาก็ได้พบกับไม้ที่กั้นขวางทางเอาไว้ไม่ให้เดินทางเข้าไปข้างใน
แต่แล้วข้างๆตรงที่เป็นไม้กั้นนั้นมีทางที่สามารถขับรถมอไซต์เข้าไปได้ พอเพื่อนเขาเห็นแบบนั้นก็ได้ขับรถเข้าไปทันทีโดยไม่คิดว่าจะผิดหรือถูก โดยที่เพื่อนของเขาทั้งสองคนได้ขับรถนำไปแบบรวดเร็ว พอเขาขับไปเขาก็ได้คาดกับเพื่อนๆ ไม่เห็นเพื่อนๆข้างหน้าแล้ว ในตอนนั้นเขาเริ่มมีอาการกลัวขึ้นมา กลัวทั้งสัตว์ป่าและสิ่งที่มองไม่เห็นเพราะตอนนั้นมันมืดแล้ว เขาจึงได้แข็งใจรีบขับต่อไป ตลอดการขับรถของเขานั้นเขาต้องคอยหลบหลุมที่อยู่ตามทางและแอ่งน้ำที่เต็มอยู่ตลอดทาง รอบตัวเขาก็มีแต่ป่ามืดทืบ เขาได้ขี่ไปได้สักพักก็ยังไม่พบเพื่อนของเขาอยู่ดี ในตอนนั้นเขาเริ่มคิดแล้วว่าจะขับรถกลับไปก่อนดีไหมหรือจะขับต่อไปเพราะรู้สึกกลัว แต่แล้วเขาก็ได้เห็นไฟท้ายรถของเพื่อนเขาขึ้นมา เขาจึงได้รีบขับรถตามไปพร้อมกับบีบแตรใส่และเรียกเพื่อนๆ ในตอนนั้นเขาพยายามที่จะตะโกนเรียก บีบแตร อย่างดัง แต่เพื่อนๆของเขาก็ไม่ยอมชะลอรถและขับต่อไป เหมือนกับพวกเขาไม่ได้ยิน ทั้งๆที่ตัวเขากับเพื่อนนั้นห่างกันประมาณ 5 เมตรเท่านั้น
ตอนนั้นเขาคิดได้แค่ว่าคงมีอะไรมาบังหูบังตาเพื่อนๆของเขาเป็นแน่ พอคิดได้แบบนั้นเขาก็ได้สวดมนต์ขึ้นมาหนึ่งบท และได้ลองบีบแตรเรียกอีกครั้ง และครั้งนี้เพื่อนของเขาก็ได้ยินและได้เบรคจอดรอเขาขึ้นมา เขาจึงได้ต่อว่าเพื่อนเขาว่าเรียกตั้งนานทำไมไม่รอเขาเลย ซึ่งเพื่อนเขาก็ตอบว่าพวกเขาไม่ได้ยินเสียงเรียกใดๆจากเขาเลย มองกระจกด้านหลังก็ไม่เห็นไฟรถสักคัน ซึ่งเพื่อนของเขาทั้งสองยืนยันว่าไม่ได้ยินหรือเห็นเขาเลยก่อนหน้านี้ พวกเขาจึงขับรถกันไปต่อเรื่อยๆ จนได้ไปถึงจุดที่พักที่สองกัน พอได้ถึงจุดกางเต้นท์ทุกคนจึงช่วยกันกางเต้นท์เพื่อที่จะได้นอนกัน แต่ขณะที่กำลังกางเต้นท์อยู่นั้น ได้มีเจ้าหน้าที่อุทยานคนหนึ่งเดินเข้ามา เจ้าหน้าที่ได้เดินมาบอกว่า “เดินทางเข้ามาได้อย่างไร” ซึ่งพวกเขาก็ได้ตอบแบบโกหกไปว่า เดินทางมาถึงสักพักแล้วแต่มัวแต่ถ่ายรูปอยู่เลยทำให้มาถึงช้ากัน เจ้าหน้าที่คนนั้นจึงได้แนะนำให้พวกเขาไปนอนที่บ้านพักที่อยู่ข้างๆนั้น เพราะตอนนี้เป็นช่วงฝนตก ถ้าพวกเขากางเต้นท์ไปฝนอาจจะตกได้ ซึ่งมันน่าแปลกใจที่เจ้าหน้าที่ไม่ว่าแถมให้พวกเขาไปนอนพักที่บ้านพักนั่นอีก แต่เขากับเพื่อนก็รับคำเสนอของเจ้าหน้าที่คนนั้นโดยดี
พอพวกเขาเข้าห้องพักที่อยู่ภายในบ้าน ปรากฏว่าภายในนั้นมีเตียงอยู่สองเตียง พวกเขาเลยขยับเตียงเข้ามาชิดกันเพื่อที่จะได้นอนกันสบายๆ แต่ขณะที่กำลังขยับก็ได้มีเศษเหรียญตกลงมา แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรและทำต่อ พอพวกเขาเก็บของเสร็จแล้วก็ได้แยกย้ายกันไปอาบน้ำ ซึ่งได้มีเพื่อนคนหนึ่งได้เดินไปอาบน้ำก่อน พอเวลาผ่านไปสักพักเขาก็วิ่งมาด้วยสีหน้าที่เหมือนตกใจ เขาได้เห็นสีหน้าของเพื่อนจึงรู้ว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆจึงได้ถามออกไป ซึ่งเพื่อนของเขาได้ตอบมาว่า ขณะที่กำลังเดินไปอาบน้ำ เขาได้เห็นเด็กคนหนึ่งวิ่งตัดหน้าเขาเข้าไปในห้องน้ำ ด้วยความที่เขาอยากรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นใครกันแน่เลยมองเข้าไป แต่ปรากฏว่าไม่พบกับเด็กที่ไหนเลยทั้งสิ้น พอเขาได้ยินแบบนั้นเขาก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน จึงได้พากันเดินไปดูพร้อมๆกันว่ามีอะไรอีกหรือไม่ แต่แล้วพอเดินไปถึงเขากับเพื่อนๆก็ไม่พบเจออะไร แต่ตอนนั้นเพื่อนของเขารู้สึกกลัวมากๆแล้ว จึงได้ขอร้องว่าให้ไปนอนข้างนอกกันดีกว่า เพื่อความสบายใจเขาจึงได้ทำตามที่เพื่อนขอ
พอมาถึงในตอนเช้าเขากับเพื่อนๆก็ได้ออกมาสูดบรรยากาศภายนอกกันอย่างมีความสุข แต่แล้วเขาก็ได้พบกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่มาถามว่าพวกเขาเข้ามาได้อย่างไรทั้งๆที่บริเวณตรงนี้นั้นถูกปิดชั่วคราว ซึ่งเขาก็ได้อธิบายไปตามความจริงในครั้งนี้พร้อมเล่าเรื่องที่มีเจ้าหน้าที่รับรู้แล้วเมื่อคืน แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจที่ว่า เมื่อคืนไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ ณ บริเวณนี้เลย ซึ่งสิ่งที่พวกเขาเจอนั้นอาจจะเป็นผีที่อุทยานก็เป็นได้….