สำหรับวันนี้นั้นแอดได้นำเรื่องเล่าสยองขวัญที่เกี่ยวกับป่ามาให้ทุกคนได้อ่านกัน ซึ่งแอดเชื่อว่าใครหลายๆคนนั้นก็คงรู้กันดีว่าเรื่องสยองขวัญที่เกิดขึ้นภายในป่านั้นอาจจะสามารถเกิดขึ้นมาได้มากมายหลายอย่าง ในบางครั้งคุณอาจจะได้เจอวิญญาณของผีที่สิงสถิตอยู่ภายในป่า หรือบางครั้งคงอาจจะได้เจอกับผีป่าผีเขา ในป่านั้นมีวิญญาณอยู่มากมาย วันนี้แอดจึงได้นำเรื่องผีในป่ามาให้ทุกคนได้อ่านกัน วันนี้แอดขอนำเสนอเรื่อง “ปากของเธอ” ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ขอให้ทุกคนอ่านกันให้สนุกนะครับ บรื้อ…
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องย้อนกลับไปประมาณ 14 ปีที่แล้ว ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ตัวเธอนั้นได้ข่าวเรื่องงานบวชของเพื่อนเธอคนหนึ่งที่อยู่ในต่างจังหวัดที่อยู่ทางภาคเหนือนั่นก็คือจังหวัดเชียงใหม่ เธอก็ได้ไปเข้าร่วมงานบวชของเพื่อนของเธอตั้งแต่วันแรกที่เขาบวชเธอก็ได้ไปเข้าร่วมงาน เธอนั้นตั้งใจว่าจะอยู่ดูพระเพื่อนของเธอสักประมาณ 3-4 วันก่อนที่จะกลับกทม. เพื่อที่จะไปทำงานกันต่อ โดยวัดที่เพื่อนเธอบวชอยู่นั้นเป็นวัดที่อยู่ในป่าโดยรอบๆของวัดนั้นเต็มไปด้วยป่าทั้งหมด จนกระทั่งมาวันที่สามที่เธอได้เข้ามาทำบุญและเข้ามาดูพระเพื่อนของเธอจนทุกอย่างเสร็จสิ้น แต่พระเพื่อนของเธอนั้นก็ได้พูดขึ้นมาถามเธอว่า เธอรีบกลับไหม เพราะท่านมีอะไรอยากจะให้เธอได้ดูก่อนที่เธอจะกลับมา พร้อมกับชี้นิ้วไปทางด้านหลังวัดที่เป็นป่าอยู่ข้างหลัง โดยท่านนั้นบอกว่าจะชวนเธอไปดูการทำพิธีของพระที่พระหลายๆองค์นั้นจะขึ้นไปบนยอดเขาที่อยู่ทางด้านหลังของวัดเพื่อนที่จะขุดหลุมและเข้าไปนั่งสมาธิที่หลุมนั้นกัน ซึ่งด้วยความที่เธอเป็นคนที่อยู่ภายในเมืองมาตั้งแต่เด็กๆจึงทำให้เธอนั้นรู้สึกไม่คุ้นชินกับพิธีกรรมแบบนี้ จึงทำให้เธอนั้นรู้สึกสนใจกับสิ่งที่พระเพื่อนได้บอกเธอมา
พระท่านก็ได้พาเธอไปดู โดยที่ต้องนั่งรถกระบะไปก่อนระยะหนึ่งและพอไปถึงต้นเขา เธอกับพระเพื่อนก็ต้องเดินเท้ากันต่อเข้าไปในป่าอีกสักระยะหนึ่ง ตลอดทางเดินของเธอนั้นเป็นอะไรที่เดินค่อนข้างลำบากมากเพราะเป็นทางป่า พอได้เดินไปถึงจุดที่การทำพิธี เธอได้มองเห็นศาลเล็กๆอยู่ตรงบริเวณนั้น ด้วยความที่เธอไม่เคยเห็น เธอจึงได้พูดกับเพื่อนของเธอที่เดินทางไปด้วยในตอนนั้นว่า “โห เป็นศาลที่เก่าแล้วเนอะ หลังคาก็พัง คงมีอายุมานาน แล้วจะอยู่สบายไหมแบบนี้” พอเธอพูดเสร็จทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ได้หันมาทางเธอที่อยู่ๆทำไมเธอถึงพูดแบบนี้ รวมไปถึงพระเพื่อนของเธอก็ได้ทำมือเหมือนที่จะบอกให้เธอว่าอย่าพูดอะไรไปจะดีกว่า เธอก็ได้สะดุ้งและรู้ตัวว่าตัวเองเหมือนจะพูดอะไรไม่ดีออกไปจึงได้เงียบไป พอเวลาผ่านไปประมาณ 4-5 โมงเธอก็ได้นั่งรถกระบะเพื่อที่จะกลับไปที่วัดต่อ และเธอก็ได้กลับโรงแรมเพื่อที่จะพักผ่อนและเดินทางกลับบ้านในวันพรุ่งนี้
พอวันถัดมาเธอก็ได้กลับมาที่บ้านเธอ และก็ได้เจอกับแม่ของเธอ เธอจึงได้ยกมือไหว้ตามปกติ แต่แล้วแม่เธอก็ได้พูดขึ้นมาว่า นี่เธอพาใครมาด้วยเนี่ย เธอจึงได้ตอบกลับไปอย่างทันทีว่า เธอมาคนเดียวเธอไม่ได้มากับใครเลย แต่แม่เธอก็ได้เถียงเธอกลับว่า แม่ของเธอได้เห็นผู้หญิงนั่งมาข้างหลังรถของเธอด้วย เธอก็ได้นิ่งไปและก็ได้กลับเข้าห้องทันที หลังจากนั้นผ่านไปประมาณ 10 วันเธอก็ได้สังเกตว่ารอบๆตัวเธอนั้นมีอะไรแปลกๆได้เกิดขึ้นมา เพราะว่าเวลาเธอไปทานข้าวที่ร้านอาหารคนเดียว แต่ทุกครั้งที่เธอไปทางร้านก็มักจะจัดอาหารไว้ให้สำหรับสองคนนั่ง หรือบางครั้งที่เธอได้เดินทางไปที่ไหนสักแห่งที่จะมีคนโบกรถมาเปิดประตูให้ พวกเขาเหล่านั้นก็จะเปิดประตูให้ทั้งฝั่งเธอและอีกฝั่งที่เป็นที่นั่งข้างๆ แต่ตรงนั้นไม่มีใครเลยด้วยซ้ำ ตลอดการทำงานของเธอ เธอก็ได้รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลาในหัวของเธอ แต่เธอก็ไม่สามารถจับได้ว่านั่นคือเสียงอะไรที่อยู่ในหัวของเธอ มันเป็นแบบนั้นมาในทุกๆวัน
จนกระทั่งมาวันหนึ่งเธอรู้สึกทนไม่ไหวแล้วได้กลับมาบ้านเพื่อที่จะนอนพัก จังหวะที่เธอกำลังจะนอนบนเตียงเธอก็สังเกตได้ว่าข้างๆเตียงของเธอนั้นที่เป็นพื้นที่ว่างก็ได้มีการฟุบลงไป เหมือนกับว่ามีคนนอนอยู่ข้างๆ แต่ตรงนั้นไม่มีใครเลย เธอถึงกับสะดุ้งและได้โทรหาเพื่อนของเธอเพื่อที่จะไปขอนอนกับเพื่อนในคืนนั้น จังหวะที่เธอไปถึงคอนโดของเพื่อนเธอก็ต้องแจ้งรปภ.เพื่อที่จะให้เขาโทรไปบอกเพื่อนของเธอว่าเธอมารอแล้ว แต่เธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่รปภ.พูดออกมาคือ “เพื่อนของคุณสองคนได้มารอคุณอยู่ข้างล่าง มารับเพื่อนของคุณด้วยนะครับ” แต่เธอก็ต้องตกใจเพราะตอนนั้นเธอมาคนเดียว เธอจึงได้โทรบอกเพื่อนของเธอว่าไม่ต้องลงมาแล้ว เพราะเธอจะไปที่อื่นสักพัก เธอจึงมั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคงจะไม่ธรรมดา
เธอจึงได้โทรไปหาพระเพื่อนและอภิบายเรื่องที่เกิดขึ้น จนได้รู้ว่าสิ่งที่เธอได้เจออาจจะเป็นเพราะปากของเธอที่พูดออกไปก่อนหน้านี้ในป่า หลังจากนั้นเธอจึงได้เดินทางไปที่เดิมและได้จัดการตั้งศาลใหม่ที่นั่นพร้อมกับทำพิธี หลังจากนั้นทุกอย่างก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ…