วันนี้แอดได้นำเรื่องที่เกี่ยวกับการไปเที่ยวป่ามาให้ทุกคนได้อ่านกัน มันเป็นเรื่องที่ได้เกิดขึ้นที่อุทยานแห่งชาติแห่งหนึ่งที่อยู่ทางภาคเหนือ ได้มีเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่ได้ชวนกันไปเที่ยว กลุ่มเพื่อนี้อยู่ด้วยกันประมาณ 10 คนและได้มีคู่รักคู่หนึ่งที่เป็นคู่ชายหญิง ซึ่งผู้ชายเป็นเหมือนคนนำทีมมาเที่ยวในครั้งนี้นี่เอง และมันจึงได้เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ กับเรื่อง “ปอบกินร่าง” ถ้าอยากรู้แล้วว่าเป็นอย่างไร ขอให้อ่านกันให้สนุกนะครับ…
เขากับทุกครั้งก็ได้ออกเดินทางในตอนเช้าและถึงประมาณช่วงเย็นของวันนั้น พอพวกเขาไปถึงก็ต้องไปกางเต๊นท์กันเพราะบริเวณอุทยานจะไม่มีบ้านหรือที่พักให้เลย และการเดินทางเข้านั้นต้องเดินเข้าไป รถไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ พอได้เดินไปกันสักพัก แฟนของเขาได้เหมือนจะสังเกตเห็นหม้อดินหม้อหนึ่งตั้งอยู่ตรงโคนต้นไม้ใหญ่ พอเธอเห็นแบบนั้นก็ได้เดินตรงเข้าไปหยิบและพูดขึ้นมาว่านี่มันหม้ออะไร พอเธอหยิบขึ้นมาเธอก็สังเกตตรงบริเวณรอบๆที่เธอยืนอยู่ได้ว่าต้นไม้แถวนั้นเต็มไปด้วยหม้อดินเผาแบบนี้อยู่ซึ่งบางหม้อก็แตกไปแล้วด้วย แล้วเธอก็วางไว้ที่เดิม แล้วเดินต่อไป พอเดินไปได้สักระยะหนึ่ง แฟนของเขาก็พูดออกมาตะโกนลั่นว่า มีใครเห็นคนยืนตรงนั้นแวบๆอยู่หลังต้นไม้ไหม ซึ่งตัวเขาก็ไม่ได้เห็น เพื่อนๆจึงได้บอกว่าถ้าเห็นอะไรอย่าทัก เพราะเราไม่รู้ว่านั่นคืออะไร อย่าทักมั่วจะดีกว่า
พอได้เดินถึงจุดกางเต้นท์แล้ว ทุกคนก็ช่วยกันกางเต้นท์กัน เขาก็เป็นคนดูทุกอย่าง แต่แล้วเขาก็จับผิดสังเกตได้ว่าแฟนของเขานั้นที่ปกติแล้วเป็นคนร่าเริงที่สุดในบรรดาเพื่อนๆ ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเธอนั่งนิ่งไม่พูดคุยกับใคร แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพียงแค่คิดว่าเธอคงจะเหนื่อยก็เลยเงียบไปเพียงเท่านั้น ซึ่งการอยู่ในอุทยานแห่งนั้นทั้งหมด 3 วัน 2 คืนก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาทุกอย่างดูปกติดี แต่แล้วในวันกลับบ้านนั้น ระหว่างที่ทุกคนกำลังเก็บเต้นท์เก็บของกัน อยู่ๆแฟนของเขาก็เดินมาหาเขา แล้วก็มาพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ขอกลับด้วยนะ” พอเขาและเพื่อนได้ยินแบบนั้นก็ตอบกลับทันทีว่า “มาด้วยกันก็กลับด้วยกันสิ” และเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแบบเดิมว่า “ขอบคุณนะ”
พอกลับมาถึงบ้านกันนั้น เขาสังเกตเห็นได้ว่าเธอนั้นมีท่าทีที่แปลกไปจริงๆ เพราะเธอนั้นบ่นกับเขาว่าหิวแต่พอเขาบอกให้เธอกินข้าว เธอก็กินไปได้ประมาณ2-3คำแล้วก็บอกว่าอิ่ม แล้วพอก่อนที่เขากับเธอจะนอนกัน เธอได้พูดกับเขาว่า “พรุ่งนี้ เราไปซื้อพวกอาหารดิบมาไว้บ้านกันดีกว่า พวกหมูดิบ ไก่ดิบ ไว้มาทำกับข้าวกัน” เขาก็ทำตามที่เธอพูดโดยตอนเช้าวันถัดไปเขาได้ซื้อของดิบเอาไว้ที่ตู้เย็นก่อนจะออกไปทำงาน พอตกเย็นตอนเขากลับมาเข้าบ้านเปิดตู้เย็นดู ปรากฏว่าพวกของดิบต่างๆที่เขาซื้อเตรียมไว้นั้นหายหมดเลย เขาก็เลยคิดว่าแฟนของเขาคงทำกับข้าวกิน วันถัดมาเขาก็ซื้อมาอีกเพราะคิดว่าเธอคงชอบทำกับข้าวกินระหว่างวัน แต่ทุกวันที่เขาซื้อมาของดิบต่างๆก็จะหมดไปตลอด จนตัวเขารู้สึกแปลกๆแล้ว เพราะทุกครั้งเขาซื้อมาเยอะไม่ใช่น้อยๆ แล้วทำไมมันจะหมดได้ไวขนาดนั้น
เขาจึงได้ถามแฟนของเขา ซึ่งคำตอบที่ได้คือ เธอก็ทำกับข้าวกินตามปกติ วันถัดไปเขาจึงตัดสินใจที่จะแอบดูว่าเธอทำอะไรกินบ้างในตอนกลางคืน มันเป็นเวลาประมาณตี 2 กว่าๆ เขาสังเกตได้ว่าเธอไม่ได้นอนอยู่ที่เตียง เขาจึงเดินลงมาข้างๆแบบเบาๆ เพราะได้ยินเสียงกุกกักอยู่ตรงบริเวณห้องครัว ซึ่งสิ่งที่เขาได้เห็นจากแฟนของตัวเองคือ เห็นเธอนั่งย่องๆอยู่ตรงหน้าตู้เย็น และมือของเธอนั้นถือไก่สดอยู่และกินมันแบบอร่อย เธอกินแบบตระกะตระกานเลยก็ว่าได้ ปกตินั้นแฟนของเขาจะไม่ใช่คนนิสัยแบบนี้ เธอจะเป็นคนเรียบร้อยมาก จะกินอะไรต้องคิดถี่ถ้วน พอเห็นแบบนั้นเขาจึงทักว่าเธอทำอะไร พอเธอได้ยินแบบนั้นเธอรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องและนอนหลับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พอเห็นแบบนั้นเขาจึงโทรไปปรึกษาเพื่อน เพื่อนจึงแนะนำให้ไปหาอาจารย์ที่รู้จัก จึงได้รู้ว่าเธอได้โดนวิญญาณของผีปอบเข้าสิงมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะหม้อดินที่เธอได้ไปจับนั้นมันคือหม้อที่เก็บวิญญาณของผีปอบเอาไว้ ตอนเธอได้เดินไปก่อนหน้านี้และได้จับหม้อและทักหาคนทียืนแอบหลังต้นไม้ตอนที่อยู่อุทยาน มันเหมือนกับการเปิดทางให้วิญญาณผีปอบมาเข้าสิงได้ทันที อาจารย์เลยทำพิธีไล่วิญญาณปอบออกจากร่างของเธอให้ในตอนนั้น ซึ่งตอนที่รู้ว่าผีปอบออกไปแล้วนั้นเขาก็รู้สึกสบายใจ แต่อาจารย์ได้บอกเขาไว้ว่า ไม่เกิน 3 วันแฟนของเขาจะต้องตาย เขาก็งงว่าทำไมถึงต้องตายเพราะวิญญาณก็ได้ออกไปแล้ว อาจารย์จึงบอกตอบมาว่าวิญญาณปอบนี้เข้าสิงร่างของแฟนเขานานมากแล้ว ซึ่งมันก็ได้กัดกินวิญญาณของเธอข้างในจนหมด
ตอนนี้พอวิญญาณของปอบออก มันก็เหมือนร่างๆเปล่าๆที่ไร้วิญญาณ ซึ่งอีกไม่นานเธอก็จะต้องตาย และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ หลังจากนั้น 3 วัน แฟนของเขาก็ได้เสียชีวิตลงจริงๆ ด้วยสาเหตุหัวใจล้มเหลว จึงได้ตายไปทันที และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดของเรื่อง ปอบกินร่าง ถ้าชอบเรื่องราวแบบนี้ก็ขอให้ติดตามกันไปเรื่อยๆนะครับ บรัยบาย..