สวัสดีครับวันนี้แอดได้นำเรื่องราวสยองขวัญที่เกี่ยวกับวิญญาณที่ไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่มันเกิดขึ้นที่ต่างประเทศนั่นเอง โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ตัวเธอนั้นได้มีโอกาสไปเรียนปริญญาโทอเมริกา ซึ่งโดยปกติแล้วนั้นเธอเป็นคนที่มีหัวคิดสมัยใหม่หรือก็คือเป็นคนที่ไม่ค่อยที่จะเชื่อหรือรับฟังเกี่ยวกับเรื่องของวิญญาณหรือสิ่งที่มองไม่เห็นเลยก็ว่าได้ แต่หลังจากที่เธอได้พบเจอกับเรื่องต่อไปนี้แล้วนั้น ทำให้ทุกวันนี้ของเธอกลับต้องพกพระไปไหนมาไหนตลอดเวลาเลย ถึงขั้นที่ว่าหากไปนอนที่ไหนแล้วไม่มีพระหัวนอนเธอก็แทบไม่อยากจะนอนเลย วันนี้แอดจึงขอนำเสนอเรื่อง “บ้านทาวเฮาส์” ถ้าอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร ขอให้อ่านกันให้สนุกนะครับ
โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นในปลายปี 40 ในตอนนั้นเธอได้มีโอกาสไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ เธออยู่ที่นั่นโดยที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยสลับกันไปและได้เช่าบ้านหลังนึงไว้ แต่บ้านที่อยู่นั้นจะเป็นบ้านทาวเฮาส์เหมือนกับของประเทไทยนี่เอง เรื่องมันเริ่มแปลกตั้งแต่วันแรกที่เธอไปอยู่ เพราะตอนที่เธอไปขอเช่าบ้านหลังนี้นั้นเธอได้มาในราคาที่ถูกมาก จากปกติมันควรจะเป็น 1200 เหรียญ แต่ตัวเธอนั้นได้เช่ามาในราคา 700 เหรียญเพียงเท่านั้น มันถือว่าเป็นการลดราคาที่รู้สึกน่าประหลาดใจมาก ด้วยความที่มันถูกมากเธอจึงไม่ปล่อยไป และได้ตัดสินใจที่จะเช่าบ้านหลังนี้อยู่เลย ตอนเข้าไปนั้นเธอได้เข้าไปในช่วงกลางเดือน เจ้าของบ้านจึงได้บอกให้เธอสามารถเข้าไปอยู่ก่อนได้เลยและค่อยมานับเรื่องจ่ายเงินตอนต้นเดือนหน้า พอเธอได้เข้าไปอยู่ก็ได้พบว่าของภายในบ้านนั้นไม่ได้มีอุปกรณ์อะไรมากนัก เธอจึงได้เริ่มย้ายของและซื้อของเข้ามาเรื่อยๆ เธอก็ได้จัดบ้านจัดของตั้งแต่วันแรก ในวันแรกทุกอย่างก็เป็นปกติ
ในวันที่สองเธอก็ได้มีธุระที่ต้องออกไปข้างนอกบ้าน ซึ่งก่อนที่เธอจะออกจากบ้านนั้นเธอมีนิสัยที่จะชอบปิดไฟปิดประตูทุกอย่าง เพราะเธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวและรู้ว่าค่าไฟที่ต่างประเทศนั้นค่อนข้างแพง เธอจึงต้องปิดทุกอย่างก่อนออกจากบ้าน เธอก็ได้ออกจากบ้านหลังจากปิดทุกอย่างเรียบร้อย หลังจากทำธุระข้างนอกทั้งวันเสร็จ พอเธอกลับมาที่บ้านก็ปรากฏว่าที่บ้านของเธอนั้นไฟได้เปิดเอาไว้ทั้งบ้านเลย เธอก็คิดว่าเธอคงลืมไปเองมากกว่าเลยไม่คิดอะไร แต่พอเวลาผ่านไป มันก็เป็นแบบนี้มาตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา เธอก็พยายามเช็คแล้วทุกครั้งที่ออกจากบ้าน แต่พอกลับมาแล้วก็ปรากฏว่าไฟได้เปิดเองในทุกครั้ง เธอก็เริ่มสงสัยขึ้นมาเรื่อยๆ พอเข้ามาถึงวันที่ 4 ในระหว่างที่เธอนอนอยู่ในตอนกลางคืนนั้น เธอได้ยินเสียงอะไรบางอย่างลากอยู่บนชั้นสอง เพราะตอนนั้นเธอนอนอยู่ชั้นหนึ่ง เธอจึงคิดว่าคงจะเป็นข้างบ้านที่ลากของอะไรบางอย่างอยู่ เสียงเลยดังมาถึงบ้านของเธอ เพราะมันเป็นบ้านทาวเฮาส์ที่ติดกัน เธอจึงไม่ได้สนใจและนอนต่อ
วันถัดมาเธอจึงได้ออกจากบ้านไปเจอเพื่อน และได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟัง เพื่อนเธอก็บอกให้เธอระวังตัวด้วยมันคงมีอะไรแปลกๆจริงๆ ในคืนนั้นพอตกดึกเธอก็ได้นอนเล่นอยู่ที่ห้องนั่งเล่นชั้นหนึ่ง พอกำลังเคลึมๆเหมือนกำลังจะหลับ เธอก็ได้ยินเสียงลากเก้าอี้หรือโต๊ะดังขึ้นอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ดังที่ชั้นหนึ่ง พอเธอลุกขึ้นมาดูก็หันไปตรงเสียงที่ดังขึ้นมามันอยู่ในห้องกินข้าว พอเธอหันไป เธอได้เห็นเก้าอี้กินข้าวนั้นกำลังเลื่อนเองด้วยมือที่มองไม่เห็น การเลื่อนของเก้าอี้นั้นเลื่อนออกมาระยะหนึ่งแบบเห็นได้ชัด นี่คือครั้งแรกที่เธอได้เห็นอะไรแบบนี้ เธอก็รู้สึกตกใจและก็ได้มองอยู่แบบนั้นค้างไว้ สักพักเธอก็ได้ยินเสียงของคนกำลังเดินขึ้นบันไดดัง ตึก ตึก ตึก… เสียงๆนั้นดังมาจากภายในบ้านของเธอ มันดังขึ้นมาอย่างชัดเจน ในตอนนั้นเธอก็รู้สึกตัวสั่นขึ้นมาและได้แต่เก็บความสงสัยไว้แบบนั้น จนเช้าวันถัดมาเธอได้โทรไปสอบถามเจ้าของบ้านว่า ที่บ้านแห่งนี้นั้นได้เคยเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นหรือเปล่า แต่คำตอบที่เธอได้นั้นก็คือไม่รู้และไม่ทราบ เพราะบ้านหลังนี้เป็นบ้านของญาติเจ้าของอีกที จึงไม่ทราบจริงๆ
เธอจึงได้แต่สงสัยแบบนั้นต่อไป พอเธออยู่ไปได้สักพัก เธอก็ได้สังเกตเห็นอะไรบางอย่างอยู่หลังตู้เย็น ปรากฏว่ามันมีรูปของครอบครัวๆหนึ่งถูกตั้งไว้อยู่หลังตู้เย็น มีพ่อแม่และลูกสาวสามคนในภาพ เธอจึงคิดว่าอาจจะเป็นรูปของเจ้าของเก่า คืนนั้นหลังจากที่เธอเก็บของที่บ้านทุกอย่างเรียบร้อย เธอก็ได้ขึ้นไปอาบน้ำนอนบนห้องของเธอข้างบน เธอนอนหลับไปเรื่อยๆ ก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างอยู่ข้างล่างชั้น 1 เธอก็นอนฟังเรื่อยๆ สักพักได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่เริ่มดังขึ้นมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนเธอเริ่มสังเกตได้ว่าเสียงๆนั้นดังเข้ามาภายในห้องที่เธอนอนแล้ว สักพักเธอก็ได้ยินเสียงของคนเหมือนเฮือกสุดท้ายดังขึ้นมา ตอนนั้นเธอรู้สึกกลัวขึ้นมามากๆแล้ว และเสียงสุดท้ายที่เธอได้ยินก่อนจะสลบไปคือเสียงร้องอย่างดังที่ดังก้องทั้งห้อง แล้วเธอก็สลบไปแล้วตื่นขึ้นมาอีกทีในตอนเช้า
ในตอนนั้นเธอได้เริ่มที่จะนึกปะติดปะต่อได้และก็เริ่มที่จะไม่อยากอยู่คนเดียวแล้ว จึงได้ขอย้ายไปอยู่กับเพื่อนของเธอชั่วคราวและได้ยกเลิกการอยู่บ้านหลังนี้ไป และหลังจากนั้นเธอก็ได้หาที่อยู่ที่มีเพื่อนอยู่มากกว่า เพราะเธอได้กลายเป็นคนกลัวผีทันทีจากบ้านทาวเฮาส์หลังนี้…