เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 2530 ได้เกิดขึ้นมากับผู้ชายคนหนึ่ง เขาเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ แล้วยังไม่มีงานทำ หลังจากที่พยายามหางานทำอยู่เกือบปี เขาจึงได้กลับไปทำงานกับพ่อของเขาที่ต่างจังหวัด อาชีพแรกของเขาก็ได้เริ่มขึ้น ง่ายๆ โดยที่ทำไปกับพ่อของเขา เขาเรียนรู้งานของเขาเองจากประสบการณ์ที่ได้รับในแต่ละวัน ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่นประมาณ 6 เดือน งานที่เขาทำจะคือการขับรถรับส่ง คือการขับรถจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ทุกครั้งที่ขับผ่านก็จะมีการขับผ่านศาลเจ้าแม่ที่อยู่ข้างทาง ทุกครั้งรถที่ขับผ่านก็จะบีบแตรทักทายเป็นการแสดงความเคารพศาลเจ้าแม่แห่งนั้น แต่ตัวเขานั้นไม่ค่อยเชื่อเรื่องแบบนี้มาก่อน แต่ก็มักจะได้รับคำเตือนเรื่องให้บีบแตรเวลาผ่าน ทำไปเพื่อให้คนโดยสารในรถเขาจะได้สบายใจ เพราะคนส่วนใหญ่เขานับถือกัน เราไม่เชื่อก็อย่าไปลบหลู่ดูหมิ่น และนี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องน่ากลัวครั้งนี้ กับเรื่อง “บีบแตรเพื่อไหว้” ถ้าอยากรู้แล้วว่าเป็นอย่างไร ขอให้อ่านกันให้สนุกนะครับ…
ศาลเจ้าแม่แห่งนั้นกินบริเวณกว้างมาก ลักษณะเป็นเรือนไทย หลัง เล็กๆ เสาสูงแบบศาลเพียงตาปลูกสร้างด้วยความประณีตพอสมควร หลังใหญ่ที่สุดอยู่ตรงกลางและมีหลังเล็กๆเรียงรายอยู่รวมๆอีก 5 หลัง บริเวณนั้นร่มครึ้มเพราะมีต้นไม้ใหญ่ๆหลายต้น แต่ละศาลมีพวงมาลัยแขวนเต็มไปหมด เลยศาลนั้นไปนิดหนึ่งเป็นทางโค้งมีอุบัติเหตุบ่อยๆ ทั้งๆที่ถนนไม่เหมาะที่จะขับรถเร็ว เพราะมันขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อไม่ใช่ถนนลาดยาง โดยปกติแล้วเขาเป็นคนดื้อ ไม่ชอบทำอะไรที่เหลวไหลไร้เหตุผล จึงไม่เคยบีบแตรทักทายให้ศาลนั้นเลย แต่เขาก็ระมัดระวังการขับรถของเขาเป็นอย่างดีไม่เคยประมาท เช้าวันหนึ่งเขาต้องไปเข้ารับผู้โดยสารแต่เช้า เขาออกจากบ้านตั้งแต่ตี 4 ตอนนั้นเป็นช่วงอากาศหนาวเย็นเพราะเป็นหน้าหนาว ตอนนั้นเป็นอะไรที่มัวสลัวไปหมด เพราะหมอกลงหนามาก ระหว่างทางเขาเห็นหมาดำตัวใหญ่นอน ขวางถนนอยู่ เขามองเห็นมันและมันก็มองเห็นเขา เขาจึงไม่กลัวว่าจะชนมัน แต่พอขับเข้าไปจนใกล้แล้วแต่มันก็ยังนอนเฉย เขาจึงบีบแตรไล่ มันยังคงนอนเฉยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เขาจึงบีบแตรไล่อีกครั้ง
แล้วมันก็ค่อยๆลุกขึ้นมา แต่ครั้งนี้เขาจึงรู้ว่ามันไม่ใช่หมา แต่มันเป็นเสือดำที่มีขนาดใหญ่และเดินไปในศาลเจ้าหลังกลางแล้วหายไป เขาก็รู้สึกตกใจและเก็บเรื่องนี้ไม่เล่าให้ใครฟัง จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้แปลกอะไรนัก กับการที่จะได้พบเสือในบริเวณนี้ เพราะว่าสองข้างทางนั้นเป็นป่าใกล้หมู่บ้าน แต่เขาก็อดที่จะคิดถึงตอนที่มันเดินหายเข้าไปในศาลเจ้าหลังนั้นไม่ได้ เขาไม่ได้เมาและไม่ได้ง่วง แต่หมอกที่ลงหนานั้นก็อาจจะทำให้ตาเขาฝาดไปก็ได้ เวลาผ่านไป เขาก็ต้องไปทำงานในเวลาตอนเช้าอีกครั้ง ระหว่างทางเลยศาลเจ้าไปนิดหน่อย มีคนยืนโบกรถอยู่ริมถนน เขาแปลกใจมากทีเห็นว่าทำไมจึงมีคนมาคอยรถตรงนี้ได้ ไม่เคยเห็นมีบ้านคนเลย แต่ก็ไม่แน่เขาอาจจะเดินออกมาจากหมู่บ้านในที่ไหนสักแห่งแล้วออกมาก็ได้ เมื่อเข้าไปใกล้จึงเห็นว่าเป็นผู้หญิง แต่งตัวแบบสาวชาวบ้าน เขาจึงหยุดรถและบอกให้เธอขึ้นมานั่งข้างหน้า ซึ่งในใจคิดว่าดีเหมือนกันจะได้มีเพื่อนคุย ดีกว่าขับรถเหงาๆ ไปคนเดียว แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับเดินไปทางท้ายรถทำท่าเหมือนจะขึ้นข้างหลัง เขาจึงไม่ว่าอะไรและมองทางกระจกส่องหลังดูว่าเขาขึ้นรถหรือไม่ แต่เธอไม่ได้ขึ้น แต่กลับค่อยๆเดินไต่ลงจากถนนที่ชันลงไปข้างล่าง และกำลังจะเดินเข้าไปในบริเวณศาลเจ้าแห่งนั้นอีกครั้ง เขาถอยรถกลับอย่างเร็ว บอกไม่ถูกว่าตอนนั้นรู้สึกอย่างไร คิดแต่เพียงว่าจะต้องดูให้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้จะไปไหน แต่แล้วก็ต้องเห็นว่า เธอเดินหายไปในศาลเจ้าหลังกลางเหมือนเจ้าเสือตัวนั้น ก่อนจะเดินเข้าไปยังหันมายิ้มกับเขาเสียด้วย เขารู้สึกตกใจกับสิ่งที่เห็น
เขาจึงอดไม่ได้จึงเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นๆฟัง ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาโดนดีให้แล้ว เย็นวันนั้นเขารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้ จึงรีบอาบน้ำ กินข้าว เข้านอนแต่วัน แต่ไม่ว่าจะหลับตาพยายามอย่างไร ภาพสาวชาวป่าใส่ชุดดำคนและยิ้มยังคงอยู่ในหัวเขา เขาตะโกนออกมาด้วยความละเมอ พ่อแม่เขาตกใจมาก และถามเขา เขาก็บอกว่าไม่เป็นอะไร ฝันร้ายนิดหน่อยแค่นั้นเอง วันรุ่งขึ้นเขาเป็นไข้ ไม่สบาย เขาอยู่แบบนั้นเกือบครึ่งเดือนจึงได้หายเป็นปกติ แม่บอกว่าต้องจัดของไปแก้บนที่ศาลเจ้าแม่ เพราะแม่ไปบนบานศาลกล่าวไว้ตอนที่เขาป่วยว่าจะมาขอขมาลาโทษที่เขาดื้อดึงไม่นับถือ
เขาจึงยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นและได้ไปไหว้ขอขมาอย่างที่แม่ของเขาได้บอกเขาไว้ เพื่อสร้างความสบายใจทั้งตัวที่บ้านและตัวเขาเอง เพราะเขาก็ไม่อยากที่จะลองดีอีกแล้ว พอหลังจากเหตุการณ์นี้ ทุกครั้งที่เขาผ่านศาลนี้เขาก็มักจะ บีบแตรเพื่อไหว้ทุกครั้งไป… สล็อตเว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ไม่มีขั้นต่ำ
เครดิต : www.bookpanich.com