เหตุการณ์สยองขวัญในครั้งนี้ เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนหนึ่ง มันเป็นเมื่อตอนเธอยังคงเป็นเด็กอยู่ มันเป็นเหตุการณ์เมื่อ เกือบ 40 ปีได้แล้ว สมัยนั้นที่โรงเรียนในหมู่บ้านจะมีการสอนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 เท่านั้น ถ้าใครจะไปเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษา ก็ต้องไปต่อที่โรงเรียนประจำอำเภอ ซึ่งอยู่ห่างไปจากหมู่บ้านนับสิบ-ยี่สิบกิโลเมตรได้เลย ดังนั้นเมื่อเรียนจบชั้นประถมฯ แล้วเธอก็ต้องไปเรียนต่อที่โรงเรียนประจำอำเภอที่ว่านี้อย่างไม่มีทางเลือก ซึ่งด้วยความไกลจากบ้านอย่างที่บอกข้างต้น ทำให้เธอนั้นต้องคอยใช้เส้นทางลัดที่เธอใช้สำหรับการเดินทางไปโรงเรียนนั้นมาโดยตลอด มันสามารถทำให้ร่นระยะทางไปได้หลายกิโลเมตร แต่ก็ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนักเพราะเป็นทางเล็กและแคบมาก สามารถไปได้เพียงรถเครื่องและจักรยานเท่านั้น ถ้าเป็นช่วงเย็นก็จะไม่มีใครใช้เส้นทางนี้เลยเพราะมันจะมืดและเปลี่ยวมากแถมยังมีป่าช้าติดกับเส้นทางนี้อีกด้วยและเป็นป่าช้าที่ลือกันว่าผีดุมากๆ นั่นจะทำให้เกิดเรื่องสยองขวัญมา แอดขอนำเสนอเรื่อง “ทางลัดผีดุ” ถ้าอยากรู้แล้วว่าเรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นยังไง ขอให้อ่านกันให้สนุกนะครับ…
ซึ่งเส้นทางนี้นั้น เธอเคยได้ยินผู้คนในละแวกนั้นลือกันต่างๆนานาเกี่ยวกับการถูกผีหลอกตรงบริเวณป่าช้านี้ แต่ด้วยตอนนั้นเธอยังคงเป็นเด็กที่ไม่เคยได้เจอเรื่องพวกนี้มาก่อน มันก็ทำให้เธอไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้เลย จนกระทั่งได้มาเจอเข้ากับตัวเธอเองในที่สุด การเจอครั้งนี้มันทำให้เธอถึงขนาดต้องนอนจับไข้ไปหลายวันทีเดียว วันนั้นทางโรงเรียนได้จัดการแข่งขันกีฬาประจำโรงเรียนขึ้น มันเป็นกิจกรรมที่ยาวนาน อย่างที่ทุกคนอาจจะเคยได้เข้าร่วม กว่าจะมอบรางวัลกันเสร็จและปิดพิธีต่างๆ ก็ปาเข้าไปเกือบ 6 โมงเย็น เธอก็ต้องกลับเวลานั้น ขากลับเธอจึงต้องขี่จักรยานกลับบ้านโดยใช้เส้นทางลัดนี้เพียงลำพัง เพราะเพื่อนคนอื่นๆไม่กล้าที่จะขี่รถผ่านหน้าป่าช้า เพราะกลัวถูกผีหลอกตามข่าวลื่อต่างๆนาๆ ในตอนนั้นเธอก็รู้สึกไม่โอเคกับความคิดของเพื่อน เธอจึงได้พูดจาตำหนิเพื่อนๆที่ไม่กล้ากลับทางเดิม หาว่าพวกเขาเหล่านั้นขี้ขลาดตาขาวกลัวในเรื่องไม่เป็นเรื่อง พร้อมกับพูดจาโอ้อวดอีกว่า “ฉันนี่แหละไม่เคยกลัวผีแล้วจะกลับทางนั้นคนเดียวให้ดู ถ้าผีมาหลอกก็จะจับผีพวกนั้นมาให้เพื่อนดูเป็นขวัญตา” นี่คือสิ่งที่เธอพูดไปกับเพื่อนของเธอ
จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน เธอก็ขี่รถมาตามเส้นทางลัดดังกล่าวในช่วงเวลาเกือบเข้าสู่เกือบทุ่มนึง บรรยากาศโดยรอบๆของทางกลับดูเงียบวังเวงจนเธอก็มีความรู้สึกใจไม่ค่อยดีเหมือนกัน ยิ่งพอเข้าเขตป่าช้าก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ก็ยังพยายามทำใจดีสู้เสือ เธอร้องเพลงเป็นเพื่อนออกมาดังๆ เพื่อที่จะพอปลอบใจตัวเองมาตลอดทาง ทั้งที่หัวใจมันเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วตอนนั้น เมื่อถึงบริเวณหน้าป่าช้าจู่ๆรถจักรยานที่เคยปั่นมาเบาๆในทุกๆวัน ก็รู้สึกหนักขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล เธอจึงต้องออกแรงปั่นมากขึ้นจนรู้สึกเหนื่อยขณะที่รถของเธอวิ่งช้าลงๆ จนกระทั่งมันหยุดกึกขึ้นมาเฉยๆเหมือนกับมีใครมาล็อกล้อไม่ให้หมุนได้แบบนั้นเลยทีเดียว ในตอนนั้นรถจักรยานหยุดนิ่งสนิทโดยไม่มีเหตุผล จนทำให้เธอถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งตัว ด้วยความหวาดกลัวและประหลาดใจ แต่นั่นมันยังไม่ทำให้เธอหวาดกลัวเท่ากับ ต่อจากนั้นเธอได้ยินเสียงหัวเราะของใครบางคนที่ดังขึ้นข้างๆ ตัวของเธออย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
ในตอนนั้นเธอก็ได้มองไปรอบๆทันทีพอได้ยินเสียงนี้ขึ้นมา แต่ก็ไม่มีการปรากฏร่างของใครให้เห็นเลยรอบตัวเธอ เธอก็รู้ทันทีว่านี่คงไม่ใช่สิ่งปกติแล้ว ก็เลยต้องทิ้งรถวิ่งหนีน่าตั้งทันทีล้มลุกคลุกคลาน จนกระทั่งไปถึงบ้านของชาวบ้านหลังที่อยู่ใกล้ที่สุด พอผู้เป็นเจ้าของบ้านเห็นสภาพของเธอที่มาด้วยความหน้าซืดและดูกลัวจนถึงกับตัวสั่น เจ้าของบ้านหลังนี้ก็พอจะเดาเหตุการณ์ได้ทันทีเลยว่าเธอคงไปโดนดีมาอย่างแน่นอน เจ้าของบ้านจึงให้ความช่วยเหลือโดยเกณฑ์ผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงให้พากันไปเอาจักรยานของเธอมาให้ พร้อมกับช่วยกันพาเธอกลับมาส่งจนถึงบ้าน โดยขี่รถเครื่องติดตามคุ้มครองกันมาหลายคัน เพื่อจะได้เป็นเพื่อนเดินทางกลับ
หลังจากที่เธอถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว มันก็เป็นเวลาที่ค่อนข้างดึกแล้วสำหรับตอนนั้น ด้วยความเพลียจากการทั้งเจอและก็วิ่งหนี พอถึงบ้านเธอก็หลับไปทันที โดยวันถัดไปเธอก็ไปโรงเรียนตามปกติปรากฏว่าเรื่องราวที่เธอถูกผีหลอกเป็นที่เลื่องลือต่อเพื่อนๆที่เธอเคยว่าเขาขี้ขลาดตาขาว พวกเขาเหล่านั้นพากันมาหัวเราะเยาะเย้ยกันเป็นที่สนุกสนาน ตั้งแต่นั้นมาเธอก็ไม่กล้าใช้ทางลัดผีดุนั้นอีกเลย จนกระทั่งเติบโตและย้ายเข้ามาทำมาหากินในกรุงเทพฯจนถึงทุกวันนี้ และนี่ก็คือเรื่องเล่าสยองขวัญทั้งหมดในครั้งนี้ แอดเชื่อว่าใครหลายๆคนอาจจะนึกภาพกันออกถ้าหากได้เคยใช้เส้นทางลัดกันบ้าง มันคงจะน่ากลัวสุดๆไปเลย บรือ… สล็อตแตกง่าย
เครดิต : https://www.su-usedbook.com/