เหตุการณ์สยองขวัญต่อไปนี้นั้นจะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผู้ชายคนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน โดยที่เป็นเรื่องสยองขวัญที่เกิดขึ้นบนดอย โดยที่ตัวเขานั้นได้เข้าไปเหตุต้องไปผัวพันอยู่ตรงบริเวณดอยแห่งหนึ่งและตัวเขาก็ได้เจอกับเรื่องราวแปลกๆเกิดขึ้นมากับตัวเอง วันนี้แอดขอนำเสนอเรื่อง “ดอยหลอน” ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ขอให้อ่านกันให้สนุกนะครับ บรื้อ…
ผู้ชายคนนี้นั้นเขามีอาชีพเกี่ยวกับการทำอีเวนท์ต่างๆตามสถานที่ต่างๆ โดยเรื่องเริ่มที่ว่าวันหนึ่งหลังจากที่เขาได้ทำงานจากสถานที่หนึ่งเสร็จแล้ว เขากับเพื่อนในทีมของเขาก็ได้พูดคุยกับเพื่อนจากที่อื่นเพื่อที่จะรวมตัวกันไปเที่ยว เขากับเพื่อนของเขาทั้งหมด 4 คนได้พูดคุยกันว่าจะไปเที่ยวที่ไหนกันดีในวันพรุ่งนี้ เพราะมันเป็นช่วงเวลาวันหยุดของเขากับเพื่อนๆพอดี พอคุยกันไปได้สักพักพวกเขาก็ตกลงกันว่าจะไปเที่ยวที่ดอยแห่งหนึ่งที่อยู่ทางภาคเหนือ เพราะช่วงเวลานั้นดอยเป็นอะไรที่คนกำลังฮิตกันเป็นอย่างมาก พวกเขาก็ได้ตกลงกันและได้นัดเจอกันเพื่อออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า ในวันถัดมาเขากับเพื่อนๆก็ได้เจอกันตามเวลานัดและก็ได้ออกเดินทางไปที่ดอยแห่งนั้นโดยการขับรถออกไปกันตามสะดวกของพวกเขา หลังจากที่ขับรถกันมาเป็นเวลานานเขากับเพื่อนก็ได้เดินทางถึงที่ดอยที่เป็นจุดมุ่งหมายตอนเวลาประมาณ 4 โมงเย็น
พวกเขานั้นตั้งใจที่จะนอนโดยการกางเต้นท์กันเพื่อกินบรรยากาศ พอได้เดินทางไปถึงดอยพวกเขาก็ต้องจอดรถไว้ตรงบริเวณที่จุดจอดรถและต้องเดินเท้าต่อขึ้นไปบนดอยเพื่อที่จะไปจุดกางเต้นท์ก่อนเวลาจะมืด ในระหว่างทางเดินขึ้นไปตรงจุดกางเต้นท์ เขากับเพื่อนของเขาก็ได้สังเกตเห็นอะไรแปลกประหลาดไปโดยที่ตลอดทางเดินของพวกเขานั้นได้มีเหมือนแก้วน้ำตั้งไว้ตรงบริเวณต้นไม้ที่อยู่ระหว่างทางเต็มไปหมด ต้นไม้ทุกต้นที่อยู่ตรงทางเดินนั้นจะมีแก้วน้ำตั้งคู่ไปเต็มไปหมดเลย ได้มีเพื่อนของเขาคนหนึ่งได้เห็นและเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูว่ามันขึ้นแก้วใส่อะไร แต่แล้วเขานั้นก็รู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆจึงได้บอกให้เพื่อนของเขารีบวางลงไป เพราะกลัวว่าอาจจะมีอะไรไม่ดีก็ได้ จึงได้เดินกันต่อในตอนนั้น แต่แล้วพอเดินต่อไปสักระยะหนึ่งเขากับเพื่อนทุกคนก็รู้สึกว่าได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่ดั่งขึ้นมาอยู่บนต้นไม้เหนือหัวของพวกเขา ในตอนนั้นเพื่อนของเขาคนหนึ่งก็เกิดอาการตกใจและได้ทักว่านั่นคืออะไร จนทำให้เพื่อนคนอื่นๆต้องเตือนว่าเวลาเดินในป่านั้นห้ามที่จะทักอะไรมั่วๆ เพราะนั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดีก็ได้ไม่มีใครรู้ เพื่อนของเขาจึงได้เงียบไปและเดินทางกันต่อ
แต่แล้วเขาก็เห็นเพื่อนของเขาอีกคนมีสีหน้าแปลกไปและยืนตัวสั่นอยู่แบบนั้น เขาจึงได้เดินไปสะกิดเพื่อนของเขาและเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าเห็นสีหน้าแปลกไป แต่เพื่อนเขาก็ได้ปฏิเสธและบอกว่าไม่มีอะไรหรอกและได้เดินนำหน้าเพื่อที่จะได้ไปถึงจุดกางเต้นท์เสียที หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้เดินทางถึงจุดกางเต้นท์เป็นที่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสี่คนก็ได้ไปแยกย้ายกางเต้นท์กันทั้งหมด แต่แล้วเขาก็ได้ไปช่วยเพื่อนคนที่ยื่นนิ่งๆเมื่อสักครู่ ด้วยความสงสัยว่าก่อนหน้านี้เขานั้นเป็นอะไร เขาจึงได้ออกปากถามเพื่อนของเขาว่าเมื่อกี้เพื่อนของเขาได้เห็นอะไรกันแน่ถึงได้มีสีหน้าแบบนั้น เพื่อนของเขาก็ตกใจที่โดนถามแบบนั้นและยังคงปฏิเสธเขาอยู่ดี และได้บอกว่าหลังจากกลับทริปนี้เขาจะเล่าให้ฟังอีกครั้ง
ไม่ทันที่เขาจะได้ถามเพื่อนของเขาต่อ เพื่อนของเขาอีกคนก็ได้เดินเข้ามาขอความช่วยเหลือให้ไปช่วยกางเต้นท์หน่อย เพราะเขานั้นเหมือนจะกางเต้นท์ไม่ได้เสียที เขาจึงได้เดินไปช่วยเพื่อนเขา จังหวะที่เขานั้นกำลังจะกางเต้นท์ตามปกตินั้น เขาก็ได้เจาะดินเพื่อนที่จะปักเสาสำหรับกางเต้นท์ แต่แล้วเขาก็ปักดินเท่าไหร่มันก็ไม่ลง เพราะมันเหมือนกำลังติดอะไรแข็งๆอยู่ตรงข้างล่างของดิน เพื่อนของเขาจึงได้บอกให้เขาลองขุดดูเพื่อที่จะได้ปักได้ง่ายขึ้น แต่จังหวะที่เขากำลังขุดนั้น ก็เหมือนว่าเขาจะพบกับอะไรบางอย่างที่เป็นสิ่งแข็งๆที่ทำให้เขาปักไม่ลงแล้ว เขาจึงได้เรียกเพื่อนๆของเขาทั้งหมดมาดูว่านี่มันคืออะไรกันแน่ เขาก็ค่อยๆขุดดูว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร แต่แล้วไม่ทันที่จะได้ทำอะไรเขาก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็นเพราะสิ่งที่อยู่ในดินนั้นมันเป็นเหมือนกับลักษณะของกระดูกที่ไม่รู้ว่าเป็นกระดูกอะไรกันแน่ แต่พอขุดเข้าไปเรื่อยๆอีก คำตอบของสิ่งที่พวกเขาสงสัยก็ค่อยๆเปิดเผยขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะเขาก็ได้เห็นเหมือนโครงกระดูกขึ้นมา และสิ่งที่ทำให้เขาแถบจะควบคุมสติไม่อยู่แล้วนั่นก็คือ เขาได้เห็นเหมือนฟันของคนและเห็นเหมือนกับกระโหลกกัน
ตอนนั้นเขากับเพื่อนๆเริ่มจะไม่ไหวกับสิ่งที่เห็นจึงได้ตกลงกันว่าจะลงไปจากดอยๆนี้ทันทีและรีบแจ้งเรื่องที่เห็นไปให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลบริเวณนี้มาดูกันหน่อย จนมารู้ทีหลังว่าบริเวณนั้นเคยเป็นที่ที่เขานั้นฝั่งศพของชาวดอยในสมัยก่อนกัน และที่สำคัญ เรื่องที่เพื่อนของเขาเจอมานั้นก็คือ เพื่อนของเขาได้เห็นคนนั่งอยู่ข้างบนต้นไม้ตอนจังหวะที่ได้ยินเสียงและคนๆนั้นก็ยิ้มมาให้พวกเขาพร้อมกับทำท่าเหมือนเขย่าต้นไม้แบบนั้น เขาทำอะไรไม่ถูกแต่จะให้หนีออกจากดอยหลอนนี้ก็ยังออกไปไม่ได้เลยไม่ได้เล่าให้เขาฟังก่อน เพราะกลัวจะหมดสนุกกันนั่นเอง…