เหตุการณ์ต่อไปนี้ได้เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอมีชื่อว่า “ยุ้ย” ตัวเธอนั้นเป็นคนที่เชื่อเรื่องของวิญญาณหรือสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ถ้าถามว่าเธอนั้นกลัวไหม เธอเป็นคนที่ค่อนข้างไม่กลัวเรื่องพวกนี้มากนัก แต่เธอก็ได้มีโอกาสที่ได้พบเจอกับเรื่องที่ไม่สามารถอธิบายได้กับตัวเอง วันนี้แอดจึงขอนำเสนอเรื่อง “ชุมทางผีผ่าน” ขอให้ทุกคนอ่านกันให้สนุกนะครับ รับรองว่าหลอนแน่นอน บรื้อ…
เรื่องนี้เกิดขึ้นมาตอนที่เธอนั้นเรียนอยู่มหาลัย เธอนั้นเรียนเกี่ยวกับวรรณคดี พอเรียนเกี่ยวกับด้านนี้เธอก็ต้องออกเดินทางไปที่ต่างจังหวัดบ่อยๆเพราะต้องไปศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่อยู่ตามต่างจังหวัด และทุกครั้งที่เธอต้องออกไปตามต่างจังหวัดเธอก็ต้องไปนอนพักตามบ้านของนักโบราณคดี และมีวันหนึ่งที่เธอนั้นต้องออกไปศึกษาที่จังหวัด นครราชสีมา ด้วยความที่ว่าตอนนั้นเธออยู่ปีหนึ่งก็ต้องไปตามรุ่นพี่ของเธอ พอได้เดินทางไปถึงก็ได้มีการแยกย้ายเข้าที่พักที่ทางมหาลัยและทางนักโบราณคดีจัดหามาให้ เธอก็ได้เข้านอนพักที่บ้านหลังหนึ่งของราชการ พอเข้าไปในบ้านเธอก็ได้โดนสั่งให้ไปนอนที่ชั้นสองที่ไม่ใช่ในห้อง เพราะชั้นสองของบ้านหลังนั้นห้องจะถูกล็อคเอาไว้ทั้งหมด เธอก็จะได้นอนอยู่ตรงบริเวณพื้นที่อยู่ตรงหน้าห้องเหล่านั้น เธอนอนตรงนั้นกับแก๊งเพื่อนของเธอประมาณ 3-4 คน เธอก็ได้นอนเรียงกับเพียงกันไป แต่เธอก็นึกสงสัยอยู่ภายในใจว่าทำไมทางผู้ใหญ่ไม่ให้พวกเธอนอนที่ห้องพักที่ล็อคเอาไว้ และก็ไม่บอกด้วยว่าทำไมห้องที่อยู่บนชั้นสองนั้นถูกล็อคเอาไว้ทั้งหมด
ในคืนนั้นเพื่อนๆของเธอก็นั่งเล่นไพ่กันเพราะนอนไม่หลับกัน แต่ด้วยความที่ปกติตัวเธอนั้นเป็นคนนอนเร็ว เธอจึงได้นอนก่อนเพื่อนๆ เธอได้นอนตะแคงหันหน้าเข้าไปที่ทางหน้าประตู ระหว่างนั้นเธอก็นอนหลับๆตื่นๆ แต่แล้วเธอก็รู้สึกได้ว่ามีมือเย็นๆมาจับตรงบริเวณคอของเธอ มันไม่ใช่การจับเฉยๆแต่มันคือการบีบเลย และก็มีเสียงของคนที่เข้ามาใกล้ๆหูของเธอพูดขึ้นมาว่า “ถอยไปๆ” เสียงๆนั้นเป็นเสียงต่ำๆแหบๆ พอได้ยินแบบนั้นเธอก็สบัดตัวตื่นขึ้นมาและหันหลังไปมอง ก็ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่ข้างหลังเธอเลย เพราะเพื่อนๆของเธอก็ยังคงนั่งจับกลุ่มเล่นไพ่กันอยู่ เธอก็รู้สึกแปลกใจเพราะสิ่งที่เธอโดนนั้นรู้สึกจริงๆ แต่เธอก็หันหลังกลับไปนอนต่อ ตอนนั้นเธอก็เริ่มรู้สึกระแวงจึงทำให้เธอนอนไม่ค่อยหลับ นอนหลับตาบ้างเปิดตาบ้างไปๆมาๆ แต่จังหวะที่กำลังเปิดปิดตานั้น สายตาของเธอได้ไปเห็นช่องเล็กๆที่อยู่ตรงใต้ประตูที่อยู่ตรงหน้าเธอ
เธอได้เห็นเหมือนเท้าของคนยืนอยู่ข้างในประตูผ่านช่อง เธอรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันทีและได้ลุกขึ้นมาและพอจะรู้ได้ว่านี่คงไม่ใช่เพื่อนแกล้งแล้ว เธอจึงได้คิดไปเองว่าเธอคงไปนอนขวางทางเขารึเปล่า เลยโดนเตือนให้ออกไปจากทางเดินเขาอย่างแน่นอน เธอจึงค่อยๆลุกเข้าไปหากลุ่มเพื่อนที่เล่นไพ่กันและได้พูดกับเพื่อนว่า “พวกเราย้ายไปนอนตรงอีกด้านกันดีกว่า เพราะตรงนี้เขาจะเดิน” พอเพื่อนๆของเธอได้ยินแบบนั้นทุกคนก็ต่างเริ่มเข้าใจและได้ลุกขึ้นมาเก็บของกัน แต่ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะไปนอนที่ไหนกัน บางคนก็ไปนอนในครัว บางคนก็ไปนอนแอบตรงมุม สรุปว่าคืนนั้นทุกคนก็นอนไม่หลับกันเลย เธอก็ได้นึกในใจและพูดในใจว่า “วันนี้เธอแค่มาเรียนเท่านั้น จะขอแค่นอนพักคืนนึง เดียวพรุ่งนี้ก็ไปแล้ว ขอนอนคืนนึงนะคะ” พอตอนเช้ามาทุกคนก็ได้มองหน้ากันด้วยความเพลียเพราะนอนไม่หลับกัน
แต่แล้วเพื่อนคนนึงของเธอที่ได้ไปนอนในครัวก็ได้พูดขึ้นมาว่า เธอได้เจอบางอย่าง และได้เริ่มเล่าว่า เธอนั้นได้เจอเงาดำๆร่างหนึ่งนั้นนั่งอยู่บนตู้ที่อยู่ภายในห้องครัวในระหว่างที่นอนอยู่ ร่างๆนั้นเห็นได้ชัดเจนว่าหันหน้ามามองเธออยู่ เธอจึงได้ย้ายที่นอนไปนอนอีกมุมหนึ่งอีกครั้ง
พอรู้แบบนั้นเธอกับกลุ่มเพื่อนก็ได้เดินเข้าไปถามรุ่นพี่ที่น่าจะเคยมาที่นี่กันก่อนเมื่อปีก่อนๆว่า ทำไมถึงไม่ให้พวกเธอนอนในห้องที่ล็อคไว้บนชั้นสองกัน เพราะว่ามีอะไรหรือเปล่า รุ่นพี่ก็ได้ตอบเธอมาว่า “เจอใช่ไหมหล่ะ” นั่นก็หมายความว่าทางรุ่นพี่ก็ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่นอน รุ่นพี่จึงได้บอกว่าห้องๆนั้นไม่มีใครสามารถที่จะนอนได้หรอก เคยได้มีนักโบราณรุ่นเก่าหรือนักศึกษารุ่นอื่นๆได้เคยมาที่นี่และเข้าไปนอนในห้องก็ต่างนอนไม่ได้กันทั้งนั้น ห้องหลังนั้นเลยถูกล็อคเอาไว้เลย อาจจะเป็นเพราะที่บริเวณแถวนั้นเป็นชุมทางผีผ่านที่มีวิญญาณเดินผ่านกันมาค่อนข้างเยอะ พื้นที่แห่งนี้มีประวัติศาสตร์ค่อนข้างเยอะ มีคนตายโหงกันค่อนข้างเยอะ ก็เลยทำให้วิญญาณค่อนข้างเยอะ ถ้าให้พูดตรงๆ พื้นที่ตรงนั้นคงมีวิญญาณมากกว่า 10 ก็ว่าได้
พอได้ยินแบบนั้นเธอก็นึกร่วมกับเหตุการณ์ที่เธอเจอเมื่อคืนจึงเข้าใจทันทีว่าตรงที่เธอนอนนั้นเป็นชุมทางผีผ่าน ที่วิญญาณนั้นไม่สามารถเดินผ่านได้ถ้าหากเรานอนอยู่ จึงได้มาเตือนให้เธอหลบทางไปให้เขาหน่อยนั่นเอง…