สวัสดีครับทุกคน วันนี้แอดจะนำเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อที่อยู่คู่กับมหาวิทยาลัยต่างๆมาให้ทุกคนได้อ่านกัน ซึ่งในแต่ละสถาบันหรือสถานที่ตามมหาวิทยาลัยนั้นต่างมีความเชื่อที่แตกต่างกันไป ซึ่งบางสถานที่นั้นแอดก็เพิ่งเคยได้ยินจากปากของเด็กมหาวิทยาลัยนั้นๆพูดกันมา เช่น หากใครที่ได้เข้าไปเที่ยวในมหาวิทยาลัยรามคำแหง เด็กที่นั่นจะมีความเชื่อกันว่า ใครที่เข้าไปห้ามที่จะไปไหว้พ่อขุน ถ้าหากใครไปยกมือไหว้พ่อขุน เขาหรือเธอที่ยกมือไหว้นั้นจะถูกเรียกให้ไปอยู่กับพ่อขุน ให้ไปเป็นลูกพ่ออะไรประมาณนั้น นี่ก็เป็นหนึ่งในความเชื่อของเด็กมหาลัยรามคำแหงนี่เอง แอดจึงได้นำเรื่องราวความเชื่อของบางมหาลัยให้ทุกคนได้อ่านกันในวันนี้ ถ้าอยากรู้แล้วว่าจะเป็นอย่างไรของแต่ละความเชื่อ ขอให้อ่านกันให้สนุกนะครับ บรื้อ…
เราจะมาเริ่มต้นที่ความเชื่อของมหาลัยชื่อดังอันดับหนึ่งที่แอดเชื่อว่าใครๆก็รู้จักกันดีเกี่ยวกับมหาลัยนี้นั้นก็คือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั่นเอง โดยเด็กที่อยู่ในมหาลัยนี้นั้นต่างมีความเชื่อกันอย่างนึงที่นักศึกษาส่วนใหญ่ต่างเชื่อกันมาหลายรุ่นนั่นก็คือเกี่ยวกับสระน้ำที่อยู่ข้างในมหาลัยแห่งนี้ เขาพูดกันปากต่อปากว่าสระน้ำแห่งนี้นั้นจะมีทั้งความโชคดีและโชคร้ายอยู่ข้างในสระน้ำแห่งนั้น วันดีคืนดีถ้าวันไหนคุณได้เดินผ่านสระน้ำจุฬาไปและได้พบเห็นกับเต่าที่อยู่ภายในสระน้ำแห่งนั้น เขาจะมีความเชื่อกันว่าหลังจากนั้นคุณจะโชคดีตามมา แต่ในทางกลับกันหากคุณได้เดินๆไปและได้พบเจอกับตะพาบนั้น คุณจะเกิดความโชคร้ายตามมา ซึ่งเต่ากับตะพาบนั้นก็มีลักษณะที่ค่อนข้างที่จะคล้ายกัน และมีการพูดกันว่ายิ่งนักศึกษาคนไหนกำลังจะมีการสอบหรือการพรีเซ้นต์งานที่จะใกล้เข้ามาถึงและได้ไปพบเจอกับเต่า นักศึกษาคนนั้นก็จะสอบผ่านหรือเสนอพรีเซ้นต์ผ่านอย่างแน่นอน แต่หากได้เจอกับตะพาบก็ต้องขอให้ทำใจไว้ได้เลย และต้องตั้งใจกว่าเดินเป็นสิบๆเท่า เพราะคุณจะโชคร้ายอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังมีอีกสถานที่หนึ่งที่เขาห้ามไม่ให้นักศึกษาหรือใครก็ตามที่จะไปถ่ายรูปนั้นห้ามไปถ่ายรูปที่ส่วนนี้เป็นอันขาดเลย นั่นก็คือหน้าตึกอักษรที่เป็นส่วนบริเวณบันไดที่เป็นพยานาค โดยความเชื่อที่พูดกันนั้นคือการที่ห้ามไปถ่ายรูปที่บริเวณนั้นก่อนเรียนจบ ถ้าใครก็ตามที่ไปถ่ายตรงบริเวณนั้นเขาว่ากันว่าคนๆนั้นจะถูกรีทายหรือโดนออกและเรียนไม่จบจากมหาลัยนี้ แต่ถ้าคุณได้จบจากมหาลัยแห่งนี้ไปแล้วนั้นคุณก็ต้องมาถ่ายรูปที่แห่งนี้เพื่อยืนยันว่าคุณนั้นได้เรียนจบไปแล้วอย่างโดยดี
และอีกอย่างนึงที่พูดกันก็คือต้นไม้ที่มีชื่อว่า ต้นชงโค ที่เป็นเหมือนกับต้นไม้ที่เป็นดั่งของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ โดยมีการห้ามกันว่าไม่ให้นักศึกษาไปเด็ดใบชงโคกันโดยเด็ดขาด เพราะเขาเชื่อกันว่าต้นนี้นั้นเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิที่อยู่มาคู่กับประจำมหาลัย ถ้าคุณได้เด็ดดอกชงโคออกมา มันจะทำให้คุณเจอแต่โชคร้ายและพบเจอแต่สิ่งไม่ดีตามๆมา และเวลาทำอะไรภายในมหาลัยก็จะไม่ประสบความสำเร็จสักอย่าง
นอกจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้วยังมีมหาลัยชื่อดังอีกแห่งหนึ่งที่มีความเชื่อเหมือนกันนั่นก็คือ มหาลัยธรรมศาสตร์ที่อยู่ตรงแถวท่าพระจันทร์ ซึ่งก็มีกันพูดของทั้งคุณครูและนักศึกษาหรือแม้กระทั่งคนที่อยู่แถวนั้นต่างรู้ดีกันเกี่ยวกับความเชื่อของมหาลัยนี้ เคยมีรุ่นพี่ที่มักจะเตือนรุ่นน้องที่มาเป็นเด็กใหม่ที่มหาลัยแห่งนี้กัน โดยที่ในมหาลัยธรรมศาสตร์นั้นจะมีโดมขนาดใหญ่ที่อยู่ในมหาลัยแห่งนั้นอยู่ เขามักจะเตือนกันว่าถ้าไปเรียนอยู่ที่นั่น ใครก็ตามก็ห้ามที่จะไปถ่ายรูปคู่กับโดมนี้เป็นอันเด็ดขาด ห้ามถ่ายรูปแล้วมีโดมติดอยู่ในภาพเป็นอันเด็ดขาด เพราะเขาเชื่อกันว่าหากคุณถ่ายรูปคู่กับโดมเมื่อไหร่นั้นมันจะทำให้คุณเรียนไม่จบจากมหาลัยแห่งนี้ และก็ได้มีนักศึกษาที่อยากลองดีและไม่ได้สนใจคำเตือนที่มีพูดกันมาลองทำแล้ว และนักศึกษาคนนั้นก็เรียนไม่จบจริงๆ โดมแห่งนี้จึงเป็นเหมือนสถานที่ต้องห้ามที่ไม่ควรจะมายุ่งหรือเกี่ยวกับข้องกัน
และจะมีอีกจุดหนึ่งที่ถูกพูดถึงกันเป็นอย่างมากก็คือตรงบริเวณรูปปั้นพญานาคที่อยู่ในมหาลัยแห่งนี้เช่นกัน ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ถูกห้ามไว้ไม่ให้ไปถ่ายรูปคู่เด็ดขาด และหากใครไม่เชื่อแล้วไปถ่ายนั้นก็จะทำให้คุณนั้นเรียนไม่จบเช่นเดียวกัน เพราะหากไปถ่ายก็จะเป็นลางไม่ดี แต่ถ้าหากใครที่เรียนจบไปแล้วก็สามารถที่จะกลับมาถ่ายรูปกับสถานที่เหล่านี้ได้ตามปกตินั่นเอง
ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นตัวอย่างของความเชื่อของแต่ละมหาลัยที่มีความเชื่อแตกต่างกันมาก วันนี้แอดจึงได้ยกตัวอย่างจากสองมหาลัยชื่อดังที่เชื่อว่าใครๆก็รู้จักมาให้ทุกคนได้อ่านและทราบกัน และแอดเชื่อว่าทุกคนก็รู้กันว่ามหาลัยที่ตัวเองเรียนกันอยู่นั้น ก็จะมีความเชื่อที่ตัวเองต่างรู้ตัวกันดี และมันก็เป็นความเชื่อที่บางคนอาจจะเชื่อ และบางคนก็ไม่คิดจะเชื่อเลยก็มี แต่ทางที่ดีที่สุดเราก็ไม่ควรจะไปหาเรื่องทำอะไรที่เขาห้ามจะดีกว่านั่นเอง…