เรื่องสยองขวัญในครั้งนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผีกระสือที่อยู่ในจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งหากพูดถึงผีกระสือในปัจจุบันนั้นก็ว่าได้ว่ามันเป็นตำนานกระสือที่มีการพูดถึงกันมาในตั้งแต่อดีต แต่ปัจจุบันก็ไม่ค่อยมีการพูดถึงมากนัก และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาในอดีตเมื่อหลายสิบปีมาก่อนเช่นกัน มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากับผู้ชายคนหนึ่ง ที่เขาเป็นคนที่ได้เจอกับเรื่องๆนี้มาเอง วันนี้แอดขอนำเสนอเรื่อง “กระสือยายเฒ่า” ถ้าอยากรู้แล้วว่าเป็นอย่างไร ขอให้ตั้งใจอ่านกันนะครับ บรื้อ…
ครอบครัวของเขานั้นเป็นครอบครัวที่มีเชื้อสายเกี่ยวกับเรื่องของไสยศาสตร์ซึ่งแน่นอนว่าเขานั้นก็เป็นคนที่เคยได้เห็นเกี่ยวกับวิญญาณมาบ้างตั้งแต่เด็กจนโต บ้านของเขาที่อยู่จังหวัดนครสวรรค์นั้นเป็นบ้านที่อยู่ในป่าเขา ด้วยความที่เมื่อก่อนนั้นการพัฒนาไม่ดีเท่าปัจจุบันทำให้ถนนหรือการเดินทางมักจะลำบาก ในสมัยนั้นในเวลากลางคืนช่วงฤดูหนาวจะเป็นอะไรที่หนาวมาก ซึ่งทางบ้านก็มักจะให้ที่บ้านรีบอาบน้ำก่อนฟ้าจะมืด เพราะเวลาในตอนกลางคืน อากาศจะหนาวเป็นอย่างมาก เขาก็ทำตามที่บ้านเขาบอกมาโดยตลอด คือการอาบน้ำตั้งแต่ประมาณ 3-4 โมงเย็นแล้วก็เข้าบ้านก่อนกลางคืนนั่นเอง
มีอยู่วันหนึ่งที่แม่ของเขาได้บอกให้เขารีบอาบน้ำก่อนที่จะมืดค่ำและได้ให้เขารีบกินข้าวอะไรให้เสร็จ และได้พูดขึ้นมาว่า วันนี้เป็นวันพระ เลยอยากจะให้เขาเข้านอนให้เร็วกว่าปกติสักหน่อย ด้วยความที่ตอนนนั้นเขายังคงเป็นเด็กอยู่มากเลยเกิดความสงสัยจึงได้ถามกับแม่ของเขาว่าทำไมถึงให้นอนเร็วจัง แม่ของเขาตอบเขาเพียงแค่ว่า “เชื่อแม่เถอะ แม่บอกให้นอนก็นอน” เพราะตอนนั้นแม่ของเขาก็รู้สึกไม่ดี จึงให้เขารีบเข้านอนจะดีกว่า ในตอนนั้นเขาได้เห็นสีหน้าของแม่ของเขาว่าเหมือนกำลังจะกลัวอะไรบางอย่างอยู่ เขาเลยเข้านอนทันทีตามที่แม่เขาบอก ด้วยความที่ปกติแล้วเขานั้นไม่ได้นอนเร็วๆแบบนี้มานานแล้ว เขาเลยนอนไม่ค่อยจะหลับ ได้แต่นอนหันซ้ายและขวาอยู่แบบนั้น จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นมา มันเป็นเสียงพึมพำๆเหมือนคนเอาอะไรมาพัดแบบพัดไปมาๆ เสียงนี้มันดังขึ้นมาเป็นระยะๆ ตอนนั้นเขารู้สึกว่าเสียงๆนี้มันใกล้เข้ามาในบ้านของเขาเรื่อยๆ จนเขารู้สึกว่ามันมีอะไรที่ผิดปกติไป แล้วจู่ๆเสียงๆนี้ก็ลอยเข้ามาในบ้านของเขา เขาสามารถรู้สึกได้ว่าเสียงๆนี้มันตรงไปทางหิงพระ
แล้วเขาก็ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังกินข้าว มันเป็นเสียงที่เหมือนคนกำลังกินอะไรแบบมู่มมาม เขาก็แอบฟังอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ สักพักเขาก็ได้ยินเสียงเหมือนมีใครไปยุ่งกับจานชามที่อยู่บนหิงพระ ซึ่งบนหิงก็จะมีพวกอาหารกับข้าว เป็นอาหารทั้งของคาวและของหวาน หลังจากเสียงของคนที่กำลังกินอะไรสักอย่างหยุดลง มันก็ได้กลายเป็นเสียงของคนทำลายข้าวของดังขึ้นมา แล้วก็เหมือนกับเสียงเหมือนดังพึบพำๆดังขึ้นมาอีกภายในบ้าน เขาก็ฟังอยู่แบบนั้นจนเวลาได้ผ่านไปจนถึงตอนเช้า พอเขาตื่นขึ้นมา เขาก็ออกมาดูข้างนอกห้องว่าเป็นอย่างไรบ้าง แล้วเขาก็ได้เห็นแม่ของเขากำลังเก็บของและทำความสะอาดจานชามที่อยู่ตรงบริเวณหิงพระนั้น ตอนนั้นมันเป็นเวลาเช้ามาก ซึ่งปกติแล้วแม่เขาก็ไม่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ และเขาก็ได้เห็นย่าของเขากำลังเอาผ้าเช็ดอะไรบางอย่างอยู่ตรงบริเวณพื้น พอเขาได้เดินเข้าไปใกล้ๆจึงได้รู้ว่าที่ย่าเขากำลังเช็ดอยู่นั้นคือคาบเลือด มันเป็นเลือดที่ปนอยู่กับคาบของหวานของคาวที่กระเด็นเต็มอยู่ตรงพื้นไปหมด พวกเศษจานที่ล้นแตกก็เต็มบ้านไปหมดเลย
หลังจากที่แม่กับย่าทำความสะอาดเสร็จ แม่ของเขาก็เหมือนจะไปคุยกับข้างบ้าน ซึ่งเป็นการคุยที่ค่อนข้างเสียงดังจนทำให้เขาได้ยินเสียงที่แม่คุยกับคนข้างบ้านด้วย เขาจับใจความได้ว่า “เมื่อคืนมันมาถึงบ้านเลยนะ มันไม่กลัวใครเห็นหน้าเลย ไม่กลัวว่าคนจะจับได้เหรอ” ซึ่งพอเขาได้ยินเขาก็ค่อนข้างงงกับสิ่งที่แม่ของเขาคุยกับคนข้างบ้าน แต่ก็ได้แต่คิดในใจและไม่ได้ถามอะไรแม่ของเขาอยู่ดี พอเวลาผ่านไปจนถึงตอนกลางคืนของวันนั้นอีก และก็เหมือนเดิมว่า เขาโดนแม่ของเขาสั่งให้นอนเร็วอีกแล้วในคืนนี้ และมันก็เหมือนเดิมที่ว่าเขานั้นนอนไม่หลับอีกแล้ว ตอนนั้นพอเขานอนไม่หลับ เขาก็ได้แต่นึกถึงเรื่องเมื่อคืนว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่แล้วไม่ทันที่เขาจะคิดถึงเรื่องนั้นได้ไม่นาน เขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาภายในบ้านอีกแล้ว มันเป็นเสียงที่ดังเหมือนเมื่อคืนเลย และครั้งนี้เขาก็รู้สึกสงสัยจึงได้เดินออกไปดูนอกห้องด้วยความไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
พอเขาออกจากห้องไปดู เขาก็ถึงกับตัวนิ่งและทำตัวไม่ถูกเพราะสิ่งที่เขาเห็นก็คือ เป็นหัวของยายแก่คนหนึ่งที่มีแต่หัวและมาพร้อมกับเครื่องในที่ติดหัวมา พร้อมกับไฟสีแดงอ่อนๆที่ฉายแสงเข้ามาที่ตัวเขา พอเขาเห็นแบบนั้นเขาก็ตะโกนร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว พอยายแก่คนนั้นได้ยินเข้าก็รีบลอยตัวเองหนีไปทันที และแม่ของเขาก็รีบเดินมาหาเขาพร้อมกับปลอบเขาที่ตัวสั่นจนตัวเขาได้หลับไป
จนตอนเช้ามาแม่ของเขาจึงได้เล่าว่านั่นคือวิญญาณของกระสือที่อยู่มาภายในระแวงนี้ ซึ่งแม่ของเขาก็ไม่รู้ว่ากระสือตนนี้มาจากไหนกันแน่ แต่ทุกคนที่มีอะไรแบบนี้ขึ้นมาแม่ของเขาก็จะมีความรู้สึกก่อนตลอดและรับรู้ได้ทันที ซึ่งหลังจากวันนั้นแม่ของเขาก็ได้เอาสายสินธุ์พันบ้านไว้และได้ทำพิธีอะไรบางอย่าง จนไม่มีเจ้ากระสือยายเฒ่านี่มาอีกเลย และก็ไม่รู้ว่าปัจจุบันนี้ กระสือตนนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไปกวนบ้านไหนแทนแล้วหรือเปล่า…