ตึกแมนชั่น S.K. ตั้งตระหง่านอยู่ตรงทางเหนือมุมถนน West Broadway และ Union Street ในการ์ดเนอร์ รัฐแมสซาชูเซตส์ S.K. เพียร์ซ แมนชั่นเรียกร้องความสนใจหรือมีจุดเด่นที่คนภายนอกสามารถเห็นได้โดยจากภายนอกด้วยผนังสีเทาและบานประตูหน้าต่างสีดำ สไตล์วิคตอเรียนคลาสสิก ซึ่งสไตล์นี้คือต้นแบบที่สมบูรณ์แบบของบ้านผีสิง ข้างในนั้นมีความมืดอยู่อย่างมาก โดยมันมืดกว่าข้างนอก จริงๆ ตึก S.K. เพียร์ซ แมนชั่นนี้ มีเจ้าของอยู่สองคน แล้วทั้งคู่ที่เป็นเจ้าของบ้านตั้งแต่ปี 2551 ถึง 2558 แต่จริงๆแล้วทั้งคู่นั้นอาศัยอยู่ที่นั่นเพียงสองปีก่อนที่พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องย้ายออก เนื่องด้วยอะไรหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นภายในตึกแห่งนี้ แต่ S.K. เพียร์ซ แมนชั่น ต่างจากบ้านผีสิงที่มีชื่อเสียงอื่นๆในประเทศ บ้านผีสิง S.K. เพียร์ซ แมนชั่น ไม่เคยเกิดเหตุอาชญากรรมที่น่าอับอายมาก่อน แต่เป็นบ้านในฝันของนักธุรกิจผู้มั่งคั่งและครอบครัวของเขา ซึ่งเมื่อสร้างเสร็จในปี 2418 ก็กลายเป็นฝันร้ายอย่างรวดเร็ว และยังคงมีประวัติมากกว่านั้นให้ได้อ่านกันอีก
S.K. เพียร์ซ แมนชั่นมีพื้นที่ 6,661 ตารางฟุต ซึ่งที่มาของชื่อ S.K. เพียร์ซ ได้รับการตั้งชื่อตามเจ้าของเดิม เขาเป็นผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่ประสบความสำเร็จอย่าง Sylvester Knowlton Pierce โดยตึกแห่งนี้ตกแต่งด้วยคุณสมบัติล้ำสมัย เช่น ระบบไฟแก๊สในห้องพักทุกห้อง เตาเผา Winthrop ขนาดใหญ่ และน้ำไหลตลอด นับเป็นความมหัศจรรย์สำหรับช่วงเวลาดังกล่าว เพียร์ซไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ในการสร้างบ้านสามชั้นนี้ แต่น่าเศร้าที่เขาแทบไม่มีเวลาเพลิดเพลินไปกับผลงานของเขาก่อนที่โศกนาฏกรรมจะเกิดขึ้น เพียงสองสัปดาห์หลังจากย้ายเข้ามา ซูซาน ภรรยาของเพียร์ซ เสียชีวิตจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ตัวเธอได้กินเนื้อเข้าไป และที่สำคัญนั้นเธอไม่ใช่สมาชิกครอบครัวเพียร์ซคนสุดท้ายที่เสียชีวิตภายในตึกแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
หลังจากเอส.เค. เพียร์ซเสียชีวิต (ที่บ้าน) ในปี พ.ศ. 2431 บ้านหลังนี้ก็ต้องถูกดูแลโดย เอลเลนเพียร์ซ เธอเป็นภรรยาคนที่สองของเขา ซึ่งหลังจากการดูแลของเธอที่ตึกแห่งนี้ได้ไม่นานเธอก็ได้เสียชีวิตลงไปที่บ้านหลังนี้เช่นกันเหมือนกับภรรยาคนแรกของเขา แมนชั่นหลังนี้ถูกทิ้งให้ลูกชายสามคนของ S.K. ซึ่งใช้เวลาหลายปีต่อสู้เพื่อเป็นเจ้าของธุรกิจบ้านและเฟอร์นิเจอร์ของครอบครัว จนกระทั่งลูกชายคนโตสองคนย้ายออกไปในที่สุด อย่างไรก็ตาม การเข้าควบคุมตึกแห่งนี้ไม่ได้ส่งผลให้เอ็ดเวิร์ด เพียร์ซ ลูกชายคนสุดท้องประสบความสำเร็จหรือมีความสุข น่าเศร้าที่ราเชล เพียร์ซ ลูกสาววัยสองขวบของเขาเสียชีวิตในบ้านจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ต่อมา หลังจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ทำให้ทรัพย์สมบัติของครอบครัวหมดไป เอ็ดเวิร์ดและภรรยาของเขาได้เปลี่ยนคฤหาสน์นี้ให้เป็นหอพักเพื่อพบปะสังสรรค์ ในปีพ.ศ. 2508 บ้านก็พังทลายและเอ็ดเวิร์ดถูกบังคับให้มอบมันให้กับเพื่อน โดยโอนกรรมสิทธิ์ภายนอกครอบครัวเพียร์ซเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการก่อสร้างบ้าน
คนที่ห้าและคนสุดท้ายที่ยืนยันว่าเสียชีวิตในตึกแมนชั่นแห่งนี้คือ Eino Sauri ชาวสวนและทหารผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นตึกเป็นหอพักแล้ว ในปีพ.ศ. 2506 เขาถูกไฟไหม้จนตายเมื่อเขาอายุได้ 49 ปีในห้องนอนของเขาเอง หลังจากที่ที่นอนของเขาถูกไฟไหม้อย่างลึกลับ ตั้งแต่นั้นมา ผู้มาเยือนและอดีตผู้อาศัยหลายคนเล่าว่าเคยมีประสบการณ์คล้ายกันในห้องนอนบางห้อง เพียงชั่วครู่เท่านั้น พวกเขาก็ได้พบกับกลิ่นของบางสิ่งที่ลุกโชนอยู่ชั่วขณะ มีการกล่าวกันว่าวิญญาณของสมาชิกในครอบครัวเพียร์ซผู้ล่วงลับไปแล้ว มาทำให้การปรากฏตัวของพวกเขาเป็นที่รู้จักเช่นกัน มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับวิญญาณที่มีลักษณะเหมือนกับเด็ก ที่คิดว่าเป็นราเชล เพียร์ซ กำลังเล่นอยู่ในห้องบนชั้นสาม และเหล่าวิญญาณทั้งห้าตนที่เล่ามานี้ ไม่ใช่ทั้งหมดจากที่ผู้ได้มานอนนั้นได้เจอกันมา
ในช่วงสองปีที่เอ็ดวิน กอนซาเลซและลิเลียน โอเตโรอาศัยอยู่ที่นั่น (พ.ศ. 2552-2554) เพื่อนบ้านหลายคนเล่าว่าเห็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่มี “ผมสีเหลือง” วิ่งไปมาระหว่างหน้าต่างของพวกเขา ซึ่งน่าขนลุกมากกว่าเมื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ทั้งคู่ไม่มีลูก แต่ประสบการณ์ส่วนตัวของพวกเขาในบ้านนั้นน่ากลัวกว่ามาก นอกจากเสียงฝีเท้าที่ดังออกมาภายในตึก ประตูกระแทกและวัตถุที่เคลื่อนที่ด้วยตัวเองแล้ว เอ็ดวินและลิเลียนยังพบกับหลายสิ่งหลายอย่างทั่วทั้งบ้าน รวมทั้งร่างเงาในห้องใต้ดิน และหญิงสาวผมสีเข้มที่มีรอยยิ้มน่าขนลุกออกมาให้พวกเขาได้เห็น เรื่องราวของพวกเขาในที่สุดก็กลายเป็นหัวข้อของหนังสือ Bones In The Basement โดย Joni Mayhan
หลังจากนั้น ตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 2000 ได้มีคนที่มีจิตพิเศษหรือหมอผี จำนวนนับไม่ถ้วนได้มาเยือน S.K. เพียร์ซ แมนชั่น แห่งนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ได้บรรยายถึงวิญญาณเดียวกันที่มีลักษณะเหมือนกันอยู่ตลอด รวมถึงแมดดี้ คอร์นวอลล์ เธอเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่ดูแลเด็กๆเพียร์ซ เชื่อกันว่าตึกแห่งนี้เป็นสถานที่แห่งเดียวที่ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านของเธอจริงๆ และวิญญาณของผู้ที่ได้ตายไป ณ ที่แห่งนี้นั้น วิญญณของพวกเขาทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์บ้าน คอยควบคุมวิญญาณอื่นๆ และป้องกันผู้บุกรุกที่ไม่พึงประสงค์นั่นเอง สล็อตแตกง่าย
ที่มา : www.housebeautiful.com/