สวัสดีครับ..พบกับผมแอดอีก..แล้วล่ะครับ วันนี้ผมได้เรื่องราวความหลอนสุดๆมาเล่าให้เพื่อนๆฟังกันครับ เรื่องหลอนต้องกลับก่อนค่ำ เป็นเรื่องราวของพี่คนชายคนหนึ่งครับ เขาได้เล่าเป็นเรื่องที่เขากับเพื่อนๆของได้ไปเที่ยวกันก่อนจะจบเรียนแยกย้ายกันไปเรียนต่อ ด้วยความที่ว่ารักเพื่อนล่ะครับช่วงอายุตอนนั้นผมว่าใครๆก็เป็นความรู้นึกนี้ก่อนจะจากเพื่อน เราก็ไปเที่ยวไปสังสรรค์สร้างความทรงจำดีๆกัน ตัวเขากับเพื่อนก็ได้พากันไปที่น้ำตก ไอ่ที่น้ำตกนี้ล่ะครับเป็นจุดเริ่มต้นของความหลอนในเรื่องนี้ จะเป็นอย่างไรมาฟังกันครับ…
เขาได้เล่าว่าตอนที่ตัวเขาอยู่ที่มัธยมต้นมันเป็นช่วงเวลาที่เพื่อนในกลุ่มต้องจากกันไปในตอนนั้นกลุ่มของตัวเขามีกันอยู่ประมาณ 7คนบ้างคนก็ไปสายอาชีพบ้างคนก็ไปสมัครนายสิบบ้างก็กลับไปช่วยพ่อแม่ขายของ ส่วนที่เหลือก็เลือกที่จะเรียนต่อ ม.ปลายมันช่วงเวลาที่กล้ำครึ่งในช่วงที่เป็นเด็กกับช่วงที่เป็นวัยรุ่น เป็นช่วงเวลาที่จะต้องได้แยกย้ายกับเพื่อนมันรู้วังเวง พวกเขาก็เลยตัดสินใจชวนกันไปเที่ยวส่งท้ายเพราะไม่รู้ว่าจะได้วนมาเจอกันอีกทีตอนไหน การที่เขากับเพื่อนได้เป็นเที่ยวด้วยมันจะได้สร้างประสบการณ์และความทรงจำตอนอยู่ด้วยกัน คิดว่าที่น้ำตกเป็นสถานที่ที่นั่งกินนั่งเล่นกันได้ หาที่นั่งริมน้ำตกบรรยายกาศดีๆ เพื่อนคนหนึ่งที่บ้านเปิดร้านซ่อมรถมันแอบเอารถลูกค้าที่เอามาซ่อม ขับออกมานับเพื่อนๆที่โรงเรียนหลังโรงเรียนเลิก เพื่อนอีกคนทำร้านขายของชำก็แอบเอาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มา2ขวดห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ใส่กระเป๋ามาพร้อมกับแก้วพลาสติก1แถว ส่วนตัวเขากับอีกเพื่อนที่เหลือก็ช่วยกันออกเงินค่าน้ำมันรถ ค่าขนมขบเคียวต่างๆ เพื่อไว้ไปกินด้วยกันที่น้ำตก.
พวกเรานั่งรถกระบะไปเรื่อยๆจนมาถึงป้ายน้ำตกแห่งแรกแต่ที่นี้น้ำมันมจะมีน้อยค่อนข้างขุ่น เป็นน้ำตกที่จะอยู่ปลายน้ำ พวกเขาก็เลือที่นะเดินทางต่อ ผ่านไปถึง4ที่ก็เลียวรถเข้าไปจอดน้ำตกแห่งที่4 ตอนมันเป็นเวลาช่วงประมาณ4โมงเย็น เริ่มใกล้เวลาเย็นแล้วคนที่มาเที่ยวน้ำตกตั้งแต่เช้า เขาก็ทย่อยกันจะกับหมดแล้ว ที่นั้นมันจึงเหลือแค่เพียงกลุ่มของตัวเขากับเพื่อนๆที่หอบหิ้วเอาของกินมาคนล่ะไม้คนล่ะมือแล้วก็พากันเดินหาทำเลที่จะรอบวงกินกันที่ริมน้ำตก แต่พอนั่งลงกับหินได้ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่เดินเข้ามา บอกว่า “น้องครับๆ ที่นี้ต้องกลับก่อน5เย็นนะครับ เพราะมันอันตรายเดียวจะพากัน พลัดตกน้ำตกท่าไม่มีคนช่วยนะครับ แถมแถวนี้ตกดึกมามีผีดุด้วยไม่อยากโดนผีหลอกก็ต้องรีบกลับนะครับ ”พวกเขาทั้ง7คนก็ได้มองหน้ากันแล้วถอยหายใจ มองหน้ากันทำน่าเซงๆ ก่อนกลับเขาก็มองไปเห็นกระดาษที่เขียนว่าทางไปน้ำตกน้อย จึงตกลงพากันจะไปนั่งกินที่นั้น เจ้าหน้ารู้ก็ไม่มีใครว่า แล้วพวกเขาทั้ง7คนก็เดินตามกันเข้าไปในป่าตามทางเล็กมันก็ใกล้จะค่ำเขาก็เปิดไฟฉาย จนไปถึงเห็นลำธารเล็กๆมีบริเวรลานก้อนหินใหญ่พอดีที่จะนั่งมีต้นตะคบอยู่ข้าง ก็พากันเปิดไฟฉายนั่งกินกันอย่างสนุกสนาน
พอสักเวลาประมาณหนึ่ง เขาก็มองเห็นแสงไฟเหมือนคนจะเดินมาทาง ตัวเขาเลยบอกเพื่อนให้ปิดไปมืด เดียวเจ้าหน้ามาไล่ ปิดไฟจนมืดมองไม่เห็นอะไรเลย ตัวเขาก็ได้ยินเสียงเพื่อนอีกคนบอกว่ามาทางนี้ เขาก็เดินตามไปด้วยที่มันมืดเขาก็จับชสยเสื้อเพื่อน เดินตามไปในป่าลึก ถามมันว่าพากันไปไหนมันก็ไม่ตอบสักพักเขามองเห็นเงาเพื่อนดำอยู่ข้าง พอนับดูแล้วทำไมมันเกินมา 1 คนเพราะมากับแค่7ทำไมนับได้8 ก็คิดในใจว่าใครเกินมา เลยเรียกให้เพื่อนหยุดก่อนแล้วถามมันว่า ใครเกินมาว่ะ แล้วตัวเขาก็เปิดไฟฉาย ส่องไปทางเพื่อน แล้วเพื่อนที่อยู่ข้างเขาก็หันกลับแล้วตอบมึงไง เขามองหน้าเพื่อนที่อยู่ข้างแต่ล่ะคนมันไม่ใช่เพื่อนตัวเองแต่เป็นผี หน้าทาทางมาไม่เหมือนกันบางคนคอหักแขนหัก บ้างคนตาหลุดออกมา บ้างไม่มีกาม พอเขาเห็นอย่างนั้นตัวสั่น ทำอะไรไม่ถูกร้องไห้วิ่งออกมา เหมือนจะได้ยินเสียงเท้าวิ่งตามหลังมา จนวิ่งมาเจอกับลุ่มเพื่อนๆ ที่โดนเจ้าหน้าจับได้ “เพื่อนไปไหนมา พอมึงบอกว่าให้ปิดไฟมึงก็เดินเข้าไปในป่า “ ตัวเขากลัวเลยเข้าไปกอดเพื่อนแล้วร้องไห้ เจ้าหน้าที่อีกคนก็เดินเข้ามาปลอบ แล้วเขาก็เล่าเรื่องที่เจอให้ทุกคนฟัง เพื่อนๆก็พากันขนลุกไปตามๆกัน แม้แต้เจ้าหน้าทีก็ไม่รู้ว่าสิ่งเขาเจอมันคืออะไร จนทำให้เขาไม่กล้าที่จะเที่ยวป่าอีกเลย..
เป็นไงบ้างครับกับเรื่องหลอนต้องกลับก่อนค่ำ รู้สึกหลอนๆไปตามกันไหมล่ะครับ สำหรับใครที่ได้อ่านได้ฟังกันที่กำลังมองหาที่เที่ยวป่าก็พาก็ให้ทำตามกฎของสถานที่ด้วยนะครับบบ เดียวจะได้เจอเหมือนกับกลุ่มเด็ก7คนนี้ ถ้าพูดถึงเรื่องลึกลับในป่าหรือในเขตน้ำตกมันก็มีทุกที่ แค่เราอย่าไปลบลู่พวกเขาเราก็ไม่เจอหรอกครับ ครับใครที่ชอบเรื่องราวหลอนๆแบบนี้ก็ติดตามแอดกับเรื่องต่อไปนะครับ