เราเป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง ก็เหมือนคนทั่วไปที่ต้องการพักผ่อน ด้วยร่างกายที่ทำงานมาทั้งปีแถมไม่ได้หยุดพักผ่อนกับเขาเลย มองไปที่ปฏิทินกำลังเข้าสู่ช่วงหน้าหนาว เราก็คิดเลยว่าถึงเวลาที่ต้องเติมพลังให้ร่างกายแล้วสินะ กิจกรรมในช่วงนี้จากเหล่าบรรดานักท่องเที่ยว นักผจญไพร ก็คงไม่พ้น การไปตั้งแคมป์ปิ้ง ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ราบ ตามภูเขา ตามริมแม่น้ำสายหลักประจำจังหวัดต่างๆ
หรือจะเป็นอุทยานสำคัญขึ้นชื่อต่างในจังหวัดนั้น ในปีนี้เราก็ได้วางแผนเลยว่าต้องไปอุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน ได้สถานที่แล้วก็ต้องเตรียมอุปกรณ์ตั้งแคมป์ ของกิน เล็กๆน้อยๆ สำคัญเลยก็คือสุราจะขาดไม่ได้หมดสนุกแน่ วันนั้นเราก็ไปตรวจเช็ครถให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะเดินทางและต้องปลอดภัยด้วย คราวนี้เราก็จะหาสมาชิกเพื่อนที่จะเดินทางไปกับเรา
ในทริปนี้เราชวนไปทั้งหมด 4 คนก็จะมี เรา นุก เดี่ยว และ เก้า เพื่อนของเราทุกคนจะมีรถยนต์แต่พวกเราคงไม่เอาไปทุกคันหรอกทางเดียวกันไปด้วยกันดีที่สุดเราได้มีการโหวตว่าจะเอารถของใครไปดีสุดท้ายก็ไม่พ้นรถของเราอยู่ดี เพราะดูแล้วรถใหม่ที่สุด ดีกว่าเอารถของพวกมันไป ถ้าเกิดไปเสียระหว่างทางแทนที่จะเที่ยวอุทยานต้องเที่ยวอู่ซ่อมรถแทน เราก็ตกลง
ก่อนเดินทางเราก็ตรวจสภาพเรียบร้อย พอนัดวันเวลาเดินทาง จุดรวมตัวจะเป็นบ้านเรา พวกเราวางแผนกันคราวนี้ก็เตรียมทั้งเครื่องนอนและของกินเล็กน้อย ที่ขาดไม่ได้เลยก็คงต้องเป็นสุรา ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนเหล้าจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวของวัยรุ่นอย่างพวกเรามีแต่ความสนุกเพิ่มมากขึ้นไปอีก ไอ้เก้าบอกให้พวกเราเตรียมเบ็ดตกปลาไปด้วย
ถึงวันนัดถึงเวลาเคลื่อนล้อรถออกจากบ้าน ระหว่างทางนึกถึงสถานที่เที่ยวเราจะไปก็รู้สึกถึงความสุขและพลังงานเติมให้ชีวิตสดชื่นแค่คิดก็สนุกแล้ว ตัวเราทำหน้าที่เป็นคนขับรถใช้เวลาในการขับอยู่ 2 ชั่วโมง ในที่สุดพวกเราก็ได้มาถึงอุทยาน บรรยากาศที่นี้ถึงจะมีแสงแดดที่ดูร้อนแต่ก็ไม่เป็นปัญหาเพราะอากาศทีอุทยานกลับไม่ร้อนไปตามแดด
ร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการทำงานตลอดทั้งปีไม่ได้พักผ่อนของพวกเรากำลังได้รับการซ่อมแซมจากธรรมชาติเป็นการเติมพลังให้พวกเราทีละนิด พวกเราก็ทำการกางเต็นท์เตรียมสถานที่นอนให้เรียบร้อย ไอ้เก้า ได้เอ่ยปากว่า “ตกปลากันมั้ยพวก” พวกเราก็ตกลงจะมีอะไรดีไปกว่าการที่นั่งนิ่งๆคอยเฝ้าฟังเสียงกระพรวน คันเบ็ดตกปลาที่ถูกปักวางห่างกันเป็นจำนวน 4 หลัง
พวกเรานั่งรอที่ใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่บริเวณ พวกเราได้เปิดขวดเหล้าคอยจิบกินกันแบบเพรียว ๆเวียนกันไป แต่แล้วก็ได้ยินเสียงกระพรวนจากคันเบ็ด ไอ้เก้ามันวิ่งไปลงไปสาวลอกคันเบ็ดขึ้น ไอ้เก้าว่า “ได้ตัวใหญ่แน่เลย” มันก็ได้กระตุกคันเบ็ดอย่างสุดแรงจนมีบางอย่างขึ้นมา ไอ้เดียวมันเห็นพูดทั้งขำว่า “อะไรของมึง นั้นมันใช่ปลาที่ไหน” สิ่งที่ขึ้นมาจากน้ำเป็นโกศกระดูกสีทอง
ไอ้นุกมันเดินเข้าไปคว่ำโกฐกระดูกสิ่งที่ออกมาเป็นห่อผ้าเท่าหัวแม่มือกับไข่ไก่เจอแรงกระแทกแตกอีกหนึ่ง ส่งกลิ่นเน่าแต่มันเหมือนกับกลิ่นศพเน่ามากกว่า ไอ้นุกมันโมโหเตะโกฐกระดูกลงไปในน้ำเหมือนเดิม มันว่า “กลับไปอยู่ที่เดิมของมึงเลย”พวกเราหมดสนุกเลยเดินกลับเต็นท์ไปเตรียมอาหารค่ำคืนนี้ เราเตรียมเนื้อมาย่างกัน ไอ้เดียวอาสาเป็นผู้ย่าง
พวกเรานั่งรอกันอย่างใจจดใจจ่อ เราสังเกตไอ้นุกดูเปลี่ยนไปไม่ค่อยพูดจากับใครตั้งแต่เดินกลับมาที่เต็นท์ มันก็ได้ลุกไปที่ไอ้เดี่ยวเราคิดว่ามันคงไปช่วยไอ้เดียวย่างเนื้อแต่ไม่ใช่ ไอ้นุกมันไปยืนกินเนื้อที่ยังย่างไม่สุก ไอ้เดี่ยวก็ว่าไอ้นุก “ยังไม่สุกเลยมึงมากวนอะไรกุ อย่ากินดิวะ” ไอ้นุกได้ยินแบบนั้นมันก็หันมาด่าว่า “อย่ามายุ่งกุหิวกุจะกิน” ไอเดี่ยวมันคิดว่านุกมันคงแกล้งเลยเดินไปตบหัวมันอย่างแรงจนหน้าคว่ำ
ไอ้นุกมันหันมาบีบคอไอเดียวพวกเราเข้าไปช่วยแต่เอามือไอ้นุกออกจากคอไอ้เดียวไม่ได้เลย เราบอกให้ไอ้เก้าไปตามคนมาช่วย มือของไอ้เดียวจากที่จับมือนุกมันเริ่มจะตกลงไปที่ข้างตัวแล้ว มันกำลังจะขาดใจต้องตายแน่ถ้าไม่ช่วยมันตอนนี้ อยู่ดีๆไอ้เดียวก็หน้าแดงตัวสั่นใช้ตีนถีบไปที่ท้องนุก ไอ้เดียวมันทำท่าแปลกทำท่ายืนสี่ขา คราวนี้ก็เกิดการซัดกันชุลมุนระหว่างไอ้เดี่ยวกับไอ้นุก หันมาอีกทีพวกมันก็ลงไปนอน
เหมือนคนหมดสติทั้งคู่เรากับเก้าตกใจมากรีบเข้าไปดูเอายาให้มันดมเช็ดหน้าตามันจนพวกมันสองคนตื่น นุกมันว่าจำอะไรไม่ได้เลย จำได้ครั้งสุดท้ายคือเตะโกศลงน้ำนั้นแระ ส่วนไอ้เดี่ยวมันก็จำอะไรไม่ได้เหมือนกันเราได้เล่าให้มันฟังว่า “มึงยืนสี่ขาเหมือนเสือเลย” เดี่ยวมันเลยถอดเสือให้ดูรอยสักคือลายเสือเผ่นพระอาจารย์สักให้ พวกเราจึงสันนิฐานว่าสิ่งที่เข้ามาช่วยชีวิตเดี่ยวมันน่าจะเป็นครูบาอาจารย์ของมันนั้นเองส่วนไอ้นุกพวกเราไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เข้าสิงมันเป็นปอบหรือไม่อย่างไรเรื่องก็จะมีประมาณนี้
ที่มาข้อมูล
spotify.com