เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับตำนานความสยองและความเฮี้ยนของมหาลัยสยองขวัญต่างๆ จากที่แอดมินได้เคยเขียนเอาไว้ให้ทุกคนได้อ่านกันบ้างแล้ว มาในครั้งนี้แอดมินได้นำเรื่องราวความสยองขวัญของ 3 เรื่องราวผีในโรงเรียนไทยที่สร้างความหลอนให้กับนักเรียน มาให้ทุกคนได้อ่านและขนลุกกันไปตามๆ กันกันบ้างนะครับ
เรื่องราวของโรงเรียนไทยนั้นเป็นเรื่องราวที่ถูกพูดถึง และได้มีเล่าต่อๆ กันมาจากปากของนักเรียนก็มีและตัวคุณครูที่ได้สอนอยู่ที่โรงเรียนนั้นก็มีถึงเกี่ยวกับความน่ากลัวของสถานที่ และรวมไปถึงสิ่งเร้นลับของสถานที่ที่อาจจะเคยเกิดขึ้นจนทำให้มีการพูดถึงกันต่อและต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้
1. เรื่องราวความหลอนของ คุณครูห้องนาฏศิลป์
เรื่องราวความหลอนในครั้งนี้นั้นเกิดขึ้นที่โรงเรื่องแห่งหนึ่งที่มีความชื่อดังพอสมควรที่อยู่ในใจกลางเมืองของจังหวัด กรุงเทพมหานครที่เรารู้จักกันนี่เอง มันเป็นเรื่องราวของคุณครูนาฏศิลป์คนหนึ่งที่มีชื่อว่า คุณครูวิภา
ครูวิภานั้น นับได้ว่าเป็นคุณครูที่มีความดุและมีความน่ากลัวด้วยความที่แกนั้นมีความเข้มงวดในการสอนทุกครั้ง จึงทำให้นักเรียนหลายๆ คนต่างรู้สึกกลัวและเกรงใจคุณครูวิภากันอย่างมาก แกมีความแป๊ะในทุกๆ การสอนของแก นักเรียนทุกคนต้องมีระเบียบและมีความแป๊ะตามที่คุณครูวิภาสอนและคุณครูวิภานั้นก็ขึ้นชื่อเรื่องการรำของตัวคุณครูเองที่มีความสวยงามและมีความชำนาญอย่างมาก จนเวลาผ่านไป จนถึงวันหนึ่ง คุณครูวิภานั้นก็ได้เกิดอาการป่วยขึ้นมาอย่างรุนแรง แต่ด้วยความที่คุณครูวิภานั้นเป็นคนที่รักในสายอาชีพของครูนาฏศิลป์อย่างมาก ครูวิภาจึงได้หนีออกจากโรงพยาบาลโดยที่ไม่ยอมเข้ารับการรักษาเพื่อที่จะมาสอนนักเรียนของคุณครูเองที่รอครูเข้ามาสอนภายในโรงเรียน เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีการแข่งขันเกี่ยวกับรำไทยอยู่
ในคืนนั้นเองที่คุณครูวิภาได้สอนนักเรียนของแกนั้น อาการของคุณครูก็ยังคงไม่ได้ดีและกำลังทรุดลงเรื่อยๆ นั่นจึงทำให้แกต้องรีบไปกินยาที่แกได้เอามา ที่อยู่ภายในห้องนาฏศิลป์ แต่ด้วยความที่โชคไม่ดีนั้น ทำให้แกเข้าไปเอายามากินไม่ทันและทำให้แกนั้นได้เสียชีวิตลงไปที่ภายในห้องนาฏศิลป์แห่งนั้น โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าแกนั้นได้เสียชีวิตลงไป กว่าจะรู้กันนั้นก็ตอนเช้าของวันถัดมาแล้วเพราะมีการเปิดเข้าห้องนาฏศิลป์และได้พบเจอศพของคุณครูเข้า หลังจากเกิดการเสียชีวิตลงของคุณครูวิภานั้น ทางโรงเรียนก็ได้พยายามที่จะทุบห้องนาฏศิลป์แห่งนี้ออกไปด้วยความที่ห้องนาฏศิลป์แห่งนี้ได้มีคุณครูตายลงไปและนักเรียนหลายๆคนก็เริ่มกลัวเกี่ยวกับเรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้น แต่ทุกครั้งที่ทางโรงเรียนพยายามที่จะทำการทุบห้องนาฏศิลป์แห่งนี้ออกไปนั้น พวกเขาก็มักจะได้ยินเสียงดนตรีไทยดังขึ้นมาจากที่ไหนซักแห่งอย่างไม่สามารถบอกได้ว่ามันมาจากไหน ซึ่งนั่นได้สร้างความน่ากลัวและจนสุดท้ายนั้นก็ไม่สามารถทุบห้องนาฏศิลป์แห่งนี้ออกไปได้
2. ตำนานของวิญญาณผีโบว์เขียว
เรื่องของผีโบว์สีเขียวนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่เป็นโรงเรียนรัฐบาลที่อยู่ในต่างจังหวัด ซึ่งตัวโรงเรียนแห่งนี้นั้นมีกฏอยู่อย่างหนึ่งที่เป็นกฏประจำของโรงเรียนนั้นก็คือ ทางโรงเรียนจะบังคับให้นักเรียนหญิงทุกคนนั้นต้องผูกโบว์เวลาที่จะเข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งนักเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ก็ยินดีที่จะทำตามกฏของโรงเรียนแห่งนี้โดยดี ซึ่งตัวนักเรียนก็ต่างพากันติดโบว์ตามที่บอก ซึ่งก็จะมีทั้งโบว์สีดำ สีขาว ตามธรรมดาของนักเรียน แต่มันจะมีนักเรียนอยู่คนหนึ่งที่เธอนั้นผูกโบว์ที่มีสีเขียวมาโรงเรียนในทุกๆ วันและทุกๆ ครั้ง ไม่เคยเปลี่ยนเป็นสีอื่นเลยแต่อย่างใด จนเป็นที่จำได้ของทุกคน
แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนได้ผ่านมาวันหนึ่งได้มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับนักเรียนที่ผูกโบว์สีเขียวคนนี้ เพราะว่าวันนั้น ได้มีอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ขึ้นมาได้ เนื่องจากวันนั้นเป็นวันเรียนปกติ แต่ด้วยความโชคร้ายของเธอนั้น พัดลมหมุนตัวใหญ่ที่อยู่บนเพดานนั้นก็ได้ตกลงมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ซึ่งนักเรียนที่ผูกโบว์สีเขียวนั้นก็ได้นั่งอยู่ใต้พัดลมนั้นอยู่พอดี มันจึงทำให้เธอนั้นได้โดนพัดลมที่หมุนอยู่บนเพดานที่หล่นลงมานั้นได้ตกลงมาเข้าที่ศีรษะของเธอและทำให้เธอนั้นได้เสียชีวิตลงในทันที
หลังจากนั้นเวลาก็ได้ผ่านไปเป็นระยะเวลาหนึ่ง จนทำให้เรื่องการตายของเธอนั้นก็เริ่มที่จะเงียบลงไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งที่มีคุณครูคนใหม่เข้ามาสอนตามปกติ และวันนั้นคุณครูก็ได้สอนและถามนักเรียนตามปกติของคุณครู แต่ก็ไม่มีนักเรียนคนไหนตอบคำถามของคุณครูได้ จนคุณครูคนนี้ต้องเรียกนักเรียนขึ้นมาตอบเอง แต่สิ่งที่คุณครูพูดออกมาก็คือ “นักเรียนคนนั้นหน่ะ ที่ผูกโบว์สีเขียว ไหนตอบคำถามข้อนี้หน่อย” นักเรียนทุกคนก็ต่างสงสัยกับสิ่งที่คุณครูพูดออกมาเพราะว่าทุกคนรู้กันดีนั้นว่าไม่มีใครผูกโบว์สีเขียวมาโรงเรียน แต่คุณครูก็ยังคงถามนักเรียนคนนั้นอยู่อย่างนั้น จนสุดท้ายแล้วนักเรียนคนอื่นก็เลยตัดสินใจที่จะตอบคำถามของคุณครูเองโดยที่ไม่ให้คุณครูนั้นไปยุ่งและไปถามกับนักเรียนที่ผูกโบว์สีเขียวอีกเลย
3. ตำนานของความเชื่ออาถรรพ์โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง
ได้มีโรงเรียนประถมอยู่แห่งหนึ่งที่เป็นโรงเรียนชื่อดังอยู่ระดับหนึ่งที่อยู่ในใจกลางเมืองของจังหวัดนนทบุรี ซึ่งหากพูดออกไปแล้วเชื่อว่าคนนนทบุรีที่ได้อ่านเรื่องนี้ก็ต้องต่างรู้กันว่าโรงเรียนแห่งนี้ที่ได้เกิดเรื่องอาถรรพ์ขึ้นนั้นอยู่ที่ไหนแห่งกันแน่ ซึ่งตัวโรงเรียนแห่งนี้นั้นก็ต่างมีเรื่องราวเกี่ยวกับความน่ากลัวอยู่มากมาย ยกตัวอย่างเช่น ที่โรงเรียนแห่งนี้จะมีทั้งเรื่องเล่าของกุมารทองที่อาศัยอยู่ภายในโรงเรียนแห่งนี้ เป็นกุมารทองที่อาศัยอยู่ภายในห้องบรรณาลักษ์ที่อยู่ในห้องสมุด ที่ทุกครั้งที่โรงเรียนเปิดขึ้นมาใหม่ในทุกๆ เช้าเวลาที่มีนักเรียนเข้ามาใช้งานห้องสมุดแห่งนี้ก็จะพบว่า ห้องสมุดแห่งนี้นั้นจะเต็มไปด้วยการลื้อของสมุดที่ตกลงมาอย่างไร้เหตุผล ทั้งห้องสมุดนั้นจะเต็มไปด้วยหนังสือที่ตกลงมาเต็มพื้น ประหนึ่งว่าเหมือนมีใครได้มาลื้อและเล่นอยู่ที่ห้องสมุดแห่งนี้ในช่วงเวลากลางคืนของคืนที่ผ่านมา ซึ่งนักเรียนที่มาใช้ห้องสมุดแห่งนี้ก็มักจะได้ยินเสียงของเด็กวิ่งเล่นอยู่ที่ห้องสมุดแห่งนี้กันอย่างเป็นประจำ
นอกจากนี้ก็จะมีตำนานเรื่องห้องน้ำชายที่อยู่ภายในโรงเรียนแห่งนี้นั้นได้ถูกปิดตายไป ซึ่งสาเหตุของการปิดตายห้องน้ำแห่งนี้นั้นก็เพราะว่าได้มีนักเรียนหลายๆ คนได้พูดถึงว่าพวกเขานั้นมักจะได้เห็นวิญญาณของนักเรียนหญิงสาวที่ร้องไห้อยู่ภายในห้องน้ำแห่งนี้ และวันดีคืนดีนั้นเธอก็จะปรากฏตัวให้นักเรียนได้เห็นโดยการที่เธอนั้นจะยืนร้องไห้ออกมาจากทางกระจกที่อยู่ภายในห้องน้ำนี่เอง
แต่หลังจากเรื่องราวทั้งหมดได้มีการพูดถึงกันจนหนาหูขึ้นเรื่อยๆ จนมีคนได้มารู้ความจริงกันว่าโรงเรียนแห่งนี้นั้นได้เคยเป็นสถานที่เฮี้ยนจริงๆ นั่นก็คือโรงเรียนแห่งนี้ได้เคยเป็นโรงพยาบาลร้างเก่ามาก่อนที่จะถูกเปลี่ยนให้เป็นโรงเรียนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งสถานที่แห่งนี้นั้น ก็ได้เคยเชิญพระมาทำพิธีเพื่อให้วิญญาณที่อยู่ที่นี่นั้นสงบขึ้นมาบ้าง แต่ขนาดตัวพระที่ได้เข้ามาในสถานที่แห่งนี้ก็ยังมีการพูดออกมาว่า ขณะที่ท่านได้เข้ามาสถานที่แห่งนี้ท่านก็ยังรู้สึกได้ถึงวิญญาณที่มีความเฮี้ยนอยู่อย่างมาก
เป็นยังไงกันบ้างครับ กับ 3 เรื่องราวผีในโรงเรียนไทยที่สร้างความหลอนให้กับนักเรียน มีความน่ากลัวอย่างที่คาดหวังกันไว้รึเปล่าซึ่งสำหรับตัวแอดมินแล้ว ตัวแอดคิดว่าทุกสถานที่นั้นต่างมีความน่ากลัวไม่ต่างกัน ซึ่งอยู่ที่ว่าสถานที่ไหนเฮี้ยนมากกว่าหรือน้อยกว่านั่นเอง ขอให้ติดตามกันไปนะครับ บรัยบาย… ฝากไม่มีขั้นต่ำ