พญาครุฑ หรือ ครุฑ สัตว์กึ่งเทพ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชาวไทยมีความเคารพบูชามาตั้งแต่อดีตนานมา ทุกคนย่อมเคยเห็นท่านพญาครุฑกันอย่างแน่นอนเพราะท่านเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนหรือเกี่ยวข้องกับกษัตริย์เริ่มใช้มาตั้งแต่ในยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่ง ณ ปัจจุบันจะเห็นตามหนังสือข้าราชการ ตามหน้าตึกธนาคาร หรือ ตามธนบัตรทุกใบของคนไทยเรานี่เอง วันนี้เราจะมาเจาะประวัติความเป็นมา ความเชื่อศรัทธาของพญาครุฑกัน
ประวัติความเป็นมา : พญาครุฑ
พญาครุฑ เป็นสัตว์เดรัจฉานกึ่งเทพผู้มีฤทธิ์มาก เทพเจ้าแห่งท้องฟ้า ราชาแห่งนก ตามตำนานได้กล่าวเอาไว้ว่า ตามศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู พุทธ เชน ได้มีความเชื่อว่า กาลครั้งหนึ่งยาวนานผ่านมา ฤๅษีมีนามว่า กัศยปะ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดของดวงจิตพระพรหม ท่านฤาษีผู้มีภรรยามาก หนึ่งในนั้นคือมารดาของพญาครุฑซึ่งมีนามว่า นางวินตา และมีพี่น้องอีกคนชื่อ กันทรุ เป็นหนึ่งในภรรยาท่านฤาษีกัศยปะผู้เป็นมารดาของพญานาค
ซึ่งจะกำเนิดตำนาน พญาครุฑกับพญานาคผุ้เป็นพี่น้องคนละแม่ เคยเป็นศัตรูคู่อาฆาต พญาครุฑมักจะจับพญานาคกินเป็นอาหารเพราะมีความแค้นมาตั้งแต่เก่าก่อน ด้วยเหตุการณ์ที่แม่ของพญาครุฑนางวินตาแพ้พนัน(ซึ่งโดนโกงไม่มีความยุติธรรมจากนางกันทรุ) นางวินตาต้องรับโทษกลายเป็นทาสให้กับนางกันทรุเป็นจำนวน 500 ปี พญาครุฑได้ทราบถึงเหตุการณ์นี้จึงมีความสงสารพระมารดาของตนเป็นอย่างมาก
จึงได้ไปไถ่ถามพญานาคว่าขอให้อดโทษกับพระมารดาของเราด้วยเถิด พญานาคก็ตกลงแต่พญาครุฑต้องไปนำน้ำอมฤตจากพระอินทร์มาก่อนถึงจะถอนคำสาปนี้ให้ พญาครุฑท่านได้ยินเช่นนั้นจึงได้ไปกราบพระมารดาว่าจะไปเอาน้ำอมฤตมาให้ได้เพื่อให้พระมารดาของตนมีชีวิตที่ดีกว่าที่ควรจะเป็น พญาครุฑท่านก็ได้เดินทางไปนำน้ำอมฤตลงมาให้พญานาคกิน ท่านพญาครุฑต้องผ่านอุปสรรคต่างๆนาๆด้วยจิตที่ดี
จึงผ่านพ้นไปนานตลอดจนถึงเทวโลกพบกับพระอินทร์ผู้เฝ้าน้ำอมฤต พญาครุฑได้กล่าวความจำนงว่าต้องการน้ำอมฤตไปช่วยพระมารดาของตน แต่พระอินทร์ไม่ยอม ทั้งคู่จึงได้ทำการต่อสู่ซึ่งกันและกัน ผ่านมาสักระยะด้วยพญาครุฑผุ้ได้รับพรให้อำนาจมีฤทธิ์เดชอยู่เหนือไม่ว่าผู้ใดก็ชนะพญาครุฑมิได้ แม้แต่วัชระอาวุธที่มีฤทธิ์มากของพระอินทร์ก็ไม่สามารถทำอะไรพญาครุฑได้เลย พระอินทร์รู้ตัวว่าตนไม่สามารถปราบพญาครุตได้
ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนของพญาครุฑกลัวพระอินทร์จะเสียหน้าจึงได้สลัดขนของตนออกมาหนึ่งเส้น ครุฑผู้รับภาระอันหนักนี้ ความได้ไปถึงพระนารายณ์ท่านทรงเห็นความมีคุณธรรม กตัญญูต่อมารดาของตน พระนารายณ์จึงได้มาทำการเจรจาให้น้ำอมฤตไปกับประทานพรให้พญาครุฑได้ฤทธิ์จากน้ำอมฤตถึงแม้จะไม่ได้ดื่ม ทำการไถ่ถอนมารดาจของตนแต่อย่าให้เหล่าพญานาคดื่มกินให้นำน้ำอมฤตกลับมาคืนที่สวรรค์
พญาครุฑตอบแทนพระนารายณ์ด้วยการยอมเป็นพาหนะติดตามท่านไปทุกๆที่ จึงกลายเป็นที่มาของ “พระนารายณ์ทรงสุบรรณ” นั้นเอง และพระนารายณ์ก็ให้พญาครุฑอยุ่เหนือพระองค์ นับแต่นั้นมาพญาครุฑจึงเป็นสัตว์กึ่งเทพชั้นสูงคู่บารมีของพระนารายณ์ พญาครุฑได้นำน้ำอมฤตมาไว้บนหญ้าคา พญานาคเห็นแล้วจึงได้ไถ่ถอนคำสาปนี้จนสิ้น พระอินทร์ที่ได้ติดตามมาเห็นน้ำอมฤต
ระหว่างการเตรียมตัวดื่มน้ำอมฤตของเหล่านาคได้เผลอ พระอินทร์จึงนำน้ำอมฤตกลับสู่สวรรค์ดั่งเช่นเดิม จากนั้นทั้งสองก็ได้เป็นศัตรูกันมาเกิดศึก “ครุฑยุดนาค” และพญาครุฑยังได้รับพรจากพระนารายณ์ให้จับนาคกินเป็นอาหารได้แต่ก็ไม่ใช่ทุกตัวไป พญานาคที่ได้รับการยกเว้นไม่ให้พญาครุฑจับกินคืออนันตนาคราชกับพญาวาสุกรีนาคราช แต่ในปัจจุบันนี้ระหว่างพญาครุฑกับพญานาคก็ได้จบลงไปแล้ว
พญาครุฑ : ความเชื่อศาสนาพุทธ
พญาครุฑ ตามตำนานความเชื่อของศาสนาพุทธท่านเป็นเทวดาที่อยู่ระดับชั้นล่างซึ่งจะมีผุ้ปกครองคือ ท้าววิรุฬหกท่านผู้เป็นหนึ่งในสี่จตุโลกบาลทางทิศใต้ในสวรรค์ชื่อจตุมหาราชิกา ต้นกำเนิดเกิดเป็นครุฑด้วยยามที่เป็นมนุษย์เคยได้ทำบุญเจือปนด้วยโมหะยามเสียชีวิตไปจะอุบัตเกิดเป็นครุฑนั้นเอง ในพระไตรปิฎกได้มีการกล่าวถึงการกำเนิดของครุฑมี 4 แบบได้แก่
- กำเนิดแบบโอปปาติกะ = เกิดขึ้นมาโตเลยเหมือนเช่นเดียวกับการกำเนิดเทวดา
- กำเนิดแบบอัณฑชะ = เกิดออกมาจากไข่
- กำเนิดแบบชลาพุชะ = เกิดจากครรภ์
- กำเนิดแบบสังเสทชะ = เกิดจากเมือกไคล
พญาครุฑ : รูปลักษณ์
พญาครุฑ ผุ้มีบุญบารมีและฤทธิ์เดชากใครบูชาท่านมักจะได้รับอำนาจสามารถล้างคุณไสยอาถรรพ์และท่านยังคอยป้องกันคุ้มครองอีก พญาครุฑท่านมีลักษณะรูปร่างเป็นพญานกกึ่งร่างมนุษย์ ด้วยความเชื่อของชาวไทยเราและยังเป็นความเชื่อของหลากหลายพื้นที่หลายประเทศจะมีลักษณะแตกต่างกันออกไปอีก พญาครุฑจึงถูกจำแนกรูปร่างลักษณะได้ดังนี้
- ครุฑกายเป็นมนุษย์มีปีกเหมือนนก
- ครุฑมีหัวเป็นนกกายเป็นมนุษย์,
- ครุฑมีขาและศีรษะเป็นนก กายเป็นมนุษย์
- ครุฑที่มีศีรษะเป็นมนุษย์ร่างกายเป็นนก
- ครุฑที่มีรูปร่างเป็นพญานกทั้งส่วนหัวและลำตัวทั้งหมด (เป็นลักษณะที่พบเห็นทั่วไปในยุคปัจจุบันนี้
ที่มาข้อมูล
Sanook.com