ขอย้อนไปในอดีตที่ผ่านมา มีผู้เฒ่าผู้แก่ของพวกเราท่านเคยเล่าให้ฟังเอาไว้ว่า ถ้าหากผู้ใดที่ต้องเดินทางเข้าไปในป่าถ้าเกิดคนผู้นั้นหลงทางพลัดจากกลุ่มเพื่อนของตัวเองแล้วละก็ อย่าส่งเสียงเรียกหาเพื่อนด้วยคำว่า “โห่ฮี้ว!” เป็นอันขาดถ้าใครไม่ทำตามข้อห้ามนี้จะต้องเจอกลุ่ม “ผีหลังกลวง” ออกมาช่วงคุณโห่ตอบรับกันเป็นทอดๆ จนคุณจะไม่มีทางแยกเสียงมันออกอย่างแน่นอนว่าอันไหนเสียงเพื่อนเสียงไหนเสียงผี
“ผีหลังกลวง” ผีพื้นบ้านภาคใต้
ผีสันหลังหวะ หรือที่พวกเราเคยได้ยินกันมาบ้างคือ “ผีหลังกลวง” พวกมันเป็นผีจำพวกหนึ่งในผีป่าหรือภูตป่า จะพบเจอปรากฏให้เห็นได้ในที่บริเวณภาคใต้ของประเทศไทยเรานี้เอง เอาตามหลักฐานพจนานุกรมภาษาถิ่นภาคใต้ของ สถานบันวิทยาลัยครูสงขลา ได้กล่าวถึงผีหลังกลวงเอาไว้ว่า พวกมันเป็นผีประเภทหนึ่งที่จะอยู่อาศัยในบริเวณตามภูเขา มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “ผีหลังสวน”
ลักษณะและนิสัยของ “ผีหลังกลวง”
“ผีหลังกลวง” จะมีลักษณะรูปร่างหน้าตาเหมือนกับคนปกติธรรมดาทั่วไปแต่ภายในตัวของมันมีสิ่งที่น่ากลัวคือหันไปที่แผ่นหลังบริเวณสันเชิงกระดูกของพวกมันจะกลวงโบ๋จนเห็นกระดูกสันหลังภายในนั้นจะมีน้ำหนองไหลเยิ้มออกมาและมีหนอนอีกน่าขยะแขยงดูน่ากลัว พวกมันมีทั้งเพศชายและเพศหญิง ถ้าเป็นเพศชายจะมีผ้าคลุมเพื่อไว้ปกปิดหลังของมัน ส่วนเพศหญิงจะไว้ผมยาวจนถึงเอวเพื่อปกปิดหลังเช่นกัน
พวกมันจะอาศัยกันอยู่เป็นกลุ่มค่อนข้างใหญ่ ถิ่นที่มันอาศัยอยู่ต้องมีอากาศที่เย็นโดยเฉพาะบริเวณน้ำตกที่อากาศจะชื่นเย็นตลอด ชาวบ้านที่ได้อาศัยอยู่บริเวณน้ำตกโตนงาช้าง จังหวัดสงขลา ได้เคยเล่ากันเอาไว้ว่าเคยเห็นผีหลังกวงปรากฏตัวอยู่ที่บริเวณน้ำตกพวกมันคอยรอดูนักท่องเที่ยวนักเดินทางเข้าไปบริเวณน้ำตกทำเป็นเข้ามาชวนพูดคุยขอพักอ้างแรมกับพวกเขาทำเป็นตีสนิท
แล้วแกล้งให้ผู้นั้นที่เป็นเหยื่อของพวกมันช่วยเกาหลังให้พออีกคนมาเห็นหลังของพวกมันก็ต้องเป็นอันตกใจบ้างก็ยืนแข็งเป็นสากกะเบือกไม่ก็สับตีนแตกวิ่งป่าราบกันไปเลย นิสัยของพวก “ผีหลังกลวง” ค่อนข้างมีลักษณะเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย สิ่งที่มันชื่นชอบกินคือของดิบ ในสมัยอดีตมีคนที่เคยเลี้ยง “ผีหลังกลวง” เอาไว้เป็นคนช่วยแรงงาน จึงมีคนเคยพบเห็นผีหลังกลวงมักจะออกมาจากป่าเพื่อช่วงงานคนทำไร่นานั้นเอง
แต่ถ้าใครที่ไปพบเห็น “ผีหลังกลวง” บริเวณกลางป่าจะถือได้ว่าผู้นั้นพบประสบกับเคราะห์ร้ายเป็นอันแน่แท้ เพราะชาวบ้านที่จังหวัดพัทลุงก็เคยมีคนพบเห็นผีหลังกลวงเช่นกันแต่จะต่างจากที่ได้เล่ามาคือ ผีหลังกลวงที่อยู่บริเวณป่านั้นจะมีนิสัยที่ดุร้ายกว่าเป็นอันมาก คือผีหลังกลวงที่ตามออกมาจากป่า พวกมันจะขอช่วยเจ้าของบ้านนั้นตำข้าวสาร
แต่ถ้าเจ้าบ้านนั้นให้ตำเมื่อไหร่ที่มีการเผลอมันจะจับท่านหักคอกับครกตำข้าวทันที เรื่องเล่าที่มานี้เป็นเป็นของผุ้เฒ่าผู้แก่ของคนจังหวัดพัทลุงเมื่อในสมัยอดีตที่ผ่านมาจึงไม่มีใครที่จะออกมาตำข้าวสารหรือไปป่ากันในเวลาค่ำคืน สิ่งที่สำคัญในเรื่องนิสัยของผีหลังกลวงอีกอย่างหนึ่งคือ “สัจจะ” พวกมันจะไม่ชอบคนโกหก พวกมันจะรักษาสัจจะคำพูดเป็นอย่างมาก ถ้าใครผิดคำพูดกับพวกมันหรือรับปากอะไรก็ตาม
ถ้าไม่ทำตามคำสัจจะแล้วละก็ พวกมันจะตามรังควานทำให้คุณเกิดเรื่องหายนะหรือเอาชีวิตคุณทันที นี้เป็นลักษณะนิสัยที่ดูเด่นที่สุด จึงมีประโยคหนึ่งว่า ไม่รักษาสัจจะ ระวังถูกหักคอ” มีเรื่องเล่าในหัวข้อนี้คือ มีวัดอยู่แห่งหนึ่งภายในวัดมีอุโบสถที่เก่าเป็นอันมาก เจ้าอาวาสในวัดแห่งนั้นจึงต้องการสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้น แต่การสร้างนี้ขาดแรงงานและไม้ที่สร้างที่จะทำให้เสร็จตามฤกษ์
ท่านจึงได้ขอกับผีหลังกลวงให้มาช่วยสร้าง ผีหลังกลวงได้ทำการรับปาก และได้ขอให้เจ้าอาวาสจัดหนังตะลุง 4 โรงให้ทำการแสดงทั้ง 4 ทิศเป็นเวลา 7 วัน เจ้าอาวาสท่านก็ได้รับปาก ผีหลังกลวงก็ได้นำพวกมันมาทำตามคำขอจนอุโบสถสำเร็จตามฤกษ์ยาม เจ้าอาวาสก็ได้ทำตามสัญญานำหนังตะลุงมาแสดงตามที่เคยได้รับปาก ผีหลังกลวงก็ได้มาดูโดยมีผ้าคลุมหลังคอยปะปนมาดูกับพวกชาวบ้านด้วย
แต่ในคืนสุดท้ายที่ต้องทำการแสดงนั้นเกิดมีข้อผิดพลาดนักเชิดแสดงหนังตะลุงเกิดมาแสดงให้ไม่ได้ เจ้าอาวาสเห็นว่าเป็นคืนสุดท้ายแล้วคิดว่าเสียหายอะไร แค่คืนเดียวจึงผิดคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับผีหลังกลวง ในคืนนั้นเองได้มีเสียงร้องดังมากออกมาจากกุฏิที่ท่านเจ้าอาวาสได้นอนอยู่ ชาวบ้านก็รีบไปดู ปรากฏว่าพบเห็นท่านเจ้าอาวาสมรณะภาพคือท่านนอนจมกองเลือดเพราะคอท่านหักหมุนได้รอบเป็นที่สยดสยอง
ที่มาข้อมูล