สังคมคนไทยจากอดีตดำรงชีวิตมากับความเชื่อไม่ว่าจะเป็น เชื่อในผีสางเทวดาหรือเชื่อในโชคชะตาก็ตาม ทุกคนต้องมีศาสนาเพื่อยึดเนี่ยวจิตใจเป็นศูนย์รวมของชาวบ้าน ศาสนาในยุคเก่าของทางภาคอีสานพวกเขาจะนับถือศาสนาผีกัน นับถือในผี คุณไสย์มนต์ดำต่างๆ ผีพื้นบ้านของทางภาคอีสานก็มีอยู่หลากหลาย “ผีปอบ” ก็เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมที่พวกเขาเชื่อเช่นกัน
“ผีปอบ” เป็นผีพื้นบ้านของคนไทยที่อยู่ภาคอีสานโดยเฉพาะ ผีปอบก็เป็นผีอีกจำพวกหนึ่งที่ต่างเชื่อกันว่าผีประเภทนี้จะชอบกินของสดๆ กินเยอะ กินมาก กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักอิ่ม “ผีปอบ” จะเป็นผีที่ไม่มีร่างกายเหมือนกับผีกระสือหรือผีกองกอย แต่มันจะเป็นเพียงแค่ดวงจิต ที่เกิดจาก บุคคลหนึ่งที่ได้เรียนคุณไสย์มนต์ดำ วิชาคาถาอาคมทางสายดำ เพื่อไปทำร้ายคนอื่นบางรายอาจถึงแก่ชีวิต
คุณไสย์มนต์ดำได้แก่อาทิเช่น วิชาเสกหนังควายหรือเสกตะปูเข้าท้อง วิชาทำเสน่ห์ยาแฝด วิชาบังคับภูมิผีปีศาจไว้เป็นบริวารเพื่อไปทำสิ่งไม่ดีต่างๆ อาจไปเข้าสิงบุคคลที่เขาหมายหัวเพื่อให้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่การเรียนวิชาคุณไสย์มนต์ดำนั้นจะมีข้อห้าม ผู้เรียนวิชาสายดำจำเป็นต้องระวังในข้อห้ามนี้ ห้ามละเมิดใครที่ไม่ทำตามกฎกติกาแล้วเตรียมตัวได้เลยว่าเขาจะกลายเป็นปอบ
ผู้เรียนที่ไม่ทำตามกฎวิชามนต์ดำจะไหลเข้าร่างโดยไม่รู้ตัว การทำผิดในข้อปฏิบัตินี้ คนอีสานจะเรียกว่า “ผิดครู” คือจิตวิญญาณครูบาอาจารย์จะลงโทษผู้นั้นอย่างหนัก คุณไสย์ย้อนเข้าตัว ต้นกำเนิดของผีปอบตามความเชื่อของคนอีสาน คือดวงจิตของผู้ตายเมื่อยังเป็นมนุษย์ได้เรียนวิชาปอบเป็นส่วนมาก ด้วยดวงจิตนี้ช่วงที่เป็นคนมีความยึดมั่นยึดติดในวิชาพอหมดลมหายใจถึงแก่กรรมไปแล้วจึงกลายเป็นปอบ
“ผีปอบ”นี้ยังชอบกินเนื้อดิบ หรือเครื่องในสดๆ เนื่องด้วยตามตำนานทางพระพุทธศาสนาได้กล่าวเอาไว้ว่า ปอบ จัดอยู่ในตระกูลจำพวกสายยักษ์ซึ่งอยู่ภายใต้มีท้าวเวสสุวรรณเป็นผู้ปกครอง ก็เป็นที่รู้กันดีว่ายักษ์ชอบกินเนื้อสดๆ ผีปอบก็เช่นกัน การกินขอผีปอบต้องอาศัยร่างกายของมนุษย์ หรือผ่านร่างสิงสู่ในมนุษย์เพื่อกินของดิบๆสดๆเช่น มันอาจไปหักคอเป็ดไก่ที่ชาวบ้านเลี้ยงอยู่เพื่อกินพวกมัน
ลักษณะผู้คนที่ถูกผีปอบสิงสู่ คนภาคอีสานมักจะเรียกการสิงสู่นี้ว่า “ปอบเข้า” ลักษณะของผู้ที่ถูกสิงจะแตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างคน บางคนอาจแสดงออกถึงอาการก้าวร้าว กลางวันจะมีลักษณะเป็นคนป่วยนอนอยู่กับที่ไม่มีแรงทำอะไรเอาแต่นอน แต่พอตกกลางคืนจะมีแรงออกหากิน บางคนแสดงออกถึงลักษณะการกินคือกินแต่อาหารจำพวกดิบๆ ลาบก้อยแบบนั้นเป็นต้น
การกินก็จะแสดงออกแบบตะกละมูมมาม กินได้มากกว่าที่เคยเป็นอยู่ ถ้าคนๆนั้นแสดงอาการเช่นนี้คือคนนั้นถูกผีปอบเข้าสิง บางรายผีปอบอาจจะบอกทันทีเลยว่าตนมาจากใครคนอีสานเรียกว่า “ออกปาก” ปอบมันจะบอกว่าเจ้าของมันเป็นของคนไหน บางคนอาจไม่มีอาการอะไรเลยเตรียมหาหมอผี มาทำการขับไล่ได้เลย หมอผีในที่นี้คนอีสานจะเรียกว่า “หมอธรรม”
ประเภทของผีปอบมีอยู่ 3 จำพวกคือ
- ปอบธรรมดา คือ ผู้คนที่ถูกผีปอบเข้าสิง ถ้าหมอผีมาทำการขับไล่แล้ว บางคนอาจจะหายเป็นปกติแต่บางรายอาจตายหรือคนที่เป็นเจ้าของร่างตายไปผีปอบก็จะตายตามไปเช่นกัน
- ปอบเชื้อ คือ จะมีครอบครัวเป็นปอบเช่น พ่อแม่เป็นผีปอบ ถ้าพวกเขาตาย ผีปอบไม่ยอมตายตาม จึงจะมีการสืบทอดเป็นมรดกกกรมไปสู่ลูกเป็นผีปอบในรุ่นต่อไป
- ปอบแลกหน้า คือ ปอบประเภทนี้เป็นผีที่มีเลห์เหลี่ยมเป็นอย่างมาก เป็นผีปอบเจ้าเล่ห์ เวลาโดนจับได้ว่าเป็นปอบชอบโยนความผิดไปให้คนอื่น คือเวลาไปสิงสู่ผู้ใด เมื่อถูกหมอผีจับได้สอบถามว่าใครส่งมาเป็นผู้ใด ผีปอบประเภทนี้จะไม่ยอมบอกความจริง จะโกหกไม่พูดความจริงว่าเจ้านายมันคือใครหรือมันเป็นใคร
ถ้ารู้ว่ามีผีปอบจะมีการขับไล่ วิธีนั้นก็จะมีอยู่หลากหลายคือ อาจใช้วิธีการคัวพริกให้มีควันนำปอบนั้นมาสูดดม วิธีการแทงด้วยว่าน หรืออาจเอาจำพวกสัตว์น่าเกลียดมาทำการขับไล่ให้เกิดความกลัว (ใช้กับผู้หญิงที่ถูกสิงสู่) แต่วิธีที่ดีสุดคือต้องใช้คาถาอาคมของหมอผีเพื่อทำการไล่ปอบโดยเฉพาะ ซึ่งวิธีไล่ผีปอบของหมอผีแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอีกด้วย
การออกของผีปอบนี้คือ บางคนอาจจะไปขับถ่ายอุจาระปัสสาวะ หรืออาเจียนออกมาสะส่วนใหญ่ พอผีปอบออกแล้วคนที่ถูกสิงก็จะจำอะไรไม่ได้เลยเป็นคนปกติเช่นเดิม ถ้าทำการไล่ปอบนั้นสำเร็จแล้ว หมอผีก็จะทำพิธีการกันปอบอาจจะผูกด้ายสายสิญจน์ผูกข้อมูลลงคาถาอาคมรอบบริเวณบ้านเพื่อเป็นการกันผีปอบไม่ให้กลับมาทำการสิงสู่คนผู้นั้นอีกต่อไป
ที่มาข้อมูล