“ผีนางตานี” เป็นดวงจิตวิญญาณผีผู้หญิง เหมือนดั่งเช่นเดียวกับ ผีนางตะเคียน เป็นความเชื่อตามชายแดนของชาวภาคใต้ ผีนางตานีจะมีความสวยมากกว่าผีตะเคียน พวกนางมักจะสิงสู่อยู่ในต้นกล้วยตานีหรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า กล้วยพองลา ซึ่งกล้วยชนิดนี้จะมีเมล็ดทั่วทั้งผล กินไม่ได้ ผีตานีอยู่ในต้นกล้วย ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าไม่ใช่ต้นตานีทุกต้นจะมีผีนางตานีสิงอยู่จะสิงเป็นบางต้นเท่านั้น
“ผีนางตานี” เป็นหนึ่งในตำนานผีไทยที่ผู้คนรู้จักกันเป็นอย่างดีของทางใต้ ซึ่งผีตานีมักจะมีรูปร่างหน้าตาสวยงามกลิ่นกายหอม นุ่งผ้าแบบสตรีไทยสีเขียวตองอ่อนแบบโบราณ นักเลงชาวปักษ์ใต้มักจะปลูกต้นกล้วยตานีทำเป็นเมียเทียม แต่ในที่นี้ไม่ใช่เมียน้อยแต่อย่างใด ถ้าใครที่ได้ผีตานีแล้วจะไปมีเมียอื่นไม่ได้เพราะผีตานีมักจะขี้หึงหวงมากใครทำผิดกับเธอ เธอก็จะทำโทษถึงแก่ชีวิต

ใครที่อยากได้ผีตานีเป็นเมีย ต้องเป็นคนที่มีคาถาอาคม นักเลงไสย์ศาสตร์ ถ้ารู้ว่าต้นตานีมีผีตานีสิงอยุ่ ต้องรอให้มีหัวปลีแตกกลางต้นมาให้เห็น ต้องทำพิธีเซ่นไหว้ขอหน่อนี้ไปปลูก ต้องคอยดูแลเอาใจใส่จนต้นโตเป็นสาว และต้องมีความอดทน ซื่อสัตย์มั่นคง พอรอจนต้นโตเป็นสาวเต็มที่แล้ว พวกนางจะออกมาให้เห็นในเวลาค่ำคืนนางจะมีความสวยงามอย่างไม่มีที่ติ ในยามกลางวันนางจะซ่อนตัวอยู่ในต้นตานี

พอตกกลางคืนพวกนางก็จะมาทำหน้าที่ปัดกวาดเช็ดถูทำหน้าที่เป็นเมียที่ดี ข้อห้ามในการมีเมียเป็นผีตานีคือ ห้ามมีการหลับนอนเหมือนดังกับมนุษย์ทั่วไปมีกัน มีได้แค่เพียงการเล้าโลมภายนอกเท่านั้น ถ้าเกิดทำสิ่งที่ห้ามไปร่วมรักกับนางตานีผู้นั้นจะตายไปเป็นผัวผีตานีจริงๆ จุดประสงค์ในการมีเมียผีตานีเพียงแค่เพื่อคอยคุมครองปกปักรักษาตัวเราเท่านั้นผู้เลี้ยงก็ต้องมีวิชาคาถาอาคมด้วย นี่คือความเชื่อของคนใต้

“ผีนางตานี” ทางพระพุทธศาสนา
ผีนางตานี ในหลักทางพระพุทธศาสนา พวกนางไม่ใช่เทวดา แค่เป็นเพียงภูตแบบหนึ่งที่กำเนิดเกิดมาชนิดทันทีคือ กำเนิดรูปแบบ “โอปปาติกะ” คือเมื่อร่างกายที่ได้จิตออกจากร่างดับไปแล้ว พอตายก็ไปเกิดเป็น ผีตานี ทันทีไม่ต้องไปผ่านนรก ตำนานได้กล่าวมาว่า ผีนางตานีมีความหึงหวงเป็นอย่างมาก ถ้าใครที่เป็นผัวตานีแล้วเกิดนอกใจไปมีหญิงอื่น ผีตานีมักจะตามไปหักคอทันที

ลักษณะของ “ผีนางตานี”
ตามคำเล่าขานสืบต่อกันมา ตำนานที่ว่าผีตานีมักจะเป็นผีผุ้หญิงสิงอยูในต้นกล้วยตานีจะมีรูปลักษณะเป็นผุ้หญิงผมยาวดงดำ หน้าตาสะสวย มือเท้ามีสีอมแดงอ่อนเหมือนปากของนกพิราบ สีปากของเธอแดงเหมือนตำลึงสุก เธอมักจะนุ่งห่ม เสื้อผ้าเป็นผู้หญิงไทยคนโบราณคือนุ่งโจงกระเบนสีเขียวแก่ ด้านบนปกปิดโดยการห่มสไบสีเขียวตองอ่อน กลิ่นกายของพวกเธอจะหอมเหมือนดอกกล้วย
ความเชื่อ “นางพรายตานี” ของไทย
ตามพจนานุกรม เล่มที่ 13 ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 จะจำแนกคำว่า “พราย” และ “พรายตานี” มีความแตกต่างไม่เหมือนกันคือ ผีพรายเป็นดวงจิตผู้หญิงที่เกิดการตายทั้งกลม ผีพรายตานีเป็นดวงจิตผู้หญิงที่สิงสถิตอยู่ในต้นกล้วยตานีที่กำลังตั้งท้องและยามว่างพวกนางยังชอบที่จะสมสู่กับชายหนุ่มโสดที่มีบ้านอาศัยอยู่ใกล้กับต้นกล้วยตานีที่นางสิงอยู่
ถ้าเกิดชายหนุ่มที่ได้เกิดสมสู่กับผีพรายตานีแล้วร่างกายจะซูบผอม ผิวกายซีด ไม่มีเรียวแรงอาจถึงกับตายได้ เพราะความเชื่อของทางลัทธิเต๋าได้มีการเทียบเคียงไว้ว่านางตานีจะเป็นพลังงานฝ่ายหยิน และ ชายหนุ่มโสดเป็นพลังฝ่ายหยาง พลังงานทั้งสองต้องเท่ากันถ้าอีกฝ่ายพลังน้อยอีกฝ่ายก็ต้องถ่ายทอดให้กันและกัน ดังนั้นผีพรายตานีพลังชีวิตอ่อนเป็นอย่างมาก

ฉะนั้นการที่คนอยู่กินกับผี คนที่มีพลังชีวิตมากกว่าจึงต้องถ่ายเทพลังตนเองนั้นไปให้ผี ชายหนุ่มนั้นจึงมีลักษณะร่างกายที่ซีดและผอมเหมือนผีดิบเดินได้ นานวันไปก็จะถึงแก่ชีวิตชายหนุ่มโสดคนนั้นทันที ต้องรีบทำพิธีการแก้ไข ต้องมีพระภิกษุผู้มีศีลครบจิตแน่วแน่ในการปฏิบัติเพื่อทำพิธีกรรมแยกทั้งสองจากกันต้องปล่อยให้นางตานีไปสู่สุขคติ
ด้วยเหตุการณ์นี้ชาวบ้านจึงไม่นิยมปลูกต้นกล้วยตานีไว้ภายบริเวณบ้านหรือไม่ปลูกไว้ใกล้บ้านเรือนของตัวเองเลย ถ้าต้องการใช้ใบตองก็ต้องไปตัดเอา วิธีการตัดใช้ใบตองต้องห้ามหักก้านต้องตัดเอาแต่ใบเท่านั้น ถ้าใครตัดเอามาทั้งกิ่งจะเกิดเรื่องร้าย ต้องมีคนตายในบ้านในไม่ช้าแน่นอนด้วยสมัยก่อนนั้นชาวบ้านได้ใช้ใบตองของต้นตานี 3 ใบเพื่อรองก้นโลงศพ
นี่จึงเป็นความเชื่อว่าไม่ให้ตัดออกมาทั้งก้านเปรียบเหมือนตัดมาให้ศพ เหมือนเป็นการแช่งตัวเองนั้นเอง ปัจจุบันนี้ความเชื่อเรื่องผีนางตานีค่อยๆสูญหายไปตามกาลเวลา ถึงผีนางตานีจะมีจริงหรือไม่ ก็ไม่สำคัญอะไรกับการที่ให้เห็นทุกชีวิตสำคัญไม่เบียดเบียนกับใครไม่ว่าจะคนหรือผีนั้นเอง
ที่มาข้อมูล