หลังจากที่ได้พูดถึงเรื่องสยองขวัญมากมายที่ผ่านมา หลายคนคงคิดว่าปีศาจนั้นคงจะมาในลักษณะที่เป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวและอาจจะมีรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาด แต่จะป็นยังไงถ้าปีศาจตนนั้นมาในลักษณะหญิงสาวที่มีความสวยงาม สำหรับวันนี้แอดขอนำเสนอ ฮาจิซาคุซามะ หรือ ปีศาจผีสาวสูง 8 เมตร ที่เป็นปีศาจขึ้นชื่อในญี่ปุ่น ถ้าอยากรู้แล้วว่าเป็นยังไง ขอให้อ่านกันอย่างสนุกนะครับ
เรื่องเกี่ยวกับตำนานเกี่ยวกับผีสางในประเทศญี่ปุ่นนั้น ก็สามารถพูดได้ว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นประเทศที่เป็นที่รู้จักและโด่งดังเกี่ยวกับตำนานน่ากลัวของปีศาจในประเทศนี้ฮาจิซาคุซามะ (Hachishakusama) นั้นเป็นปีศาจที่สามารถพูดได้ว่าตำนานฮาจิซาคุซามะนั้นเป็นที่โด่งดังอันดับต้นๆของประเทศญี่ปุ่นก็ว่าได้ ซึ่งสำหรับคนไทยนั้นหากพูดชื่อออกมาก็อาจจะยังมีงงอยู่บ้าง แต่ถ้าได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับความน่ากลัวของปีศาจตนนี้แล้ว ทุกคนส่วนใหญ่ก็จะรู้สึกว่าเหมือนเคยได้ยินมาก่อนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่สำหรับคนญี่ปุ่นนั้นหากได้ยินชื่อเกี่ยวกับ ฮาจิซาคุซามะแล้วพวกเข้าก็จะรู้เกี่ยวกับความน่ากลัวและตำนานของมันที่มีมาแล้วตั้งแต่โบราณและมันได้สร้างความน่ากลัวให้กับเหล่าคนญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงปัจจุบัน
ความหมายของฮาจิซาคุซามะ นั้นมีความหมายตามคำก็คือ ฮาจิ นั้นแปลว่าแปด ส่วน ซาคุ นั้นแปลว่า ฟุตหรือเมตร และซามะ ที่แปลว่าท่าน ซึ่งหากพอได้รวมกันทั้งหมดนั้น ก็ได้แปลว่า ปีศาจที่มีความสูง8เมตร นั่นเอง
สำหรับประวัติของฮาจิซาคุซามะนั้นก็ได้มีการพูดถึงและบันทึกเอาไว้โดยชาวบ้านและผู้ทีได้พบเจอกับปีศาจตนนี้ว่า เดิมทีแล้วนั้นฮาจิซาคุซามะเป็นปีศาจที่ได้สิงสถิตอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งแต่ปีศาจตนนี้นั้นได้ถูกกักขังหรือที่เรียกว่าผนึกวิญญาณของปีศาจตนนี้ไว้ตรงที่รูปปั้นของพระพุทธรูปของชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเรียกว่าจิโซ ตัววิญญาณของปีศาจนั้นได้ถูกพนึกไว้ในรูปปั้นหินนี้เป็นเวลานานแล้วซึ่งรูปปั้นหินนี้ได้มีอยู่จำนวนสีฝั่งเป็นรู้สี่เหลี่ยมรอบหมู่บ้าน ซึ่งทุกรูปปั้นนั้นก็ได้มีวิญญาณของฮาจิซาคุซามะอยู่และสาเหตุที่วิญญาณของฮาจิซาคุซามะได้ถูกผนึกไว้นั้นก็เพราะว่า ฮาจิซาคุซามะนั้นเป็นปีศาจที่มีความชั่วร้ายมากก่อนที่วิญญาณของฮาจิซาคุซามะจะถูกผนึกนั้น มันได้ไล่กินมนุษย์เป็นอาหาร มนุษย์ที่ว่านั้นจะเป็นเด็กซะส่วนใหญ่ที่ได้โดนฮาจิซาคุซามะกินเข้าไป
ฮาจิซาคุซามะนั้นได้กินเด็กไปเป็นจำนวนมากก่อนหน้านั้นด้วยวิธีที่ว่า มันจะหลอกล่อเด็กที่มันได้หมายตาเอาไว้แล้ว การที่จะหลอกล่อของมันนั้นมันจะเริ่มที่ใช้เสียงแปลกๆในการเรียกเหยื่อของมันเพื่อที่จะทำให้เหยื่อนั้นสนใจกับเสียงที่ตัวเองได้ยินและจะค่อยๆเดินเข้าไปหาต้นตอของเสียงและหลังจากนั้นมันจะปรากฏตัวให้กับเหยื่อที่มันต้องการจะกินได้เห็น โดยลักษณะของมันที่ปรากฏนั้น มันจะปรากฏมาเป็นลักษณะของหญิงสาวที่มีหน้าตาสวย ผิวขาวเหมือนผู้หญิงปกติทั่วไป แต่สิ่งที่แปลกไปนั้นก็คือร่างกายของมันที่มีความสูงเกินกว่ามนุษย์ทั่วไป ซึ่งร่างของหญิงสาวที่มันปรากฏนั้นสูงถึง 8 เมตร ซึ่งในบันทึกนั้นมีผู้ที่ได้บอกไว้ในบันทึกว่า ได้มีชาวบ้านนั้นได้เคยเจอกับฮาจิซาคุซามะที่มาในลักษณะของหญิงสาวนั้น ในบันทึกได้บอกไว้ว่าฮาจิซาคุซามะนั้นไม่ได้เพียงแค่สามารถแปลกกายเป็นหญิงสาวที่สูง 8 เมตรได้ นอกนั้นมันยังสามารถแปลงร่างเป็นเด็กสาว หรือหญิงชราได้เช่นกัน แล้วแต่การสนใจที่มันจะปรากฏให้เห็น
ตำนานของฮาจิซาคุซามะนั้นไม่ได้มีเพียงแค่นี้ เพราะได้มีตำนานที่ได้ถูกเล่าไว้ในอดีตเกี่ยวกับการปรากฏตัวของมันซึ่งหากได้อ่านแล้วก็จะนึกภาพออกมาตามได้อย่างแน่นอน เพราะผู้เล่านั้นได้บอกไว้ว่าเขานั้นได้เคยเจอกับฮาจิซาคุตัวเป็นๆและมันเกือบที่จะได้ชีวิตเขาไปแล้ว
เขาได้เริ่มเล่าไว้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาในตอนเขาเป็นเด็กนั้นมันเป็นช่วงปี 2008 ทุกวันปิดเทอมของเขานั้น เขาจะได้กลับไปที่บ้านนอกที่เป็นบ้านเกิดของคุณพ่อของเขาเป็นประจำ และปีนี้นั้นเขาก็ได้กลับไปบ้านนอกกับคุณพ่อของเขาเพื่อที่จะไปเยี่ยมคุณปู่และคุณย่าอย่างเคยเหมือนที่เคยทำมาในทุกๆปี ซึ่งในปีนี้ตัวเขาได้สังเกตถึงรอบๆตัวของเขาว่ามันได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง ซึ่งคุณย่ากับคุณปู่ของเขาก็ดูไม่ได้ต่างไปจากครั้งก่อนที่เขาได้พบเจอกับพวกท่าน แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดก็คือ โดยปกติแล้วบ้านนอกแห่งนี้ก็จะเต็มไปด้วยชาวบ้านที่ต่างออกมาทำสวนทำไร่นากันและต่างออกมาพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเป็นประจำ ซึ่งตัวเขานั้นก็ชอบบรรยากาศแบบนี้ทุกครั้งที่ได้เห็นคนในหมู่บ้านนั้นออกมาคุยกันตลอด แต่ครั้งนี้ที่เขาได้กลับมาเยี่ยมปู่และย่าของเขามันกลับเหมือนว่าหมู่บ้านแห่งนี้เป็นเหมือนหมู่บ้านร้าง เพราะครั้งนี้ที่เขาได้มาเยี่ยมหมู่บ้านนั้นต่างไม่มีชาวบ้านออกมาเดินกันภายในหมู่บ้านแห่งนี้ มันเงียบจนเขาสังเกตได้อย่างชัดเจน ภายในหมู่บ้านที่เคยเต็มไปด้วยร้านค้าและผู้คนที่เดินกันนั้น ครั้งนี้ถนนในหมู่บ้านที่เขาเดินต่างไม่มีใครอยู่เลย บ้านทุกหลังนั้นก็ต่างปิดเงียบและไม่ยอมเปิดออกมาข้างนอก ซึ่งตัวเขาเพียงได้แค่คิดว่าชาวบ้านต่างคงรู้สึกว่าไม่อยากออกมาข้างนอกในเวลานี้ อาจจะเป็นเพราะอากาศร้อนเกินไปรึเปล่าที่ทำให้พวกเขาหลบตัวอยู่ในบ้านกัน เขาก็ได้แค่คิดในแง่ดีเอาไว้ก่อน แต่หลังจากที่เขาเดินเล่นอยู่ในหมู่บ้านคนเดียวนั้น
ตัวเขาเล่าว่า เขาได้ยินเสียงเหมือนเสียงอะไรซักอย่างที่ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือเสียงอะไร เสียงมันไม่ใช่ทั้งเสียงสัตว์หรือเสียงลมหรือเสียงเครื่องจักรต่างๆที่ตัวเขานั้นเคยได้ยินมาก่อน แต่มันเป็นเสียงของใครบางคนที่ได้พูดออกมาแต่พูดออกมาในลักษณะที่ตัวเขานั้นก็แปลไม่ออก มันเป็นเหมือนเสียงสวดที่ขึ้นมาอยู่เพียงแค่ลำคอ มันพาให้รู้สึกว่าเป็นเสียงที่แปลกจนน่าขนลุก ด้วยความสงสัยตัวเขานั้นจึงได้พยายามที่จะหาต้นตอของเสียงที่ว่าดู จนตัวเขานั้นได้เห็นสิ่งของที่มีลักษณะเหมือนหมวกนั้นอยู่บนต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลออกไป แต่ในขณะเดียวกันนั้นเสียงประหลาดนั่นก็ยังคงดังไม่หยุด ด้วยความสงสัยตัวเขาจึงได้เดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ มันใกล้จนตัวเขานั้นเห็นที่มาของเสียงว่า มันคือเสียงของผู้หญิงที่ใส่หมวกสีขาวที่ยืนอยู่ตรงต้นไม้ ซึ่งตัวของเธอนั้นสูงพอๆกับต้นไม้ใหญ่ที่อยู่รอบๆเธอ เธอนั้นแต่งตัวด้วยชุดสีขาวทั้งตัวและมีหมวกใบสีขาวที่เธอนั้นได้ใส่อยู่ด้วย เธอนั้นยืนเอนตัวไปเอนตัวมาเหมือนคนไม่มีแรง นั่นทำให้ตัวเขานั้นตกใจจนอุทานออกมาด้วยเสียงที่ดัง นั่นจึงทำให้เธอนั้นหันมาทันทีหลังจากที่ตัวเขาอุทานออกไป ซึ่งเหมือนจะมีรอยยิ้มที่น่ากลัวอยู่ด้วย แต่หลังจากที่เธอนั้นหันหน้ามาหาเขา เธอก็ได้หายไปทันทีภายในเสียววินาทีหลังจากที่เขานั้นได้กระพริบตา ในการเจอกับผู้หญิงปริศนาครั้งนี้นั้นทำให้ตัวเขาตกใจและทำตัวไม่ถูก จึงได้รีบวิ่งกลับบ้านไปเพื่อที่จะไปเจอคุณปู่และคุณย่า เพื่อที่จะเล่าสิ่งที่ตัวเขาได้เจอมา
หลังจากที่ได้มาถึงที่บ้านและเล่าให้ปู่และย่าฟังนั้น ตัวปู่เองก็ได้มีสีหน้าที่ไม่ดีและพูดถามเขาด้วยเสียงที่ดังว่า “ผู้หญิงที่เขาได้เจอนั้นเป็นผู้่หญิงที่สูงมากๆใช่ไหม และเธอใส่ชุดยาวสีขาวกับหมวกสีขาวรึเปล่า และเธอคนนั้นได้เห็นใบหน้าของเขาชัดเจนไหม และเธอนั้นได้ทำอะไรตัวเขารึเปล่า” นี่คือคำถามที่ปู่ของเขาได้ถามยัดเข้ามาใส่เขาอย่างรวดเร็ว ตัวเขานั้นได้เพียงแค่ตกใจกับคำถามของปู่ที่ตัวปู่นั้นทั้งพูดเร็วและเสียงดังใส่เขา เขาก็ได้ตอบปู่ไปว่าใช่ทั้งหมด และตัวของเธอนั้นก็สู้พอๆกับต้นไม้ขนาดใหญ่เลย ซึ่งตัวคุณปู่ก็ได้ถามย้ำอีกรอบว่า “เธอคนนั้นที่เขาเจอหน่ะ ได้หันและเห็นใบหน้าของเขาแล้วจริงๆใช่ไหม” ซึ่งเขาก็ตอบว่าใช่ ซึ่งนั่นทำให้ตัวปู่นั้นถึงกับต้องคุกเข่าด้วยความสิ้นหวังเลย ตัวเขาก็รู้สึกสงสัยและงงว่าทำไมปู่ถึงต้องเป็นขนาดนี้ หลังจากนั้นปู่ของเขาก็ได้ลุกขึ้นมาพร้อมกับพูดออกมาว่า คืนนี้นั้นตัวเขาต้องนอนอยู่คนเดียวภายในห้องและมีสิ่งหนึ่งที่ปู่ขอร้องเลยให้เขาต้องทำให้ได้คือ “คืนนี้ห้ามออกจากห้องของเขาเด็ดขาด” ไม่เช่นนั้นคืนนี้เขาอาจจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับตัวเขาและนั่นจะเป็นเรื่องร้ายถึงขนาดว่าสามารถทำให้เขานั้นเสียชีวิตได้ทันที
ซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกใจเสียขึ้นมาทันทีหลังจากที่ได้ยิน แต่ก่อนที่เขาจะเข้าไปในห้องและทำตามสิ่งที่คุณปู่ของเขาได้ขอเอาไว้ เขาได้เดินไปถามถึงคุณย่าว่า ผู้หญิงที่เขาเจอนั้นเป็นใครกันแน่และทำไมเขาต้องทำถึงขนาดนี้ คุณย่าก็ได้แต่ตอบด้วยขณะที่ปากและมือของตัวเองสั่นว่า “นั่นคือท่านฮาจิซาคุ” และตอนนี้นั้นท่านฮาจิซาคุนั้นกำลังสนใจในตัวเขาและคิดว่าคืนนี้ท่านคงจะมาหาเขาอย่างเป็นแน่ ถ้าตัวเขานั้นออกไปจากห้องของเขาคืนนี้และไม่หลบตัวไม่ให้่ท่านฮาจิซาคุได้เห็น เขาก็อาจจะไปเป็นเหยื่อตามที่ท่านฮาจิซาคุต้องการได้ หลังจากที่เขาได้ยินนั้นมันทำให้เขารู้สึกว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่แต่งขึ่นมาก็ได้มันไม่มีอะไรที่สามารถเป็นอย่างที่คุณย่าพูดออกมาได้เลย และตัวเขานั้นก็เป็นเด็กที่กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น เขาก็ไม่ได้เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน แต่เขาก็ตอบกับคุณปู่กับคุณย่าของเขาว่า เขาจะทำตามสิ่งที่ปู่ของเขาได้ขอเอาไว้เพื่อให้ท่านนั้นสบายใจขึ้นมา
หลังจากนั้นพอเวลาประมาณทุ่มถึงสองทุ่มนั้น คุณปู่ก็ได้ตามผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาในบ้าน ผู้ชายคนนั้นมีชื่อว่า “เคซัง” (ซึ่งเคซังสำหรับคนญี่ปุ่นนั้นก็เปรียบเสมือนหมอผีหรือคนทรงในประเทศไทยนั่นแหละ) ตัวเคซังนั้นได้กำชับกับเขาอีกครั้งเหมือนที่คุณปู่ของเขาได้พูดก่อนออกมาหน้านี้ว่า คืนนี้ให้เขานั้นอยู่แต่ในห้องและห้ามออกไปจากห้องของเขาเด็ดขาด เดี่ยวเคซังจะเตรียมอุปกรณ์สำหรับช่วยเหลือเขา ของเครื่องใช้เหล่านี้ห้ามเขามายุ่งเด็ดขาด และขอให้อยู่แต่ในห้องจนกว่าจะถึงตอนเช้า ตอนที่มีแสงพระอาทิตย์ออกมาให้เขาเห็นได้ เขาจึงจะออกมาจากห้องของเขาได้นั่นเอง หลังจากนั้นเขาจึงได้เข้าไปในห้องหลังจากที่เคซังและปู่ของเขาเข้าไปก่อนหน้านี้ ซึ่งตัวเขานั้นสังเกตถึงความแปลกไปภายในห้องได้ว่า ประตูหน้าต่างภายในห้องของเขานั้นได้ถูกเอาไม้ที่ถูกตะปูทุบปิดเอาไว้เพื่อไม่ให้เปิดออกมาได้และส่วนกระจกใสทุกบานภายในห้องนั้นที่สามารถมองผ่านทะลุออกไปข้างนอกได้นั้น ก็ถูกปิดโดยผ้าทึบแสงที่ไม่สามารถทำให้มองทะลุเข้ามาข้างในได้ ซึ่งภายในห้องนั้นเหมือนห้องที่ถูกปิดตายที่ไม่สามารถที่จะทำให้ข้างนอกเข้ามาเห็นข้างในและข้างในไม่สามารถเห็นข้างนอกได้ และภายในห้องนั้นก็ยังมีเหมือนเกลือที่ถูกเอาไว้ใส่ถ้วยวางไว้อยู่ในห้อง เกลือเหล่านั้นถูกวางไว้ในตรงฝั่งประตูทุกบานและถูกวางไว้หน้ากระจกใสทุกบานเช่นกัน
ตัวเขาได้เพียงตั้งข้อสงสัยว่าเกลือนี้จะตั้งไว้ไปเพื่ออะไรแต่เขาก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับเกลือนั้น และของที่ถูกตั้งในห้องอีกอย่างคือพระพุทธรูปสีดำที่ถูกตั้งไว้ตรงกลางห้อง หลังจากที่เขาได้เห็นทั้งหมด เขาก็รู้สึกว่านี่คือสิ่งที่คุณปู่กับเคซังที่เตรียมเอาไว้ให้มันก็คงจะมีผลอะไรซักอย่างกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นคืนนี้แหละมั่ง หลังจากนั้นเขาก็ใช้ชีวิตตามปกติของเขาเวลาที่เขาอยู่ในห้องของตัวเอง เขาก็ดูหนังฟังเพลงตามที่เขาเคยทำเพื่อที่จะทำให้ตัวเขาเองนั้นง่วงและหลับไปเลย ซึ่งหลังจากนั้นเวลาได้ผ่านไปถึงตอนตี1 ตัวเขานั้นก็เริ่มที่จะรู้สึกง่วงและกำลังจะปิดทีวีที่เปิดหนังไว้อยู่นั้น จู่ๆก็ได้มีเสียงคนเคาะกระจกจากทางประตูมาและได้มีเสียงบางอย่างดังขึ้นมา พอเขาได้ยินนั้นก็รู้เลยว่ามันคือเสียงเดียวกับผู้หญิงคนนั้นที่เขาได้ยินตอนกลางวันที่เขาได้เจอกับเธอ เสียงนั้นมันดังขึ้นมา มันดังขึ้นเรื่อยๆและมาพร้อมกับเสียงเคาะกระจกประตูที่ดังขึ้นมา จากแรกๆที่เป็นเสียงเหมือนคนเคาะประตูนั้น ต่อมามันเป็นเสียงเหมือนคนทุบประตูแทน มันแรงจนทำให้กระจกนั้นเกิดรอยร้าวขึ้นมาเลย
พอมาถึงตอนนี้เขานั้นเริ่มเชื่อเกี่ยวกับสิ่งที่ปู่และย่าได้พูดเตือนเขาก่อนหน้านี้มันทำให้เขากลัวขึ้นมาเรื่อยๆ จนเขากำลังจะเดินออกจากห้องไปหาคุณปู่ของเขา แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่าทุกคนนั้นได้เตือนเขาย้ำแล้วย้ำอีกว่ายังไงก็ห้ามออกมาจากห้องเด็ดขาด เขาจึงไม่ได้เปิดประตูออกไปและทนอยู่ในห้องต่อไป เวลานั้นเขาได้เพียงนึกสิงที่ปู่ของเขาได้เตือนเขาและก็ยกมือไหว้พระพุทธรูปที่อยู่ภายในห้องของเขาเรื่อยๆ หลังจากนั้นจากเสียงแปลกๆของผู้หญิงและเสียงทุบกระจกอย่างรุนแรงนั้นก็ได้เงียบไป และได้มีเสียงของปู่ของเขาดังขึ้นมาพูดแทนว่า “ถ้าไม่ไหวก็ออกมา ไม่เป็นไรหรอก ออกมาได้เลย” นั่นเป็นเสียงที่ทำให้เขากำลังที่จะรีบออกไปเปิดประตูด้วยความดีใจ แต่มันก็มีอะไรแปลกๆที่เขาก็รู้สึกนึกขึ้นออกมาได้ว่า เพราะว่าทุกคนนั้นย้ำกันมากเกี่ยวกับเรื่องที่ห้ามออกจากห้อง ไม่เช่นนั้นตัวเขานั้นอาจจะตายไปเลยก็ได้ขึ้นมา นั่นจึงทำให้เขาหยุดที่จะเปิดประตูอีกครั้งและกลับไปไหว้พระพุทธรูปต่อไปแบบนั้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นก็มีเสียงกริ๊ดออกมาอย่างบ้าคลั่งอยู่ข้างนอกและเกลือข้างในห้องของเขาที่อยู่ทุกจุดนั้นอยู่ๆก็เปลี่ยนเป็นสีดำขึ้นมา เขาก็ได้แต่สวดไหว้และขอให้คืนนี้นั้นผ่านไปเร็วๆ หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของผู่หญิงคนนั้นพูดออกมาอีกครั้งว่า “ออกมาสิ อยากเจอ” แต่เขาก็ไม่ได้ออกไปและเขาก็ได้แต่อยู่แบบนั้นจนถึงรุ่งเช้า พอถึงตอนเช้าเขาก็ได้ออกมาจากห้อง และเขาพบว่าหน้าห้องของเขานั้นทุกคนก็นั่งรอเขาอยู่ข้างนอกอย่างใจจดใจจ่อ และทั้งปู่และย่าก็ต่างร้องไห้กันออกมาด้วยความดีใจที่ตัวเขานั้นผ่านออกมาได้ เขาจึงได้ถามปู่ไปว่า เมื่อคืนนั้นปู่ได้เรียกเขาหรือเปล่า เพราะเขาได้ยินแบบนั้น ตัวปู่จึงได้บอกว่านั่นคงไม่ใช่เสียงของปู่หรอก เพราะเมื่อคืนนั้นปู่ไม่ได้เรียกเขาเลยและถ้าเขาออกมาตามคำเรียกนั้น เขาได้ตายอย่างแน่นอน
เป็นยังไงกันบ้างครับกับตำนานเรื่อง ฮาจิซาคุ หรือ ปีศาจผีสาวสูง 8 เมตร น่ากลัวและรู้สึกขนลุกกันบ้างไหมเอ่ย เรื่องของปีศาจตนนี้นั้นมีการพูดถึงอยู่มากมาย แต่ที่แอดได้นำมาเสนอนั้นเป็นเรื่องราวที่มีการพูดถึงมากที่สุดและพูดได้ว่าอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ ไม่มีใครทราบได้ แต่ยังไงก็ขอให้อ่านกันเพื่อความสนุกนะครับ สำหรับเรื่องต่อไปจะเป็นอะไรขอให้ติดตามกันนะครับ บรัยบายย…