ในประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นแดนที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และมีปราสาทที่สวยงามมากมายที่ได้ถูกสร้างมาไว้แล้วตั้งแต่สมัยก่อน และแต่ละปราสาทนั้นก็ต่างมีประวัติที่ทั้งดีและน่ากลัวต่างกันไป ซึ่งวันนี้สำหรับเรื่องสยองขวัญที่ได้นำมาให้ทุกคนได้อ่านนั้นเกี่ยวกับวิญญาณของ ผีนับจานแห่งปราสาทฮิเมจิ ซึ่งมันเป็นตำนานที่ชาวญี่ปุ่นเล่ากันมานานและยังเป็นเรื่องราวที่บางคนอาจจะได้ยินกันมาก่อน หากอยากรู้ประวัติความเป็นมาของที่แห่งนี้แล้ว ขอให้อ่านกันให้สนุกนะครับ…
ปราสาทฮิเมจินั้นถูกตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ได้ถูกสร้างมาตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่สองและยังคงเป็นหนึ่งในปราสาทที่อยู่รอดมาได้จากการทิ้งระเบิดในตอนช่วงสงครามโลกครั้งที่สองตอนนั้นและได้ถูกแต่งตั้งเป็นหนึ่งในมรดกโลกที่เหลือรอดมาได้ ตัวปราสาทฮิเมจินั้นนับได้ว่าเป็นปราสาทที่มีความงดงามและมีความสวยมากในประเทศญี่ปุ่น และยังติดอันดับเป็น 1 ใน 3 ของปราสาทที่มีความงดงามที่สุดในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย ตัวปราสาทฮิเมจินั้นเป็นปราสาทที่มีพื้นผิวของตัวปราสาทที่อยู่ด้านนอกนั้นจะมีสีที่เป็นสีขาวสะอาด จึงได้มีผู้ที่เรียกชื้อปราสาทแห่งนี้อีกแบบว่า “ปราสาทนกกระสาสีขาว” ด้วยตัวลักษณะตัวตึกที่เป็นสีขาวสะอาด ตัวปราสาทนั้นได้ถูกสร้างและออกแบบมาให้ตัวปราสาทนั้นมีความลึกลับและค่อนข้างซับซ้อนหากได้เข้าไปเดินข้างในและข้างนอกนั้นก็ดูมีความแปลกตาและซับซ้อนเช่นกัน ตัวปราสาทแต่ละตึกนั้นมีการเชื่อมต่อที่สามารถเดินไปมากันได้ถึง 83 อาคารเลย ที่เขาทำแบบนั้นก็เพื่อที่จะใช้ปราสาทแห่งนี้ไว้ป้องกันศัตรูจากภายนอกหากเกิดสงครามที่อยู่ภายนอกได้เข้ามา ซึ่งปราสาทนี้ก็ได้ผ่านมาแล้วหลายสงครามจริงๆ ทั้งสงครามกลางเมืองและสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งในปัจจุบันปราสาทฮิเมจิแห่งนี้ก็ได้ถูกลงทะเบียนให้เป็นสมบัติที่เป็นประจำชาติของญึ่ปุ่นและยังคงมรดกของโลกอีกด้วยในวันนี้ สล็อต pg เว็บตรง ไม่ผ่านเอเย่นต์
ตัวปราสาทแห่งนี้ได้มีตำนานเรื่องความน่ากลัวอยู่สองเรื่องหลักๆ ที่คนญี่ปุ่นมักจะรู้จักกันดีในเรื่องแรกคือ หากใครได้เข้าไปในปราสาทแห่งนี้ไม่ว่าจะเข้าไปทำธุระหรือเข้าไปดูความสวยงามข้างในหากใครได้เข้าไปอยู่ภายในนั้นเป็นเวลามากกว่า 4 ชั่วโมงแล้ว หากไม่รีบออกมาจากตัวปราสาทภายใน 2 ชั่วโมงนับจากนั้น จะมีตำนานที่เล่ากันว่าคุณจะถูกอะไรบางอย่างที่จะบังดวงตาคุณไว้ไม่ให้หาทางออกจากปราสาทแห่งนี้ได้และจะหลงอยู่ข้างในนั้นเรื่อยๆ จนกว่าจะมีคนภายในจริงๆ ที่มาเห็นคุณเข้าแล้วพาคุณออกไปเอง ซึ่งนี่เป็นตำนานและความเชื่อที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับชาวญี่ปุ่นหลายคนและได้มีการเล่ากันจนเป็นที่รู้กันเกี่ยวกับความน่ากลัวของตำนานนี้
นอกจากนี้จะมีอีกตำนานหนึ่งที่นับได้ว่าเป็นตำนานเรื่องสยองขวัญที่ทำเอาทุกคนไม่ใช่เพียงแต่คนญี่ปุ่นเท่านั้นที่รู้จักเกี่ยวกับตำนานนี้ นั่นก็คือตำนานวิญญาณของผีนับจาน หรือที่รู้จักอีกชื่อคือ ชารายาชิกิ (Sarayashiki) หรืออีกชื่อก็คือ “โอคิคุ” นั่นเอง ภายในปราสาทแห่งนี้ได้มีการสร้างบ่อน้ำไว้หลายสิบบ่อเพื่อไว้ใช้งานกันภายใน แต่จะมีอยู่หนึ่งบ่อที่เป็นตำนานเกี่ยวกับวิญญาณที่มีผีนับจาน ซึ่งวิญญาณตนนั้นเป็นวิญญาณของหญิงสาวที่เคยใช้ชีวิตอาศัยอยู่ที่ปราสาทฮิเมจิแห่งนี้ นามของเธอที่รู้จักกันก็คือ โอคิคุ หรือ โอกิกุ (Okiku) แล้วแต่คนจะเรียก ซึ่งที่วิญญาณของเธอได้ออกมานั้นก็เพื่อที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเธอเองเพราะเธอได้ตายไปอย่างน่าสงสาร ซึ่งเรื่องเล่าเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณผีนับจานนั้นมีอยู่หลายแบบซึ่งแต่ละเรื่องเล่าก็ทำให้รู้สึกถึงว่าชีวิตของ โอคิคุ นั้นช่างน่าสงสารเหลือเกิน ซึ่งก็มีเรื่องเล่าตามนี้ :
เรื่องเล่าแรกนั้นที่ได้เป็นที่เล่ากันจนหนาหู จนได้มีการนำเรื่องราวนี้ไปดัดแปลงจนกลายเป็นละครคาบูกิ ซึ่งตัวโอคิคุ เธอนั้นเป็นสาวใช้ของซามูไรคนหนึ่งที่มีนามว่า “อาโอยามา เทสซัน” ตัวซามูไรหนุ่มคนนี้นั้นเขาได้รู้สึกและเห็นถึงความสวยของโอคิคุ เขาจึงได้รู้สึกตกหลุมรักเธอเข้าและได้คิดการไม่ดีเกี่ยวกับต้องการตัวเธอมาเป็นภรรยาของตน จึงได้ทำการวางแผนที่จะหลอกตัวโอคิคุ โดยการที่ตัวเขานั้นจะนำชุดเครื่องจาน 10 ใบที่มีราคาแพงมหาศาลและมีมูลค่าอย่างมากซึ่งเอามาจากดัตซ์ แล้วเอามามอบให้กับโอคิคุเพื่อให้เธอนั้นมีหน้าที่ที่จะดูแลชุดเครื่องจานชุดนี้เป็นอย่างดี ซึ่งตัวโอคิคุนั้นเธอก็ได้ดูแลรักษาชุดเครื่องจานเครื่องนี้อย่างดีเพราะตัวเธอก็รู้ดีว่าหากมันหายไปหรือแตกไปจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอ แต่แล้วหลังจากนั้นตัวซามูไรหนุ่มก็ได้เกิดแผนชั่วขึ้นมาโดยการนำจานออกมาหนึ่งใบจากในชุดจาน และหลังจากนั้นตัวเขาก็ได้เรียกโอคิคุให้มามอบจานที่ตัวเองได้ฝากไว้ให้เธอนั้นได้ดูแล แต่ตัวโอคิคุก็ต้องตกใจเนื่องจากจานนั้นหายไปใบหนึ่ง และเธอก็ได้พยายามที่จะตามหาใบที่หายไปแต่ตัวเธอนั้นก็หาไม่เจอและไม่รู้ว่ามันหายไปไหน มันก็เป็นไปตามแผนของซามูไรหนุ่ม และเขาจึงได้บอกกับโอคิคุไว้ว่าหากเจ้าตัวหาจานใบนั้นไม่เจอก็จำเป็นต้องลงโทษเธอ หรือมีอีกทางหนึ่งคือเขาจะยกโทษให้กับเธอหากเธอยอมมาเป็นภรรยาน้อยให้กับตัวเขาและคอยดูแลเขาดั่งสามีของเธอ ตัวโอคิคุนั้นไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของซามูไรและเพื่อที่จะรักษาเกียรติของตัวเธอ เธอจึงได้ตัดสินใจกระโดดลงไปในบ่อน้ำที่ใกล้ที่สุด และนั่นคือสถานที่ที่เธอได้ตายลงไปในที่สุด
แต่ในบางแห่งก็เล่ากันว่า ตัวซามูไรนั้นไม่ได้มีเจตนาที่จะอยากได้โอคิคุมาทำเป็นเมียของตนเองแต่ได้ฝากชุดเครื่องจาน 10 ใบให้กับโอคิคุได้ดูแลจริงๆ แต่หลังจากที่ตัวเขานั้นได้เรียกเครื่องจานที่เขาได้ฝากกับโอคิคุมา ตัวโอคิคุนั้นก็ได้ทำจานใบหนึ่งนั้นหายไปจริง นั่นทำให้ตัวซามูไรนั้นโกรธมากถึงขีดสุดและตัวเขานั้นไม่สามารถควบคุมตัวเองได้จึงได้ฆ่าโอคิคุไปด้วยมือของเขาเอง และหลังจากที่เธอได้ตายไปเขาก็ได้สั่งให้เอาศพของเธอนั้นโยนลงไปที่บ่อน้ำที่ไกลจากที่เขาอยู่ หลังจากนั้นก็ได้เกิดเรื่องสยองขวัญขึ้นมาตรงที่บริเวณบ่อน้ำแห่งนี้โดยที่ ในช่วงกลางค่ำกลางคืน บ่อน้ำตรงนั้นที่ได้มีศพของเธอตายลงไป จะปรากฏวิญญาณที่ใส่ชุดสีขาวออกมาให้ชาวบ้านได้เห็น นั่นก็คือวิญญาณของโอคิคุนั่นเอง ตัวเธอนั้นมีร่างกายที่ขาวซีดและตัวเธอได้นั่งอยู่ข้างๆกับบ่อน้ำนั้น สิ่งที่วิญญาณของเธอออกมาทำให้ทุกคนได้เห็นก็คือ เธอได้ออกมานับจานของเธอที่เธอนั้นได้ดูแลอยู่ เสียงของเธอที่กำลังนับจานค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆอย่างช้าๆ ใบที่หนึ่ง … ใบที่สอง… ใบที่สาม… จนกระทั่ง ใบที่เก้า… วิญญาณของเธอก็จะเริ่มร้องดังออกมาให้ชาวบ้านได้ยิน นั่นเป็นเสียงร้องไห้ที่น่ากลัวและเป็นเสียงที่โหยหวนที่ทำเอาชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นอยู่ไม่เป็นสุขและทำเอาชาวบ้านต่างพูดถึงวิญญาณของเธอที่ออกมาในทุกตอนกลางคืนเพื่อที่จะนับจานที่เธอได้ทำหายไป ซึ่งตัวของซามูไรหนุ่มที่ได้ฆ่าเธอนั้นก็ได้ยินเสียงโหยหวนของเธอเช่นกัน มันเป็นแบบนั้นทุกวันจนตัวเขานั้นเริ่มหลอนจนติดอยู่ในหัวและได้กลายเป็นชายหนุ่มที่เสียสติไปในที่สุด
และอีกเรื่องเล่าหนึ่งที่ได้เล่าไว้ว่า เหตุการณ์ตอนที่โอคิคุอยู่นั้นมันเป็นช่วงที่กำลังจะมีตระกูลต่างๆ ที่พยายามที่จะโค่นล้มอำนาจเพื่อที่จะยืดเป็นเจ้าเมืองกัน ซึ่งได้มีตระกูลที่ชื่อว่าอาโอยาม่า พวกเขาได้วางแผนที่จะทำการยืดและตั้งใจที่จะโค่นล้มอำนาจเพื่อที่จะยืดเมืองแห่งนี้ไป และในตอนนั้นตัวโอคิคุเองก็ได้ยินเกี่ยวกับแผนของตระกูลนี้เข้า เธอจะได้นำเรื่องที่เธอได้ยินนั้นเล่าให้กับผู้ที่เป็นสามีของเธอได้ฟังเพราะว่าตัวสามีของเธอนั้นทำงานเป็นทหารของเจ้าเมืองแห่งนี้ในตอนนั้น หลังจากนั้นแผนที่ว่าจะยืดเมืองของตระกูลอาโอยาม่าจึงได้ถูกเปิดโปงขึ้นมาและทำให้แผนที่จะยืดเมืองนั้นได้เป็นการล้มเหลวไป หลังจากนั้นตระกูลอาโอยาม่าจึงได้รูปว่าโอคิคุนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้แผนของพวกเขานั้นได้พังไป พวกนั้นจึงได้คิดแผนที่จะเอาคืนกับสิ่งที่เธอทำไปโดยที่ทำการใส่ความผิดให้กับโอคิคุว่า เธอนั้นได้ขโมยชุดเครื่องจานที่มีมูลค่าแพงมหาศาลและเป็นสมบัติสำคัญของตระกูล นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้โอคิคุนั้นถูกทรมานจนเธอนั้นได้ตายลงไปและก็ได้ถูกนำศพของเธอโยนลงไปที่บ่อน้ำเช่นกัน
และตำนานสุดท้ายที่ได้มีผู้คนต่างเล่ากันก็คือ ที่จานหายไปหนึ่งใบนั่นเป็นสาเหตุเพราะว่าภรรยาของอาโอยามานั่นแหละที่ตัวเธอนั้นได้ทำจานใบหนึ่งแตกและได้ทำการทำลายหลักฐานจานที่แตกนั้นโดยการที่โยนลงไปที่บ่อน้ำ และโบยให้กับโอคิคุว่าเธอนั้นได้เป็นผู้ทำจานแตกและโยนลงไปในบ่อน้ำแห่งนั้น นั่นจึงทำให้เธอได้ถูกทรมานจนตัวเธอได้ตายไปและโยนศพลงบ่อน้ำเช่นกัน
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวไหนคนที่จะได้รับบทลงโทษก็มักจะเป็นตัวโอคิคุทั้งนั้นที่ผลลัพธ์สุดท้ายแล้วตัวเธอนั้นก็ต้องตายไปไม่ว่าจะเป็นความผิดของเธอ หรือไม่ก็ตาม ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างเศร้าหากคิดจริงๆว่าชีวิตเธอนั้นเกิดมาเพื่อที่จะรับผิดแทนคนอื่นมาโดยตลอด และนี่ก็คือตำนานความหลอนของปราสาทฮิเมจิแห่งนี้
สำหรับปราสาทฮิเมจินั้นเป็นที่รู้จักในนามปราสาทที่สวยงามที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น แต่สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้นั้นก็มีเรื่องน่ากลัวอยู่ด้วยเช่นกัน ก็ขอให้ ผีนับจานแห่งปราสาทฮิเมจิ เป็นหนึ่งในเรื่องที่สามารถสร้างความน่าขนลุกให้กับทุกคนได้นะครับ สำหรับตำนานต่อไปจะเป็นอะไรขอให้ติดตามกันนะครับ…
ที่มา : www.giantgogo.com, travel.trueid.net