ตำนานเรื่องราวของผีจ้างหนังที่ป่าคำชะโนดนั้น เป็นเหตุการณ์ที่ต้องย้อนกลับไปประมาณ 20 กว่าปีก่อน ในช่วงเวลานั้นหนังกลางแปลงยังคงได้รับความนิยมอย่างมากจากหลายๆพื้นที่ ไม่เหมือนปัจจุบันที่เทคโนโลยีนั้นได้เข้ามาแทนที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเรื่องราวตำนานนี้นั้นเกิดขึ้นเมื่อวันหนึ่งที่จังหวัดอุดรธานี เจ้าของหนังกลางแปลงที่ชื่อว่า “แจ่มจันทร์ ภาพยนต์” บริษัทนี้รับจ้างที่จะไปฉายหนังกลางแปลงทุกพื้นที่ และวันนั้นเขาได้รับการติดต่อจากชายคนหนึ่ง ให้ทางบริษัทเข้าไปฉายหนังกลางแปลงที่งานวัดที่อยู่ตรงบริเวณป่าคำชะโนด ในตอนนั้นเขาได้ติดต่อเกี่ยวกับการฉายหนังเอาไว้ 4 เรื่อง ได้แก่เรื่อง “ทอง,ดวลปืน,บ้านผีปอป และหนังฝรั่งอีกหนึ่งเรื่อง” แต่คนที่มาติดต่อได้ขอมีข้อแม้อยู่เรื่องนึงคือ ขอให้ทางบริษัทฉายหนังทั้งหมดให้เสร็จภายในตีสี่ และขอให้ออกจากหมู่บ้านก่อนฟ้าสางและห้ามหันหลังกลับมามองโดยเด็ดขาด นี่คือสิ่งที่เขาขอ ทั้งคู่ได้ตกลงทำสัญญาว่าจ้างกันและได้จ่ายเงินเอาไว้แล้วทั้งหมดเป็นจำนวนเงิน สี่พันบาท โดยคนที่มาติดต่อก็ได้วางเงินมัดจำเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สองพันบาท
หลังจากนั้นพอถึงวันที่ทางบริษัทต้องไปตั้งหนังฉายกลางแปลง ทางบริษัทก็ได้จัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับการฉายหนังไว้เป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับการเดินทางไปตรงพื้นที่พร้อมกับลูกน้องอีก 4 คน รวมเจ้าของบริษัทแล้วทั้งหมดเป็น 5 คนที่เดินทางไปวันนั้น กว่าพวกเขาจะเดินทางไปถึงตรงบริเวณป่าคำชะโนดนั้นเวลาก็เริ่มที่จะมืดแล้ว ในสมัยนั้้นถนนเส้นทางการเดินทาง จะเป็นถนนลูกรัง เป็นถนนชนบท ตามทางก็มีไฟตามทางอยู่ค่อนข้างน้อยทำให้ระหว่างทางนั้นค่อนข้างที่จะมืด ระหว่างทางทั้งทางซ้ายและขวาจะมีแต่ป่าเพียงเท่านั้น และยิ่งเข้าใกล้ตรงที่ผู้ว่าจ้างบอก ก็ยิ่งไม่มีวี่แววที่จะเจอหมู่บ้านนั้นเลยหรือคนที่จะมารับเลย พวกเขาจึงสรุปเอาไว้แล้วว่า พวกเขาหลงทางแน่ๆตอนนั้น ระหว่างที่จอดรถเพื่อที่กำลังจะดูทางต่อไปนั้น อยู่ๆก็ได้มีผู้หญิงเดินเท้ามาจากทางด้านหน้าสองคน ผู้หญิงทั้งสองแต่งชุดด้วยสีดำทั้งสองคน และทั้งสองก็พูดออกมาว่า “พวกพี่กำลังหลงทางแล้วนะจ๊ะ เดี่ยวพวกฉันจะนำทางรถของพี่ไปให้เอง” เมื่อได้ยินแบบนั้นพวกเขาก็รู้สึกโล่งใจและได้นำหญิงสาวทั้งสองขึ้นมาบนรถ แต่ก็นึกสงสัยอยู่ดีว่า พวกเธอนั้นตามรถฉายหนังมาได้อย่างไรและรู้ได้ไงว่าพวกเขามาฉายหนังที่ป่าคำชะโนด แต่ก็ได้แค่คิดสงสัยแต่ไม่ได้พูดอะไร
และแล้วพวกเขาก็ได้ไปถึงสถานที่สำหรับฉายหนัง ตรงบริเวณนั้นมีผู้คนเดินกันไปมาอยู่เป็นจำนวนหนึ่ง แต่แปลกที่ว่าทั้งหมดนั้นแต่งกายด้วยชุดขาวกับชุดดำเท่านั้น ถ้าเป็นผู้ชายจะแต่งกายด้วยชุดขาวและผู้หญิงจะแต่งตัวด้วยชุดดำ โดยที่ไม่มีใครใส่เสื้อผ้าแบบอื่นเลย และทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นจะทาหน้าขาวกันหมด หลังจากที่เดินทางมาถึงแล้ว ทางทีมงานก็เริ่มที่จะติดตั้งจอหนังเพื่อที่จะเริ่มฉายให้เร็วที่สุด ซึ่งระหว่างที่กำลังติดตั้งนั้น ก็เริ่มที่จะมีผู้คนเริ่มเดินเข้ามานั่งรอดูหนังกันบ้างแล้ว โดยจะมีการแยกโซนชายหญฺิงเป็นที่เรียบร้อย โดยปกติแล้วงานวัดควรจะมีร้านค้าขายของกินกันบ้าง แต่ที่นี่กลับเงียบสนิท มีเพียงแต่คนในหมู่บ้านที่เดินมาเพื่อนั่งดูหนังกันอย่างเงียบๆเพียงเท่านั้น ไร้แม่ค้าพ่อค้าเลย
หลังจากอะไรเสร็จเรียบร้อยพวกเขาก็เริ่มที่จะฉายหนังให้กับคนในหมู่บ้านได้ดูกัน ระหว่างการฉายหนังนั้นก็มีแต่เพียงความเงียบที่เกิดขึ้นมา ไม่มีเสียงคุยหรือหัวเราะเฮฮาเลย มีเพียงแต่ความเงียบที่เกิดขึ้น ผู้คนต่างนั่งเงียบสนิท จนหนังได้ฉายมาถึงเรื่องที่สามแล้ว ทุกคนก็ยังคงนั่งดูกันอยู่แบบไม่ลุกไปไหนเลย จนเวลาเข้ามาในช่วงตอนตี 4 ก็ได้มีผู้ชายคนนึง เขาเดินเข้ามาและจ่ายค่าจ้างส่วนที่เหลือให้กับทางเจ้าของหนังฉาย และบอกเขาว่าให้เลิกฉายหนังได้แล้ว ทั้งๆที่หนังก็ยังคงฉายและยังไม่จบเรื่องด้วยซ้ำ ทางทีมงานก็เลิกฉายหนังตามคำสั่ง และผู้คนก็เริ่มที่จะลุกและเดินออกไปอย่างเงียบ สักพักเวลาผ่านไปพื้นที่ตรงนั้นก็ไร้ผู้คน ไม่เหลือใครอยู่เลย หลังจากนั้นทางทีมงานก็ได้เก็บทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย โดยได้มีผู้หญิงสองคนเดิมที่ตอนแรกได้พาพวกเขาเข้ามา ได้อาสาพวกเขาที่จะพาพวกเขาออกไป พอมาถึงปากซอยของทางออก ผู้หญิงทั้งสองก็ได้ลงมาจากรถและได้เดินหายไปในความมืด
ทางทีมงานก็ได้สังเกตว่าระหว่างทางกลับนั้นไม่เห็นใครเดินอยู่บนถนนเพื่อที่จะเดินกลับบ้านเลยซึ่งโดยปกติแล้ว ก็ควรจะมีคนเดินกลับบ้านกันอยู่บ้าง แต่นี่กลับเงียบสนิท หลังจากกลับมาถึงบริษัทของเขา เขาก็กลับพบว่า เงินว่าจ้างที่เขาได้มาในเมื่อคืนนั้นมันเป็นเหรียญโบราณเป็นลักษณะที่เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อน จนตัวเขารู้สึกสงสัยเรื่องนี้จึงได้โทรไปหาคนที่มาว่าจ้างกลับไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่สิ่งที่เขาได้รับรู้กลับมาก็คือ เขาไม่เคยติดต่อทางบริษัทนี้เพื่อไปฉายหนังที่ใดเลย นั่นทำให้เขาตกใจมากและทำให้สงสัยจนถึงทุกวันนี้ว่า ใครหรืออะไรที่ติดต่อให้พวกเขาเข้าไปฉายหนังที่ป่าคำชะโนดกันแน่…