เรื่องราวความสยองขวัญในครั้งนี้ที่ตัวแอดได้นำมาให้กับทุกคนที่ชอบเรื่องสยองขวัญของต่างประเทศมาให้ได้อ่านกัน นั่นก็คือเรื่องของ บูกี้แมน ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่พูดถึงกันมากในต่างประเทศ ถ้าอย่างรู้แล้วว่าเป็นยังไงลองอ่านกันเลยครับ
เมื่อตอนที่พวกเรายังเป็นเด็กนั้น ตัวเรามักจะสร้างความน่ากลัวขึ้นมาในจิตใจและเรื่องนั้นได้สร้างความหลอกหลอนและทำให้มันติดตราตึงใจเราไปมาตั้งแต่ในช่วงที่เราเป็นเด็ก ซึ่งบางคนนั้นโตมาก็อาจจะหายกลัวไปเกี่ยวกับสิ่งที่กลัวมาตอนเด็ก แต่สำหรับบางคนนั้นก็ยังคงกลัวเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเขานั้นเคยได้ยินมาตั้งแต่ตอนเด็กและได้สร้างความกลัวมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสิ่งนั้นที่ได้บอกกล่าวมานั้น ในต่างประเทศพวกเขาได้มีตำนานอยู่ตำนานหนึ่งเกี่ยวกับเป็นเรื่องของความเชื่อความน่ากลัวที่ได้ถูกเล่ากันมา ทำให้เด็กๆหลายๆคนนั้นรู้สึกกลัวเกี่ยวกับ “บูกี้แมน”
แต่เรื่องของ บูกี้แมนนั้นไม่ใช่เพียงแต่ที่มีเด็กๆเท่านั้น มันรวมไปถึงตัวผู้ใหญ่ที่อยู่ต่างประเทศที่เชื่อกันเกี่ยวกับความน่ากลัวและเรื่องของบูกี้แมน ซึ่งพวกเขานั้นไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งที่พวกเขากลัวอย่างบูกี้แมนนั้นมันคืออะไรกันแน่ มันอาจจะเป็นคนก็ได้ มันอาจจะเป็นเพียงสัตว์ตัวเล็กๆหรือตัวใหญ่ๆก็ได้ หรือมันอาจจะเป็นคำสาปอาถรรพณ์ที่ทำให้ผู้คนกลัวก็ได้ เรื่องของบูกี้แมนนั้นสำหรับเด็กๆแล้วนั้น มันก็คือสิ่งลี้ลับและเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่อยู่รอบๆตัวของเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งใต้เตียงของพวกเขา หรือเป็นหุ่นต่างๆรอบตัว ซึ่งเราจะมาพูดคุยเกี่ยวกับที่มาของมันเกี่ยวกับความน่ากลัวที่มันสร้างไว้ให้กับเด็กๆ
เรื่องของความจริงเกี่ยวกับบูกี้แมนนั้นมีมานานนับมาตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาเนิ่นนานจนมาถึงปัจจุบันก็ยังมีการพูดถึงเกี่ยวกับตัวของบูกี้แมนในด้านของความน่ากลัวของตัวปีศาจบูกี้แมน ซึ่งบูกี้แมนนั้นก็เป็นเรื่องราวของนิทานพื้นบ้านประเภทหนึ่งที่มีการพูดถึงและถูกเล่ากันมาสืบกันตั้งแต่อดีต บูกี้แมนนั้นสามารถพบได้อยู่ทั่วโลก ซึ่งได้มีการกล่าวกันว่าต้นกำเนิดของตัวบูกี้แมนนั้นมาจากความน่ากลัวของของสิ่งมีชีวิตที่เป็นการผสมระหว่างก็อบลิน หุ่นไล่กา และหมีดำตัวใหญ่ๆที่ชอบมาล่าและกินเด็กเล็กๆกันในช่วงเวลาที่เด็กนั้นหายไป ซึ่งนั่นเป็นทำให้เป็นเหมือนเครื่องเตือนใจให้กับเด็กๆหลายคนเกี่ยวกับความน่ากลัวของบูกี้แมนที่มีอยู่และอาศัยอยู่รอบๆของตัวเด็กๆ ซึ่งมันก็ทำให้เด็กๆนั้นไม่ออกนอกลู่นอกทางเพราะหากพวกเขาได้ออกไปไหนมาไหนคนเดียวนั้น ก็จะโดนเหล่าผู้ใหญ่ต่างขู่กันว่าจะมีบูกี้แมนมาหลอกหลอนพวกเขาหากไม่ฟังสิ่งที่พวกผู้ใหญ่ได้สอนเอาไว้ ซึ่งบางคนจึงคิดว่าเรื่องของบูกี้แมนนั้นก็เป็นเหมือนเรื่องเตือนใจให้กับเด็กๆไม่ให้ทำสิ่งที่ไม่ควร หรือไปไหนมาไหนคนเดียวในเวลากลางคืน แต่มันก็ได้สร้างความน่ากลัวที่จริงจังให้กับบางคนที่กลัวมาตั้งแต่เด็กจนโตอยู่จริงๆ
จริงๆแล้วนั้นตัวบูกี้แมนในแต่ละปรแทศนั้นมีความต่างกันทั้งชื่อเรียกและการปรากฏตัวต่างๆของเหล่าบูกี้แมน แอดจึงได้ทำการคัดการเรียกและการปรากฏตัวของเหล่าบูกี้แมนต่างๆที่อยู่ทั่วโลกมาให้ได้ดูกันเป็นตัวอย่าง ตามนี้
บูกี้แมนของประเทศอังกฤษนั้นพวกเขาจะเรียกกันว่า โบกี้แมน, โบกี้ หรือบักแบร์ บูกี้แมนของประเทศอังกฤษนั้นเป็นผีไร้รูปร่างที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดเพื่อขู่เหยื่อที่ไม่ระวังตัวและเดินอยู่คนเดียว ตัวบูกี้แมนนั้นจะคอยปั่นป่วนและสร้างความน่ารำคาญมากกว่าที่จะให้อันตรายกับผู้คน และพลังของบูกี้แมนนั้นก็ถูกทำให้เห็นโดยการที่มันจะมาพร้อมกับแสงรอบๆตัวและพุ่งเขามาหาเหยื่อที่มันต้องการ ซึ่งตัวชื่อของบูกี้แมนอาจมาจากภาษาอังกฤษยุคกลาง แปลว่า “บางสิ่งที่น่ากลัว”
Bokkenrijders หรือ “buck riders” เป็นผีขโมยที่ขี่แพะบิน พวกเหล่าบูกี้แมนเหล่านี้เป็นตำนานที่สร้างขึ้นโดยกลุ่มโจรที่แท้จริงในศตวรรษที่ 18 เพื่อข่มขู่และคุกคามชุมชนเกษตรกรรมในท้องถิ่น
Butzemann เป็นก็อบลินไร้หน้าหรือผีที่สวมเสื้อคลุม เขาซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด ใต้เตียงหรือในตู้เสื้อผ้า และโจมตีเด็กๆ ที่นอนดึก ชื่อของเขามาจากภาษาเยอรมันกลาง bôtzen หรือ verbutzen (เพื่อปกปิดหรือปลอมตัว) วันปัจจุบันนั้นบูกี้แมนชนิดนี้มีชื่อเสียงมากที่สุดจากเพลงเด็กโง่ ๆ “Es tanzt ein Bi-Ba-Butzemann” (It dances the Bi-Ba-Butzemann) ซึ่งเดิมทีเกี่ยวกับโพลเตอร์ไกสต์ที่มีกระดูกแสนยานุภาพและเคียว
Hombre del Saco ชายผู้น่าเกลียดและผอมแห้งถูกกล่าวขานว่าลักพาตัวเด็กซุกซนในตอนกลางวันแสกๆ และพาพวกเขาไปในกระสอบ เขาขายลูกหรือกินทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ในบางวัฒนธรรม ร่างอย่าง Sack Man ทำงานเป็นเพื่อนสนิทของ Saint Nicholas
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างของเหล่าบูกี้แมนที่มีอยู่รอบๆทั่วโลก ถ้าหากอยากรู้จักบูกี้แมนของประเทศอื่นอีกสามารถหาอ่านได้ทั่วไปเลย
บูกี้แมนนั้นมักจะเป็นที่รู้จักของเหล่าเด็กๆหรือผู้ใหญ่ที่มีความเชื่อเหล่านี้ สำหรับที่แอดนำเรื่องของ บูกี้แมน มาให้ทุกคนได้อ่านนั้นเพราะแอดเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับตำยานตัวนี้มาอยู่บ้างเลยอยากจะแชร์ให้ทุกคนได้รู้จักกัน…
ที่มา : www.babbel.com, itsblossom.com