ตำนานเกี่ยวกับเกาะผีสิงที่หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินและได้ฟังกันมานั้น มันก็มีมากมายอยู่หลายที่ แต่มีเกาะๆหนึ่งที่เป็นที่สนใจสำหรับผู้คนรอบโลก นั่นก็คือ “เกาะร้างฮาชิมะ” ที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นนี่เอง ถ้าอยากรู้ว่าที่มาของเกาะเป็นยังไง ขอให้อ่านกันให้สนุกนะครับ
เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อเกาะร้างแห่งหนึ่งที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อที่สั้นๆและจำได้ง่ายๆว่า “เกาะฮาชิมะ” ซึ่งตัวเกาะฮาชิมะนั้นก็มีทั้งตัวเรื่องราวและเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานของตัวเกาะที่มีการพูดถึงกันต่อกันมาหลายๆทอด ซึ่งเรื่องที่พูดกันเป็นส่วนใหญ๋นั้นมันจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสยองขวัญเกี่ยวกับตัวเกาะฮาชิมะแห่งนี้นั่นเอง ซึ่งในที่หลายๆคนพูดกันนั้น พวกเขาพูดกันว่า เกาะฮาชิมะนั้นเป็นเกาะที่มีผีสิงกันอยู่เต็มไปหมด เป็นเกาะที่มีคนตายจำนวนมากก่อนที่จะได้กลายเป็นเกาะร้างเหมือนในปัจจุบัน ซึ่งตัวเกาะฮาชิมะแห่งนี้นั้นด้วยสภาพที่มีการทิ้งร้างไว้เป็นจำนวนนานก็ทำให้มันมีสภาพที่น่ากลัวและมีความรกร้างเป็นอย่างมาก
ตัวเกาะฮาชิมะในสมัยก่อนนั้นเป็นเพียงเกาะธรรมดาๆที่ถูกสร้างโดยบริษัทชื่อดังอยาก ซูบิชิ ที่หลายๆคนรู้จักกัน เพราะในสมัยก่อนนั้นพวกเขาพบกันว่าที่เกาะฮาชิมะแห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยแร่ธาตุที่สำคัญ ที่สามารถสร้างเงินให้กับตัวบริษัท ตัวบริษัทแห่งนี้จึงได้ทำการเปลี่ยนเกาะฮาชิมะแห่งนี้จากเกาะธรรมดาๆ ให้กลายเป็นเกาะที่มีไว้เพื่อให้คนที่อยู่ที่เกาะแห่งนั้นได้ทำการขุดหาแร่ธาตุที่อยู่ภายในตัวเกาะฮาชิมะแห่งนั้นนั่นเอง ซึ่งในสมัยก่อนนั้นเกาะฮาชิมะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะที่มีความเจริญมาก ซึ่งเจริญขนาดที่ว่าเป็นพื้นที่ๆติดอันดับเกี่ยวกับความเจริญของพื้นที่อันดับต้นๆของภูมิภาคเอเชียนี้เลยก็ว่าได้ เหตุเพราะว่าในยุคเมื่อประมาณ 100 กว่าปีนั้นเป็นช่วงเวลาที่พวกถ่านหินแร่ธาตุที่อยู่ภายในตัวเกาะแห่งนั้น เป็นสิ่งที่มีค่าอย่างมาก
แต่มันก็เป็นความเจริญที่มีอยู่ได้เพียงชั่วคราว เพราะว่าหลังจากนั้นได้ไม่นาน พวกถ่านหินและแร่ธาตุที่อยู่ภายในตัวเกาะนั้นก็มีขีดจำกัดของมันและพอเวลาผ่านไป การใช้ถ่านหินก็มีการใช้ที่น้อยลง และความนิยมของการใช้ถ่านหินในเวลาต่อมาก็เริ่มน้อยลงไปตามๆกัน เพราะหลังจากนั้นผู้คนก็หันมาใช้จำพวกน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงมากกว่าที่จะใช้ถ่านหินมากกว่า โดยหลังจากที่มันเป็นอย่างนั้น ทางบริษัทที่เป็นผู้ดูแลนั้นก็มีความจำเป็นที่ต้องทำการปิดตัวเกาะฮาชิมะแห่งนี้ลงไปเนื่องจากที่ว่า รายได้ที่ควรจะเป็นไปตามแผนนั้นก็ได้มาไม่ตามที่คาดหวังเอาไว้อย่างมาก พอหลังจากนั้นก็ได้มีการเริ่มที่จะเคลื่อนย้ายผู้คนที่อยู่ในเกาะออกจากตัวเกาะไปเรื่อยๆ เพราะเกาะได้ถูกปิดตัวลงไปเลย ตั้งแต่ในช่วงปี 1974 จนมาถึงปัจจุบันเกาะฮาชิมะแห่งนี้ก็ได้กลายเป็นเกาะร้างอย่างสมบูรณ์โดยที่ไร้ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นและตัวตึกต่างๆ ที่ถูกสร้างไว้ที่เกาะนั้นก็ได้ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้ตลอดไป
หลังจากนั้นที่ตัวเกาะฮาชิมะนั้นได้ถูกทิ้งร้างเอาไว้เป็นเวลานานมากกว่า 40 ปี ก็ได้เกิดการพูดเกี่ยวกับเรื่องเล่าน่ากลัวขึ้นมา เพราะมีการพูดกันว่าเกาะฮาชิมะแห่งนี้นั้นเป็นเกาะผีสิง มีคนตายอยู่เป็นจำนวนมากในช่วงที่กำลังเคลื่อนย้ายผู้คน และรัฐบาลของญี่ปุ่นก็สั่งห้ามไม่ให้ใครเข้าที่เกาะฮาชิมะแห่งนี้อีกด้วย ซึ่งมันทำให้คนที่อยู่ภายนอกนั้นก็ต่างพูดถึงกันเกี่ยวกับเรื่องน่ากลัวนั่นเอง
ด้วยความที่เกาะฮาชิมะแห่งนี้นั้นมีความเก่าและมีความน่ากลัวอยู่มาก ก็ได้มีกองหนังหลายๆกองจากหลายๆประเทศได้เข้ามาภายในเกาะฮาชิมะแห่งนี้ และได้ใช้สถานที่ที่เกาะฮาชิมะแห่งนี้เป็นพื้นที่ภายในหนัง ซึ่งในหลายๆครั้ง หลายๆกองถ่ายที่ได้เข้ามาใช้สถานที่ที่เกาะฮาชิมะนั้น ก็มักจะมีข่าวเกี่ยวกับการได้พบเจอสิ่งแปลกๆที่พวกเขาได้เจอกันอยู่เป็นประจำตามๆมา
ตามกองถ่ายต่างๆ ก็ได้ต่างออกมาพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างที่พวกเขานั้นกำลังถ่ายทำหนังกันอยู่ ซึ่งก็ได้มีหนึ่งในกองถ่ายได้ออกมาพูดว่า ในขณะที่พวกเขาถ่ายทำกันอยู่ที่บนเกาะฮาชิมะกันนั้น อยู่ๆก็ได้เกิดอะไรแปลกๆขึ้น พวกเขาถ่ายทำกันในตอนกลางคืน ซึ่งไฟที่พวกเขาได้ใช้ในตอนกลางคืนนั้นอยู่ๆก็ดับลงไปแบบดื้อๆ โดยที่พวกเขาก็ไม่รู้สาเหตุ มันไม่ใช่แค่ไฟเท่านั้น มันรวมไปถึงกล้องที่พวกเขาใช้ถ่ายทำก็มีดับเองลงไปบ้าง กล้องปิดเองไปบ้าง ถ่ายไม่ติดบ้าง ในขณะที่พวกเขาถ่ายทำอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงเหมือนของตกจากที่สูงกันบ้าง เป็นเสียงที่เหมือนมีคนโยนของลงมาจากชั้นบนและเกิดเสียงดัง และที่หนักที่สุดนั้น พวกเขาเล่ากันว่าเคยได้มีหนึ่งในนักแสดงนั้นมีอาการที่ผิดแปลกไป เหมือนเขานั้นได้เห็นอะไรบางอย่าง และก็ยังมีนักแสดงที่มีอาการเหมือนถึงขั้นผีเข้าก็มี
เป็นยังไงกันบ้างครับกับเนื้อเรื่องเกี่ยวกับเกาะผีสิงอย่าง เกาะร้างฮาชิมะ เป็นอย่างที่ทุกคนคาดกันไหม เกาะร้างนี้นั้นถ้าทุกคนอยากเห็นบรรยากาศรอบๆ ก็มีหนังไทยที่ได้เข้าไปถ่ายกันที่สถานที่จริงกันด้วยนะครับ ถ้ายังไงก็ขอให้ติดตามกันไปเรื่อยๆ นะ บรัยบาย…