สงคราม ความทุกข์ทรมาน และการนองเลือดได้เติมเต็มประวัติศาสตร์ของโลก และนี่คือหนึ่งในเหตุผลที่อาคารเก่าแก่หลายแห่งของโลกมีประวัติศาสตร์ที่น่าสลดใจที่ยังคงเป็นเหมือนเครื่องหมายไว้จนถึงทุกวันนี้ ลาวัง เซวู (Lawang Sewu) ในเมืองเซมารัง เมืองหลวงของชวากลาง ได้พบเจอเหตุการณ์ที่ทำลายล้างมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาวอินโดนีเซีย ชื่อนี้มีความหมายว่า “พันประตู” “House Of Thousand Doors” สำหรับวันนี้แอดก็ได้นำเรื่องนี้มายกให้ทุกคนได้อ่านกัน ถ้าอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร ขอให้อ่านกันให้สนุกนะครับ
ลาวัง เซวู เป็นภาษาชวา แปลว่า พันประตู อาจมีไม่ถึง 1,000 บาน แต่มีประตูหลายบาน โค้ง และหน้าต่างบานใหญ่ประมาณ 600 บาน อาคารที่ดูเหมือนเขาวงกตนั้นดูลึกลับสำหรับหลายคน ตึก A อาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโบสถ์ที่มีหน้าต่างกระจกสี อย่างไรก็ตาม หน้าต่างเหล่านี้ไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวในพระคัมภีร์ แต่บอกเล่าเรื่องราวความสำเร็จของทางรถไฟและความเฉลียวฉลาดของชาวดัตช์
ชาวดัตช์อาศัยอยู่ในอินโดนีเซียมาหลายศตวรรษแล้ว ดังนั้นเมื่อมีการสร้างทางรถไฟในอินโดนีเซีย พวกเขาจึงเลือกเซมารังเป็นสำนักงานใหญ่สำหรับสำนักงานบริหารของตน อาณานิคมดัตช์ประสบปัญหาอย่างมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อญี่ปุ่นบุกอินโดนีเซีย พวกเขาเข้ายึดลาวังเซวูและเปลี่ยนห้องใต้ดินในอาคาร B ให้เป็นเรือนจำ อาณานิคมดัตช์จำนวนมากถูกคุมขัง ทรมาน และกระทั่งถูกประหารชีวิตที่นี่ ผู้คนอ้างว่านักโทษที่ถูกตัดหัวชาวญี่ปุ่นและโยนหัวที่ถูกตัดขาดไปที่มุมห้องใต้ดิน
ในปีพ.ศ. 2488 เมื่อกองทัพญี่ปุ่นถูกบังคับให้ออกนอกประเทศ รัฐบาลชาวอินโดนีเซียเข้ายึดพื้นที่นี้และตั้งชื่อใหม่ว่าบริษัทรถไฟแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม ได้มีชาวดัตช์แอบเข้าไปในอาคารโดยใช้อุโมงค์ใต้ดิน จึงได้เกิดการปะทะการต่อสู้เกิดขึ้นเป็นเวลา 5 วัน โดยคร่าชีวิตชาวอินโดนีเซียจำนวนมาก รวมทั้งคนงานรถไฟห้าคนภายในอาคาร แต่อาณานิคมดัตช์อยู่ได้ไม่นาน เมืองเซอมารังตกไปอยู่ในมือของชาวอินโดนีเซียอีกครั้งหลังจากนั้นไม่นาน และองค์กรรถไฟแห่งใหม่ของชาวอินโดนีเซีย Pt. Kereta Api เข้ารับตำแหน่งผู้ดูแล ลาวัง เซวู เมื่ออาคารมีอายุมากขึ้น Pt. Kereta Api พอเห็นแบบนั้นเขาก็ได้ละเลยในการดูแลอาคาร ลาวัง เซวูแห่งนี้และได้หันไปซื้อและดูแลตึกอื่นๆแทน
เวลาผ่านไปสีขาวเริ่มแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ธรรมชาติกำลังเข้ายึดครอง ผู้คนต่างรู้ถึงประวัติศาสตร์อันน่าสยดสยองของมัน และตอนนี้ก็เริ่มดูเหมือนบ้านผีสิง เหล่าผู้กล้าท้ากันให้สำรวจอาคารและแม้แต่พักค้างคืนที่นี่ รัฐบาลชาวอินโดนีเซียเห็นความทรุดโทรมและการละเลยของอาคารและเริ่มวางแผนปรับปรุง ลาวังเซวูได้รับการประกาศให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของอินโดนีเซียในปี พ.ศ. 2535 อาคารบีเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมก่อน แผนสำหรับสำนักงานใหม่ ศูนย์อาหารและโรงยิมถูกสร้างขึ้น แต่ต้องกำจัดเรื่องผีที่ดื้อรั้นก่อน รัฐบาลชาวอินโดนีเซียกลัวนักท่องเที่ยวกลัวที่จะเข้าไปในลาวังเซวูเพราะผี แต่กลับกันตัวเลขของผู้ที่เขามาเยี่ยมชมที่นี่กลับเพิ่มสูงขึ้นมากขึ้น ผู้เยี่ยมชมไม่น้อยกว่า 1,000 คนเยี่ยมชมลาวังเซวูในแต่ละวัน! เรื่องผีอาจดึงดูดผู้คนแทนที่จะทำให้พวกเขากลัว โดยผู้ที่มานั้นมักจะเห็นผีสาวดัตช์ กล่าวกันว่าเธอปลิดชีพตัวเองที่ลาวังเซวู ห้องใต้ดินยังคงเป็นสถานที่ที่น่าขนลุก ผู้คนรู้สึกไม่สบายใจและมีการกล่าวอ้างว่าเป็นผีปอบหัวขาดที่ไม่สามารถหาความสงบสุขได้ เหล่าวิญญาณของหญิงสาวชาวดัตช์หัวขาดยังหลอกหลอนบริเวณนี้อีกด้วย เธอถูกพูดถึงกันว่าก่อนหน้าที่จะตายเธอได้ถูกฆ่าโดยกองทัพญี่ปุ่นในช่วงสงคราม
นอกจากนี้ยังมีตำนานเมืองที่เกี่ยวข้องกับลาวังเซวู มีการกล่าวกันว่ากุนติลานักหรือปอนเตียนัค (A Kuntilanak or Pontianak) หลอกหลอนอาคารมันคือแวมไพร์ของผู้หญิงที่เสียชีวิตระหว่างการคลอดบุตร สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ดูเหมือนผู้หญิงผิวสีซีดที่มีผมยาวสีดำ ผีกุนติลานาคมีตาสีแดงและสวมชุดสีขาวเปื้อนเลือด ตำนานกล่าวว่าพวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นมนุษย์ที่สวยงามและตกเป็นเหยื่อของผู้ชายและคนส่วนใหญ่มักจะทำอะไรไม่ถูกเมื่อรู้ความจริง
ในปี พ.ศ. 2550 ภาพยนตร์สยองขวัญได้เข้าฉายในชื่อ ลาวัง เซวู เดนดัม กุนติลานัก ในภาพยนตร์เรื่องนี้ นักเรียนมัธยมจากจาการ์ตามาที่ลาวังเซวูเพื่อปาร์ตี้ แต่พวกเขากลับถูกขังและต้องต่อสู้กับผีสาวดัตช์ ผีชายที่ถูกล่ามโซ่ และแน่นอน วิญญาณของกุนติลานัก ด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันนี้นั้นลาวังเซวูเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมและควรค่าแก่การเยี่ยมชมถ้าคุณอยู่ใกล้หรือได้มีโอกาสได้เข้าไปในประเทศอินโดนีเซีย ถ้าคุณชอบเรื่องผีในตึกที่มีประวัติหล่ะก็ แอดแนะนำให้ไปที่นี่กันนะครับ แต่สำหรับใครถ้ารู้สึกกลัวหรือคิดว่าไม่น่าจะมีโอกาสที่จะได้ไปต่างประเทศหรืออะไร แต่อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับวิญญาณหลอนๆหรือตำนานต่างๆ หรืออาจจะเป็นเรื่องเล่าจากประสบการณ์หลอนๆของคนอื่น ก็ขอให้ติดตามกันไปเรื่อยๆนะครับ รับลองว่าไม่ผิดหวังกันอย่างแน่นอน แอดจะนำเรื่องราวหลอนๆมาให้อ่านกันอีกนะครับ เพราะฉะนั้นขอให้ติดตามกันเรื่อยๆน๊า บรื้อ…