คนในยุคก่อนนั้นจะมีสมบัติมากมายและจะขึ้นชื่อในเรื่อง หวงของ หวงสมบัติ ดังนั้นจึงต้องมีคนเฝ้าทรัพย์สมบัตินี้ จึงมี ปู่โสมเฝ้าทรัพย์มีหน้าที่คอยเฝ้าสมบัติคอยเป็นเจ้าที่พิทักษ์สมบัตินี้เอาไว้ วันนี้เราได้นำตำนานลึกลับที่มีเนื้อหาค่อนข้างคล้ายคลึงกับปู่โสมเฝ้าทรัพย์ เราไปตามรอยกันเลยดีกว่ากับเรื่อง ผีทหารญี่ปุ่นที่ได้นำสมบัติไปฝังไว้ในถ้ำภูเขาทอง แล้วทำการสละชีวิตเพื่อเฝ้าสมบัตินี้
เราจะมาเล่าประสบการณ์ของหญิงสาวนางหนึ่งที่ นางจะมาเล่าถึงตำนานลึกลับของถิ่นกำเนิดบ้านเกิดของนางเอง ซึ่งได้ฟังมาจากแม่ของนางเอง เป็นเรื่องที่เล่าส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่นเลยก็ว่าได้ ณ ที่นี้ขอตั้งชื่อนามสมมุติของหญิงสาวนางนี้ให้ชื่อว่า กี้ หลอนเป็นชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่บ้านปากคลอง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง
หมู่บ้านปากคลองนี้เป็นชื่อที่หลายคนไม่ค่อยคุ้นกันสักเท่าไหร่ แต่ถ้าบอกว่าหมู่บ้านนี้จะตั้งอยู่ใกล้กับ “วัดเขาอ้อ” ซึ่งชื่อนี้หลายคนย่อมรู้จักกันดีเพราะในอดีตเป็นเหมือนกับสำนักเรียนวิชาไสยศาสตร์ ที่ดังระดับประเทศ ผู้คนที่มีชื่อเสียงเป็นศิษย์วัดนี้ก็คือ พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช (บุตร พันธรักษ์) ท่านขุนพัน ซึ่งเป็นตำรวจน้ำดีชื่อดังของวงการตำรวจไทย
ในที่นี้เราไม่ได้มาเล่าถึงประวัติวัดเขาอ้อกันนะจ๊ะแต่ เราจะมาเล่าถึงตำนานลึกลับแห่งวัดภูเขาทอง ซึ่งถ้ามองไปในแนวระนาบเหนือใต้จะเห็นอยู่ในแนวเดียวกันเลยและที่ตั้งก็อยู่ไม่ไกลจากกันเลย วัดเขาอ้อมีลูกศิษย์ทั้งโจรและตำรวจดังนั้นไม่ว่าจะเสือหรือข้าราชการก็มักจะมาฝากตัวเป็นศิษย์กับวัดพอ่ท่านคล้าย และถ้าใครที่เป็นเสือถ้าต้องอาศัยอยุ่รวมกันกับ
พวกเสือก็จะไปอยู่ตามตีนถ้ำภูเขาทอง ด้วยในยุคสมัยหนึ่ง ปี 2453 ที่มีการนำรถไฟเข้ามาใช้งานได้มีการตัดเส้นทางรถไฟให้ผ่านจังหวัดพัทลุงซึ่งเส้นทางนี้อยู่ใกล้กับภูเขาทอง ซึ่งการตัดเส้นทางผ่านเช่นนี้เป็นการนำความเจริญเข้ามาสู่หมู่บ้านอีกด้วย เมื่อปี 2484 กองทัพญี่ปุ่นได้ทำการยกทัพเข้าสู่ประเทศไทยของเราพร้อมๆกันถึง 7 จุด ก็จะมี สุราษฎร์ธานี ชุมพร ประจวบฯ นครศรี ปัตตานีและสงขลา
ซึ่งทางรัฐบาลได้ยอมให้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน ทางญี่ปุ่นได้คอยลำเลียงไม่ว่าจะเป็นอาวุธ เสบียงอาหาร และสิ่งที่สำคัญคือสมบัติทีได้ยึดตามหัวเมืองมลายูมาสะสมมาเรื่อย เล่ากันปากต่อปากว่า ญี่ปุ่นมีทั้งทองและเงินใส่ขบวนรถไฟมาหลายโบกี้ จนมาถึงในปี 2488 ทางประเทศญี่ปุ่นได้ยกธงขาวประกาศยอมแพ้สงครามในครั้งนี้ ดังนั้นพวกทหารที่อยุ่ต่างแดนในที่ต่างๆได้มีการปลิดชีพตัวเอง
โดยวิธีคว้านท้องไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งใน ณที่ประเทศไทยของเรานี้ทางทหารญี่ปุ่นพอรู้ถึงการยอมแพ้จึงต้องหาสถานที่ปลอดภัยไว้เก็บสมบัติทั้งทองและเงิน พวกเขาได้มองสถานที่ “ภูเขาทอง” เป็นที่เก็บสมบัติ ฝ่ายทหารญี่ปุ่นกลุ่มนี้จึงได้มีการลำเลียงสมบัติทั้งทองคำและอื่นๆเข้าไปในเขตพัทลุงทันที ตัวถ้ำเป็นสถานที่เป็นถ้ำขนาดใหญ่ ช่องทางเข้าออกไม่มีความลำบากแต่อย่างใด
สะดวกต่อการเคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเร็ว พอสมบัติชิ้นสุดท้ายได้เข้าไปอยุ่ในถ้ำเรียบร้อยแล้ว ทางทหารญี่ปุ่นจึงทำการระเบิดปิดปากถ้ำขังตัวเองไว้ในถ้ำ และทำการปลิดชีวิตของตัวเองด้วยวิธีการใช้มีดคว้านท้องให้ตนกลายเป็นเจ้าที่เจ้าทางเป็นผีคอยเฝ้าทรัพย์สมบัติที่อยุ่ในถ้ำไม่ให้มีใครมายุ่งมาเอาสมบัติไป เรื่องราวต่อมาที่เกิดเป็นเหตุการณ์สุดสยองเนื่องด้วย
มีผู้คนที่ได้ข่าวว่าทหารญี่ปุ่นได้ฝังสมบัติไว้ในภูเขาทองนี้จึงมีผุ้คนที่จะพยายามขุดระเบิดหินตรงปากทางเข้าถ้ำแต่ไม่สามารถเข้าไปได้เพราะตัวหินมีน้ำหนักที่มากเกินไปในขณะเดียวกันที่นั้นก็มีสำนักสงฆ์อยู่ก็เริ่มที่เจริญขยายเขตกลายเป็นวัดไปแล้ว ทำให้ใครที่จะเข้าไปขุดปากทางเข้าถ้ำก็ทำได้ยากมากขึ้นไปอีก ชาวบ้านได้เอาร่างทรงเข้ามาเพื่อดูทางเข้าถ้ำว่ามีอีกหรือไม่
ได้บทสรุปมาว่ามีทางเข้าถ้ำแต่ต้องปีนขึ้นไปที่บนยอดภูเขาจะมีปล่องรูให้โรยตัวลงไปในตัวถ้ำได้ จึงมีผู้ที่สำรวจว่าทางเข้าถ้ำนั้นมีจริงหรือไม่ ปรากฏว่าปล่องทางเข้านั้นมีอยู่จริงแต่มีคนที่ลองเข้าไปแต่ต้องพบกับผีทหารญี่ปุ่นที่คอยยืนถือดาบซามูไรอยู่ในถ้ำพวกเขามีแรงอาฆาตถือได้ว่าเป็นเจ้าที่มีฤทธิ์มากเขาหวงสมบัติมากใครที่เข้าไปตอนนี้
เราอยากจะบอกทุกท่านไว้เลยว่ามีคนเข้าไปแล้วก็จริงแต่พวกเขาไม่ได้กลับออกมากันอีกเลย คงต้องอยู่ในถ้ำนั้นไปตลอดกาลเป็นกลายเป็นวิญญาณผีเฝ้าถ้ำตามผีทหารญี่ปุ่นเลยจะว่าแบบนั้นคงไม่ผิดเลย ใครที่อยากจะลองก็สามารถเชิญได้แต่เราไม่แนะนำจะดีกว่าให้ตำนานนี้เป็นสิ่งที่เล่ากันฟังกันไปแบบเพลินๆจะดีกว่า อย่าไปลอง อย่าไปโลภในสมบัติที่เราไม่ได้เป็นของเราเลยจะดีที่สุด
ที่มาข้อมูล